พลังของ ‘ศพระเบิด’ รุนแรงมาก แม้แต่อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ก็ป้องกันไม่ทันถูกเศษกระดูกเสียบทะลุที่แขนซ้าย หยดเลือดขนาดเท่าหัวแม่มือไหลไม่หยุด และแม้จะรวมพลังไว้บนร่างก็กันไว้ไม่อยู่ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ใบหน้าเขาก็บิดเบี้ยว ถ้าไม่ได้สวมหน้ากากสีดำไว้ เกรงว่าเหล่าทหารคงได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือกด้วยความเจ็บปวดของเขาแน่
เขาสับสน ทำไมจู่ๆ ศพพวกนี้ถึงได้ระเบิดออกมา ขบวนทัพก็วุ่นวายขึ้น
อีกด้าน ซุนเฟยพุ่งเข้ามาโดยไม่รั้งรอ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็เปลี่ยนจาก ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ เป็น ‘โหมดคนเถื่อน’ ทันที
พละกำลังมหาศาลก็กลับคืนมา ซุนเฟยคำรามออกมาเสียงดัง ทันใดนั้นพื้นที่เขาเหยียบอยู่ก็เกิดเสียงดังตูม พื้นสะพานหินแข็งๆ ที่อยู่ใต้เท้าเขาก็มีเศษหินกระเด็นออกมา เขาเปิดใช้ทักษะ ‘กระโดด’ ของคนเถื่อน
หวือ!
ราวกับว่าภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านถูกยกขึ้นจากพื้น แสงอาทิตย์สะท้อนเบื้องหลังของซุนเฟยจนเกิดเงาสีดำขนาดใหญ่ กระโดดลอยขึ้นไปกลางอากาศไม่ต่ำกว่าห้าเมตร ราวกับเป็นขนนกที่ไร้น้ำหนัก สามารถลอยข้ามดงหอกมังกรที่เหมือนกับเม่นเหล็กและโล่ที่สูงกว่าสามเมตรได้อย่างง่าย แล้วตกไปอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารเกราะดำที่อยู่หลังโล่
“หาที่ตาย!”
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ เห็นศัตรูลอยข้ามโล่เข้ามาโดยที่ไร้อาวุธในมือ ในใจก็เต้นโครมครามอย่างดีใจ เขารู้ดีว่านี่คือโอกาสดี เขาไม่สนบาดแผลที่แขน เร่งโคจรคลื่นพลังอย่างบ้าคลั่งแล้วกระโดดเข้าไป ในมือถือกระบี่ฟันไปทางซุนเฟย
เขาพยายามใช้กระบวนท่ากระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตนสังหารผู้ชายที่มีพลังแข็งแกร่งคนนี้ให้สิ้นซาก
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ มั่นใจมากว่าหากปะทะกันกลางอากาศ คลื่นพลังและความว่องไวของตนเองเหนือกว่าฝ่ายศัตรูมาก ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูยังไม่มีอาวุธในมือและยังสวมชุดอัศวินเกราะหนักอีก…พริบตาที่กระโดดขึ้นมา เขามั่นใจว่าอย่างน้อยๆ ด้วยกระบวนท่ากระบี่ของตนเอง สามารถทะลวงชุดเกราะหนักของอีกฝ่ายแล้วแทงทะลุขั้วหัวใจอีกฝ่ายได้
แต่…
“ไสหัวไป!”
ซุนเฟยที่ลอยกลางอากาศตะคอกเสียงดัง ก่อนจะเตะกระบี่ที่แทงมาทางตน
ความตกใจแล่นในดวงตาของอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ เขาจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไม่ได้และเขารู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าจนความเจ็บแปล๊บแล่นไปทั่วร่าง กระบี่ที่ถูกเตะก็หลุดจากมือเขา กระบี่นั่นราวกับฟางข้าวที่ลอยอยู่ท่ามกลางพายุลอยขึ้นลงกลางอากาศ
ปึก!
