มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 อาจารย์หลินต๋า

        ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดจ้าวเถี่ยจู้และหลีหลิงเอ่อร์ก็หาตึก A ของสาขาภาษาต่างประเทศจนเจอ ตัวตึกเป็นสีขาวและมีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือกำแพงมีภาพแกะสลักสไตล์ยุโรป จ้าวเถี่ยจู้และหลีหลิงเอ่อร์หาห้องเรียนที่เป็นจุดหมายจนพบ หลีหลิงเอ่อร์ในตอนนี้ไม่ได้เอามือคล้องไว้ที่แขนของจ้าวเถี่ยจู้อีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเป็นเดินตามหลังแทน

        ในห้องมีคนนั่งอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคน เมื่อเห็นว่ามีคนใหม่เดินเข้ามา พวกเขาจึงอดหันไปมองไม่ได้ ผู้หญิงเมื่อเห็นจ้าวเถี่ยจู้ก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาทันที แต่เมื่อเห็นหลีหลิงเอ่อร์ ดวงตากลับเป็นประกายขึ้นมา ความสวยของหลีหลิงเอ่อร์นี่มีผลกับทั้งหญิงและชายจริงๆ หลีหลิงเอ่อร์เมื่อคนในห้องมองมาที่ตนก็ส่งยิ้มให้อย่างคนมีอัธยาศัยดี คนในห้องก็ส่งยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

        จ้าวเถี่ยจู้มองสำรวจไปรอบๆ ห้อง มีผู้ชายแค่สามคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ในห้องนี้ และทั้งสามต่างก็มองมาที่หลีหลิงเอ่อร์ด้วยแววตาเป็นประกาย เขาเดินเข้าไปหาที่นั่ง เมื่อเจอก็ทรุดตัวนั่งลง หลีหลิงเอ่อร์ที่ตามหลังมาด้านหลังก็ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เขา ห่างจากทั้งสองไปไม่ไกลมีชายอ้วนคนหนึ่งส่งยิ้มมาให้พร้อมทั้งเดินตรงเข้ามาหา ชายอ้วนทรุดนั่งลงอีกฝั่งของข้างๆ ตัวเขา จากนั้นจึงพูดแนะนำตัว “สวัสดี ผมชื่อฟั่นเจี้ยน มาจากไหวเป่ย นายละ

        ผมชื่อจ้าวเถี่ยจู้ คนฝูชิง” เขาแนะนำตัวกลับไปพลางคิด ฟั่นเจี้ยนเนี่ยนะ ยิ่งกว่าชื่อเขาอีก

        ฮ่าๆ ชื่อพวกเรานี่ไม่เหมือนใครเลยเนอะ แล้วสาวสวยคนนี้คือ…” ฟั่นเจี้ยนนิ่งอย่างอึ้งไปสักพักหลังจากได้ยินชื่อเขา จากนั้นจึงหัวเราะออกมา

        ฉันชื่อหลีหลิงเอ่อร์ เป็นคนปักกิ่ง ชื่อของฉันไม่ตลกเหมือนชื่อพวกนายเลยเนอะ” หลีหลิงเอ่อร์แนะนำตัวจบก็หัวเราะออกมา

        คนปักกิ่งนี่เอง ถึงว่าสวยมากเลย” ใบหน้าของฟั่นเจี้ยนยังคงมีรอยยิ้มขณะพูด

        ขอบคุณนะ

        เถี่ยจู้ นายอยู่หอไหน” ฟั่นเจี้ยนหันมาถามเขาซึ่งเขาก็คุ้นเคยกับคำถามนี้ดีจึงตอบกลับอย่างไม่รู้สึกอะไร “พวกเราอยู่ข้างนอกน่ะ มีบ้านอยู่ในเมืองฝูเจี้ยนนี่เอง

        ผมอยู่ในโรงเรียน อยู่ตึกสามห้อง 308 ที่นั่งอยู่ตรงนั้นสองคนคือหลิวติงและโจวเซ่าเป็นรูมเมทผมเอง ถ้าว่างก็ไปนั่งเล่นห้องผมได้นะ

        ได้เลย

        ขณะที่จ้าวเถี่ยจู้และฟั่นเจี้ยนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามาเพิ่มในห้องอยู่ตลอดเวลา จนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในห้องก็มีคนนั่งอยู่หกสิบกว่าคนเห็นจะได้ ขณะนั้นเองที่หน้าประตูห้องก็ปรากฎเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง ห้องที่ตอนแรกมีเสียงพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ ตอนนี้เสียงเริ่มเบาลงและเงียบไปในที่สุด ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นคนสวยเหมือนกับหลีหลิงเอ่อร์ไม่มีผิด เพียงแต่ในแววตามีแต่ความหยิ่งยโส หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาในห้องพร้อมทั้งกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นหลีหลิงอ่อร์สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ในเวลานั้นเขาสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากสายตาของเธอ

        หญิงสาวคนนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งโดยที่เธอไม่คุยกับคนข้างๆ เลยแม้แต่น้อย เธอวางกระเป๋าที่มีตัวย่อภาษาอังกฤษว่า LV ไว้ที่โต๊ะข้างตัว แววตาของผู้หญิงที่นั่งอยู่รอบๆ เปล่งประกายเมื่อเห็นกระเป๋าของเธอ เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบ IPHONE 4 ขึ้นมากดเล่น ทำให้คนไม่น้อยอดมองด้วยความอิจฉาไม่ได้

        คนในห้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มักจะเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ ถ้านับจ้าวเถี่ยจู้แล้ว ในห้องมีผู้ชายอยู่ประมาณยี่สิบคนเห็นจะได้ ขณะนั้นเองหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำ ในมือถือแฟ้มก็เดินเข้ามาในห้อง เธอเดินไปที่เวทีด้านหน้า คนที่อยู่ในห้องทุกคนจึงเงียบลงทันทีแล้วมองไปที่หญิงสาวที่ยืนหน้าห้องแทน จ้าวเถี่ยจู้หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้า เธอสูงประมาณ 170 แต่ถ้ารวมกับส้นสูงที่เธอใส่ น่าจะสูงถึง 180 เลยทีเดียว เธอใส่แว่นตาสีแดง ม้วนผมไว้กลางศีรษะ ริมฝีปากที่แสนจะเซ็กซี่นั่นถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดง ใบหน้าจิ้มลิ้มและไฟตรงมุมปากช่วยให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ภายใต้เสื้อสูทสีดำ หน้าอกที่ใหญ่เกินตัวของเธอทำให้เสื้อเชิ้ตมีช่องว่างระหว่างกระดุมเม็ดแรกและเม็ดที่สอง ซึ่งเขาเหมือนจะเห็นอะไรก็ไม่รู้สีแดงซ่อนอยู่ด้านใน เธอใส่กระโปรงสั้นคลุมเข่าสีดำเช่นเดียวกับเสื้อสูท และใส่รองเท้าส้นสูงสีดำ เพียงแค่หญิงสาวคนนี้ปรากฏตัว สายตาของทุกคนในห้องต่างก็จับจ้องไปที่เธอเป็นตาเดียว แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างและความสวยเหมือนกับหลีหลิงเอ่อร์ แต่เธอมีความเป็นผู้ใหญ่และเซ็กซี่กว่ามาก ถ้าเปรียบหลีหลิงเอ่อร์เป็นดอกไม้ก็คงเป็นเหมือนกับดอกหญ้า น่ารักและสดใส ส่วนหญิงสาวอีกคนจะเป็นดอกอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากดอกกุหลาบสีแดง มีเสน่ห์และเซ็กซี่ รอให้คนมาเด็ดดม

        สวัสดีทุกคน” เธอทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสียงของเล็กและก็แหลม แต่ไม่ใช่แบบที่ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายหู แต่เป็นแบบที่ทำให้รู้สึกคันในหัวใจยุบยับยุบยับ รื่นหูเป็นที่สุด “ฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของสาขานี้ ชื่อหลินต๋า ฉันหวังว่าพวกเราจะสามารถผ่านช่วงเวลาสี่ปีในมหาวิทยาลัยไปด้วยกันอย่างงดงาม” เธอพูดจบ คนในห้องต่างก็ปรบมือกันยกใหญ่ โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่ปรบมือกันเสียงดังเป็นพิเศษ เธอยิ้มก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ มากันพอสมควรแล้ว ฉันอยากจะขอตัวแทนนักศึกษาหนึ่งคนเดินเก็บใบตอบรับ มีใครจะอาสาไหม

        ผมครับ ผมครับ ผมครับ” ผู้ชายที่อยู่ในห้องต่างก็ยกมืออาสากันอย่างถ้วนหน้า รวมถึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้าวเถี่ยจู้อย่างฟั่นเจี้ยนด้วย ชายหนุ่มหน้าแดงขณะที่ยกมือ เขาได้แต่มองอย่างหมดคำพูด คนพวกนี้นี่ ทำอย่างกับไม่เคยเห็นสาวสวยไปได้

        แหมะ มีน้ำใจกันทุกคนเลย ลำบากใจนิดหน่อยนะเนี่ย ไม่รู้จะเลือกใครดีเลย” อาจารย์หลินต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างลำบากใจ แต่ท่าทางแบบนั้นกลับยิ่งทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านล่างคลั่งเข้าไปใหญ่

