มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 56 สายรุ้งของพระเจ้า

        เห็น ‘ตาแก่’ ยังคงยืนทำตาปริบๆ อยู่บนสะพานฝั่งตรงข้ามอย่างไม่กลัวตาย ซุนเฟยกัดฟันกรอด ดัดไม้ดัดมือดังกรอบแกรบ เสียงโห่ร้องยินดีของพวกชาวบ้านและทหารที่อยู่ข้างๆ ก็พลันหยุดลง พลางใช้สายตาแปลกๆ มองมาที่ซุนเฟย

        ก่อนหน้านี้เบสท์ได้ขนทรัพย์สมบัติจำนวนมากออกจากเมืองแซมบอร์ด ทุกคนต่างเดาว่าหัวหน้ามหาดเล็กคนนี้ได้ขนทรัพย์สมบัติในคลังหลวงและทอดทิ้งบุตรสาวกับบุตรเขยปัญญาอ่อนแล้วหนีไป ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาตอนนี้ ดังนั้นจึงได้แต่ทำหน้าทำตาแปลกๆ

        แต่ซุนเฟยดันเข้าใจผิด

        คู่หมั้นของราชาหนุ่มผู้แสนงามสง่าคนนี้ถูกใครก็ไม่รู้มาพูดจาหยอกล้อต่อหน้าต่อตา อีกทั้งเมื่อครู่ก็เพิ่งจะเฉลิมฉลองชัยชนะอันยิ่งใหญ่ทั่วทั้งเมือง มีที่ให้คนนอกมาแทรกแซงได้ที่ไหน? จิตใต้สำนึกของซุนเฟยคิดว่าที่สายตาของคนรอบข้างแปลกๆ เป็นเพราะแบบนี้…

        หวือ!

        ทันใดนั้นซุนเฟยก็เปิดใช้ทักษะ กระโดดของคนเถื่อนราวกับพยัคฆ์ติดปีก ลอยข้ามสะพานที่แตกหัดไปยังอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน ซุนเฟยไม่พูดไม่จา กระชากเสื้อของพ่อตาตัวเองในอนาคตแล้วยก ‘ตาแก่’ ขึ้นมา เตรียมที่จะสั่งสอน ‘คนบ้า’ ที่ไร้มารยาทคนนี้สักเล็กน้อย…

        แต่ตอนนี้เอง แองเจล่าพลันตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “ท่านพ่อ ท่าน…ท่านกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย!”

        เอ๊ะ….ท่านพ่อ?

        ซุนเฟยชะงักเหมือนฟ้าผ่าขึ้นมาในใจ พลันทำสีหน้าแปลกๆ ขึ้นมา “เวรเอ๊ย หรือว่าตาแก่นี่…ความจริงแล้วเป็นพ่อของแองเจล่า?” ความคิดนี้แล่นขึ้นมา ซุนเฟยพลันเหงื่อแตกพลั่ก ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองก็ได้ยินเสียงอุทานของตาแก่ในมือ “ที่แท้เป็นท่าน อเล็กซานเดอร์ ท่านกลับมาเป็นคนปกติแล้ว…แต่ว่า ท่านคิดจะทำอะไร ข้าเป็นพระสัสสุระของท่านนะ รีบวางข้าลงเดี๋ยวนี้เลย…”

        ซุนเฟยได้ยินดังนั้นก็แทบหน้ามืด

        เขารู้สึกว่าไม่อาจทนรับเหตุการณ์นี้ไว้ได้ เวรเอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน? คาดไม่ถึงว่าคนที่กำลังหึงใส่จะเป็นพ่อตา นี่เหมือนกับตำนานเทพเจ้ากรีกในโลกเก่า มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ชายผู้โชคร้ายได้แม่ตัวเองเป็นเมีย…จะทำอย่างไรดี

        ไม่ต้องรนรานไป เหตุการณ์ทุกอย่างเขาจะต้องผ่านมันไปให้ได้

        คิดได้ดังนี้ ซุนเฟยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เขารีบเปลี่ยนท่าทีกระชากเสื้อตรงอกอย่างรุนแรงเป็นโอบกอดอย่างสนิทสนมในเสี้ยววินาที แขนทั้งสองข้างกอดรัดเบสท์อย่างแนบแน่น ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่าดูดีใจที่สุดและประหลาดใจที่สุด ซุนเฟยยิ้มพลางพูดว่า “โอ้ ท่านอาเบสท์ที่รัก ข้าคิดถึงท่านแทบตาย”