เลือดไหลออกมาจากกลางฝ่ามือของอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ด้วยแรงเตะนั่นทำให้มือของเขาฉีก
แต่ฝันร้ายยังไม่จบ
ไม่รอให้เขาร่วงลงถึงพื้น ซุนเฟยก็ง้างเท้าเตะอีกครั้ง
ลูกเตะนี้เตะเข้าไปที่กลางอกของอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ เสียงกระดูกหักดังกร๊อบขึ้นมา หน้าอกของเขายุบลงไปกลายเป็นรอยฝ่าเท้าอย่างน่ากลัว ด้วยแรงเตะนี้ทำให้ร่างเขาร่วงลงสู่พื้นเร็วกว่าเดิมในชั่วพริบตา ร่างของเขาชนเข้ากับร่างของเหล่าทหารเกราะดำด้านล่างอย่างแรง ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน กลุ่มคนก็พากันล้มลงเหมือนโดมิโน…
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ที่โดนลูกเตะนี้ อวัยวะภายในทั้งหมดแตกเป็นก้อนเลือด กระฉูดออกมาทันทีไม่มีโอกาสรอดแม้แต่น้อย ร่างของเขานอนกองกับพื้นไร้ซึ่งเสียงร้องใดๆ เขาตายในทันที
ดวงตาของเขาเบิกโพลง ในดวงตายังแสดงอาการไม่อยากจะเชื่อ เขายังคิดไม่ออกว่าทำไมนักรบระดับหนึ่งดาวอย่างเขา เพียงถูกลูกเตะเบาๆ ไร้ซึ่งคลื่นพลังใดๆ ของเจ้าคนกักขฬะนี้เข้า ถูกสังหารตายอย่างง่ายดายเหมือนลูกไก่ถูกเหยียบตาย
แน่นอนว่า หากอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ รู้ก่อนหน้านี้ว่าคนที่ตัวเองกระโดดลอยขึ้นไปขวางกลางอากาศเป็น ‘สัตว์ร้าย’ คนนั้นที่มีพลังสังหารอัศวินเกราะดำนักรบระดับหนึ่งดาวสองคนติดๆ กันเมื่อวาน เกรงว่าปฏิกิริยาแรกที่เขาจะทำคงเป็นหันหลังวิ่งหางจุกตูดและคงไม่โลภอยากจะสร้างผลงานแน่ๆ
น่าเสียดายที่ชีวิตไม่เคยให้ทุกคนมีโอกาสครั้งที่สอง
ตอนนั้นคนเถื่อนของซุนเฟยอยู่ในเลเวล 5 ก็สามารถสังหารนักรบหนึ่งดาวได้ในชั่วพริบตา จนตอนนี้เลื่อนเลเวลมาถึงเลเวล 12 แล้วอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ นับเป็นตัวอะไร แค่เขาโบกมือทีเดียวก็สามารถสังหารได้แล้ว
เมื่อเห็นผู้บัญชาการทหารของตัวเองถูกเตะตายคาที่ เหล่าทหารเกราะดำก็ชุลมุน ซุนเฟยร่อนลงพื้นอย่างมั่นคนกลางกลุ่มทหารเกราะดำ สองมือก็ปรากฏแสงสีขาว แล้วขวานยักษ์คนเถื่อนก็ปรากฏในมือเขาอีกครั้ง
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!
เขาหมุนกายสามร้อยหกสิบองศาอย่างรวดเร็วจนเกิดพายุขวานขึ้น ข้าศึกและอาวุธชุดเกราะที่อยู่รอบๆ ก็ถูกขวานฟันเละ เลือดกระเด็นไปทั่ว ซุนเฟยหันกายบุกเข้าประชิดพลโล่อย่างรวดเร็วและใช้ขวานจามไปหลายครั้ง เสียงดังปึกๆๆ ใบขวานสะท้อนแสงอาทิตย์จนเป็นแสงสีเงิน หอกมังกรและโล่เหล็กที่ประคองไว้ก็ถูกฟันเละเป็นชิ้นๆ โล่ที่ทำจากเหล็กถึงสามชั้นก็ถูกคมขวานของซุนเฟยผ่าเป็นสองส่วน เศษเหล็กบ้างปลิวว่อนตกอยู่ข้างกาย บ้างก็ร่วงลงในแม่น้ำจูลี่
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าขบวนทัพโล่หอกมังกรเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและยากที่จะทำลายได้ ซึ่งตอนนี้มันก็ถูกทำลายลงเหมือนขนมปังนุ่มๆ ที่ถูกฉีกไม่ปาน ไม่คาดเลยว่าขบวนทัพที่น่าภาคภูมิใจจะถูกซุนเฟยทะลวงได้ง่ายดายอีกครั้งและถูกทุบด้วยพลังมหาศาลจนฉีกขาด
ราวกับเป็นสาวงามที่ถูกอันธพาลลวนลามแก้เสื้อผ้า มันไม่ง่ายเลยที่จะดิ้นรนขัดขืนยื้อแย่งเสื้อผ้ามาสวม ภายใต้การจู่โจมของอันธพาลร้ายซุนเฟย สาวงามอย่างพวกเขาคงได้แต่เปลือยกายอย่างไร้ทางสู้
“บุกเข้าไป กวาดล้างพวกมันซะ!”
ซุนเฟยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนโหมดของคนเถื่อนและเนโครแมนเซอร์ ทำลายขบวนทัพโล่หอกมังกรที่ทหารเกราะดำตั้งขึ้นมาครั้งที่สองเพียงไม่กี่สิบวินาที การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เหล่าข้าศึกกำลังตกตะลึง เขาก็หันหลังส่งสัญญาณเรียกเหล่านักรบที่อยู่ห่างออกไป เมื่อครู่นี้เขาสั่งให้เหล่านักรบดื่มน้ำที่ผสม ‘น้ำยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง’ เพื่อฟื้นฟูพลังที่เหล่านักรบใช้ในการต่อสู้
ครืน!!!
เหล่านักรบทั้งยี่สิบกว่านายวิ่งเข้ามาด้วยชุดเกราะที่หนักกว่าหกสิบเจ็ดสิบจิน (สามสิบกิโลกรัม) ทำให้เกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นราวกับเป็นทหารม้าเกราะหนักกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ถ้าทุกคนรู้สึกไม่ผิด เหมือนกับว่าสะพานหินที่พวกเขายืนอยู่มันสั่นสะเทือนและพร้อมจะถล่มลงไปได้ทุกเมื่อ
เลือดที่ปกคลุมอยู่บนชุดเกราะทั้งยี่สิบกว่าคน ยิ่งทำให้พวกเขาเหมือนปีศาจกระหายเลือดที่มาจากนรก
เสียงครืนดังขึ้น
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ มหกรรมการนองเลือดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แขนขาที่หักก็ปลิวว่อนไปทั่ว
เหล่านักรบพุ่งเข้าไปกลางขบวนทัพทหารเกราะดำที่กำลังวุ่นวาย อาวุธหนักในมือก็เริ่มฟาดฟัน ทหารเกราะดำเหมือนว่าวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเพราะถูกพวกเขาปัดกระเด็นออกจากสะพานจนร่วงลงแม่น้ำและถูกกระแสน้ำเชียวกรากกลืนกิน…
ซุนเฟยเห็นแบบนี้ก็ไม่ล่าช้าอีกต่อไป ขวานยักษ์ในมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคียวมัจจุราช ทุกที่ที่เขาผ่านก็จะว่างเปล่าเหมือนเป็นไม้กวาดกวาดหิมะ กวาดทำความสะอาดเหล่าทหารเกราะดำที่ยืนเต็มบนสะพานให้หมด
ครั้งนี้ซุนเฟยเพิ่มความเร็วในการจู่โจม
เพื่อรุดหน้าให้เร็วกว่าเดิม เขาไม่สนใจเหล่านักรบที่อยู่ด้านหลังของเขา เขายังคงระเบิดพลังของคนเถื่อนเลเวล 12 พุ่งเข้าไปทำลายขบวนทัพของทหารเกราะดำ เพียงเสี้ยววินาทีก็สังหารข้าศึกทุกคนที่อยู่ในสายตาจนหมด ส่วนปลาที่หลุดหนีรอดออกจากแหไปได้ก็มอบให้เหล่านักรบด้านหลังเขาจัดการ
แบบนี้ยิ่งทำให้ความเร็วในการรุดหน้ายิ่งเร็วมากกว่าเดิม
แต่เหล่านักรบที่อยู่ด้านหลังเขาต้องรับแรงกดดันมหาศาล
ทหารเกราะดำต่างเป็นทหารมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี มีประสบการณ์ในการรบนับร้อยครั้ง ทั้งมีบางส่วนที่เป็นยอดฝีมือและสามารถรวบรวมคลื่นพลังได้ ในการต่อสู้ แม้ว่าดาบกระบี่ไม่มีพลังที่สามารถเจาะชุดเกราะเหล็กของเขาได้ และชุดเกราะของเขาก็มีรอยกระบี่ดาบนับไม่ถ้วน แต่แรงกระแทกรุนแรงก็สามารถทำให้ร่างของเขาชาหนึบและสั่นไหวได้ ในไม่ช้า นักรบบางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่พวกเขาก็รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะถอยหลังไม่ได้ พวกเขาไม่ได้หวังว่าจะได้สังหารข้าศึกได้มากมาย แต่แค่อยากจะติดตามแผ่นหลังขององค์ราชาอเล็กซานเดอร์เท่านั้น พวกเขาไม่สนใจว่าจะได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด พวกเขากัดฟันแน่นแล้วยืนหยัดสู้