        งั้นอาจารย์ซุ่มเอาละกัน” อาจารย์หลินต๋าบอกพร้อมทั้งหยิบใบรายชื่อขึ้นมาดูอยู่สักครู่ก่อนจะเรียกชื่อ “จ้าวเถี่ยจู้ ช่วยอาจารย์เก็บหน่อยนะ” เขาตะลึงไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะเรียกชื่อเขาที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยกมือเมื่อสักครู่ เขาหันไปมองรอบๆ ก็เห็นแต่รังสีฆ่าฟันมองตอบกลับมา เขาจึงตอบปฏิเสธ “อาจารย์ครับ ผมไม่ว่าง

        หา?” อาจารย์หลินต๋ามองมาที่เขาอย่างแปลกใจ ที่เธอเรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นชื่อที่ดูซื่อๆ ดี แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธออกมา หรือว่าจะไม่ใช่ผู้ชาย “นักศึกษาจ้าวคะ ช่วยอาจารย์หน่อยได้ไหมคะ อาจารย์จะต้องตอบแทนเธออย่างแน่นอน” อาจารย์หลินต๋ายิ้มพร้อมทั้งกะพริบตาปริบๆ ออดอ้อน ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

        เอ่อคือ… เห็นแก่ที่อาจารย์ขอร้อง งั้นผมเก็บให้ก็ได้ครับ” ตอนแรกจ้าวเถี่ยจู้ก็คิดจะทำเป็นเงียบๆ แต่เหมือนว่าอาจารย์คนนี้ยิ่งเขาปฏิเสธ เธอก็จะยิ่งอยากให้ทำนะสิ สู้เขารับคำเธอตอนนี้ เธอจะได้ไม่ต้องมาทำตาเยิ้มใส่จนเขาเคลิบเคลิ้มดีกว่า

        เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่แถวหน้าสุดเพื่อเก็บใบตอบรับ หลีหลิงเอ่อร์เลิกคิ้วมองเขาราวกับดูถูกที่เขาไม่มั่นคงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ แต่เขาก็ไม่สนใจยังคงเดินเก็บใบตอบรับต่อ ตอนที่รับใบตอบรับจากพวกผู้ชาย เขารู้สึกได้ถึงสายตาแห่งความอิจฉาที่มองมา แต่เขาก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน จนมาถึงหญิงสาวที่ใช้กระเป๋า LV เธอมองเขาอย่างเหยียดหยามก่อนจะหยิบใบตอบรับจากในกระเป๋าโยนให้เขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจ และยอมก้มลงเก็บแต่โดยดี

        เขาใช้เวลาเก็บเพียงไม่นาน จากนั้นจึงเดินถือใบตอบรับปึกนี้ไปมอบให้แก่อาจารย์หลินต๋าที่หน้าเวที ซึ่งอาจารย์ก็รับและพูดขอบคุณเขา ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ ไม่ไปไหน “นักศึกษาจ้าว มีอะไรงั้นหรือ

        อาจารย์ ของตอบแทนที่บอกจะให้ล่ะครับ” เขาถามอีกฝ่าย

        ดูสิ แป๊บเดียวอาจารย์ก็ลืมเลย แล้วนักศึกษาอยากได้อะไรตอบแทนค่ะ

        ผมจะรู้ได้ไง อาจารย์เป็นคนพูด พูดออกมาแล้วจะมาเรียกคืนไม่ได้นะครับ

        งั้นขออาจารย์คิดก่อนนะ เอาแบบนี้ดีไหม พวกเราค่อยหาเวลาส่วนตัวไปนั่งคิดด้วยกัน” คนตรงหน้าพูดพร้อมทั้งย้ำตรงคำว่า ส่วนตัว เป็นพิเศษ อีกทั้งยังทำตาหวานเยิ้มใส่เขา ตอนแรกเขาก็คิดจะปฏิเสธ แต่พอโดนแบบนี้เข้า… จ้าวที่ตอนนี้กลายเป็นสาวกอาจารย์สาวไปอีกคนแล้ว ได้แต่รับคำอย่างทำอะไรไม่ได้ “ได้ครับ

        พี่เถี่ยจู้เนี่ยใจอ่อนจริงๆ เลย ถึงว่าทำไมถึงไม่มีแฟน เพราะพี่ไม่มีความปลอดภัยนี้เอง” เมื่อกลับมานั่งที่ หลีหลิงเอ่อร์ก็ใช้มือหยิกเขาก่อนจะพูดตัดพ้อ 

        เขาก็ได้แต่ยอมรับอย่างจนปัญญา

Author Glory Forever