ซุนเฟยเห็นสภาพแบบนี้
ในใจก็หอบเล็กน้อย พลังที่ที่ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งและเปลี่ยนขวานยักษ์ในมือให้กลายเป็นพายุคมขวานสีเงินไร้ผู้ต้านทาน ท่ามกลางเสียงกระดูกหักและเสียงโลหะกระทบกันดังติ้งๆๆ ทหารเกราะดำที่อยู่รอบๆ ตัวเองก็ถูกเขาสับเป็นละอองเลือด จากนั้นเขาก็ถือโอกาศเปลี่ยนโหมด
‘โหมดคนเถื่อน’ หายไป
‘โหมดพาราดิน’ ทำงาน
เพียงพริบตา พลังศักดิ์สิทธิ์สูงส่งก็ลอยออกมาจากร่างซุนเฟยไปคลุมร่างนักรบตามหลังซุนเฟยมาติดๆ ซุนเฟยกระทืบเท้าก็เกิดวงแหวนสีทองกระจายตัวออกจากร่างกาย ทุกที่ที่กลุ่มแสงผ่านพวกก็รู้สึกว่าบาดแผลบนร่างกายได้รับการรักษาให้หายอย่างรวดเร็ว พลังที่ไหล่ผ่านได้ฟื้นฟูรักษาบาดแผลอย่างไม่น่าเชื่อ ความกล้าและความเชื่อมั่นของพวกเขาตอนนี้ก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
ทักษะ ‘ภาวนา’ ของพาลาดินทำงาน
“องค์ราชาทรงพระเจริญ!”
เพียร์ซเห็นฉากนี้ก็รู้สึกร้อนระอุไปทั่วร่าง เขาตะโกนออกมา ค้อนยักษ์ในมือก็ฟาดออกไป เสียงโลหะแตกดัง ‘ปึง’ เหมือนเสียงพลุ ทหารเกราะดำสี่ห้าคนร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดยามที่ถูกเพียร์ซฟาดจนกระเด็นออกไปและล่วงลงบนสะพาน…
“องค์ราชาทรงพระเจริญ!”
ดิดิเย ดร็อกบาก็ตะโกนขึ้นมาติดๆ เขาใช้แขนซ้ายของตนจับกระบี่ที่ข้าศึกกำลังแทงเข้ามาแล้วมือขวาก็ฟันมันลงไป เสียงลมกรรโชกดังฟู่ ก่อนจะตัดหัวของข้าศึกลอยขึ้นบนท้องฟ้า…
“องค์ราชาทรงพระเจริญ!!!”
นักรบอีกยี่สิบคนก็พลันตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะกลายเป็นเสือร้ายเข้าโจมตีข้าศึกแล้วรุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลังการต่อสู้พุ่งทะยานขึ้น แม้แต่พัศดีโอเลเกร์ผู้ขี้ขลาดที่ตามหลังมาอย่างกระวนกระวายใจ ก็ดูเหมือนว่าจะถูกบรรยากาศแบบนี้พาให้ฮึกเหิมเช่นกัน ในที่สุดเขาก็แสดงพลังนักรบหนึ่งดาวของตัวเองออกมา ทวนในมือตวัดฟันไปที่ทหารเกราะดำสามคน
“สมควรตาย ผู้ชายคนนั้นเป็นอัศวิน!”
“เฮ้ย นั่นวงแหวนแห่งสงคราม…พระเจ้า! วงแหวนแห่งสงคราม ‘บทเพลงแห่งชีวิต’”
“รีบถอยเร็ว…ให้ยอดฝีมือมาจัดการอัศวินคนนี้…สมควรตาย พวกเขามีอัศวินระดับสูงที่ควบคุม ‘บทเพลงแห่งชีวิต’ ได้ กลยุทธ์คลื่นมนุษย์เอามาใช้กับพวกเขาไม่ได้หรอก…”
วงแหวนสีทองที่อยู่ใต้เท้าของซุนเฟย ทำให้เหล่าทหารเกราะดำพากันร้องเสียงหลง
————————-