        โอ้ ใช่เหรอ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าท่านอยากให้ข้าตายกันนะ?” เบสท์หอบหายใจเล็กน้อยขณะที่ถูกซุนเฟยกอด

        ฮ่าๆๆ ท่านเข้าใจผิดเอง ท่านเขาใจผิดไปเองจริงๆ…อืม ข้าพาท่านข้ามฝั่งไปดีกว่า” ซุนเฟยพาพ่อตาในอนาคตที่อยู่ใต้วงแขน ข้ามสะพานที่แตกหักฝั่งใต้ไปยังฝั่งเหนือโดยใช้ทักษะ กระโดดของคนเถื่อน

        ตาแก่ที่ยังหล่อเหลางามสง่าพลันตกใจกลัว เขาหรี่ตาเล็กน้อย ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขาเห็นใต้เท้าตัวเองมีเมฆและไอหมอกน้ำจากแม่น้ำจูลี่ หูของเขาได้ยินเสียงลมกรรโชก เขาตกใจกลัวจนอ้าปากค้าง ตอนนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เมื่อครู่อเล็กซานเดอร์เพิ่งพาเขากระโดดข้ามสะพานยาวถึงสิบหกสิบเจ็ดเมตรที่พังทลาย…นี่มันเป็นพลังอะไร? เกรงว่าไม่น่าจะต่ำกว่าพลังสองดาวใช่หรือเปล่า? ตั้งแต่เมื่อไรกันที่อเล็กซานเดอร์มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้?

        ในใจของเบสท์พลันเต็มไปด้วยความสงสัย

        เขารู้สึกว่าในช่วงเวลาที่เขาจากไป บางทีอาจจะพลาดเรื่องที่น่าทึ่งอะไรไปด้วย

        ตุบ!

        ทั้งสองคนก็ข้ามมาถึงฝั่งเหนือของสะพาน แองเจล่าถลาเข้าไปในอ้อมกอดเบสท์อย่างดีใจ “ท่านพ่อ…ข้ารู้ว่าท่านจะต้องกลับมาแน่ๆ”

        มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะว่าสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตพ่อยังอยู่ที่นี่” ในขณะที่เบสท์พูด ใบหน้าของเขาก็เผยความอ่อนโยนในฐานะที่บิดาออกมา พลางจูบเบาๆ ที่หน้าผากของบุตรสาว

        แต่เพียร์ซ ทหาร และเหล่าชาวบ้านคนอื่นๆ กลับร้องฮึออกมาอย่างเหยียดหยาม

        ที่พวกเขาเห็นก็คือสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์แสนโลภที่ใช้เงินเป็นเบี้ย ทั้งยังขโมยทรัพย์สมบัติในคลังหลวงแล้วหนีไป ที่กลับมาเมืองแซมบอร์ดคงอยากจะมาเกาะกินฟรี อย่าได้มองแต่รูปลักษณ์ขุนนางหล่อเหลาสูงศักดิ์ที่สุนัขจิ้งจอกเฒ่านี้มันแสดงออกมา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้แต่เหล่าทหารรับจ้างที่เดินทางผ่านเมืองแซมบอร์ดต่างก็รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาดี รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหล่าคือคนที่ขี้ขลาดรักตัวกลัวตาย ทั้งยังโลภมากเป็นชีวิต

        สายตาเย็นชาจากคนรอบข้างเบสท์ก็รับรู้ได้

        แต่ชายแก่ที่หล่อเหลาคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทางอึดอัดใดๆ แม้แต่น้อย เขาดันบุตรสาวให้ถอยหลังเบาๆ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าบนร่างตัวเองให้เป็นระเบียบไม่ช้าและไม่เร็ว แล้วหันมาพูดกับซุนเฟยด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “อเล็กซานเดอร์ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่าน ความจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ข้าคิดว่าท่านรีบเสด็จไปเปลี่ยนชุดที่มันสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยดีกว่าขอรับ…”พูดถึงตรงนี้ เบสท์ก็มองไปที่ ชุดขนสัตว์อาร์คติกของคนเถื่อนที่ซุนเฟยสวมบนร่าง ชุดนี้มอมแมมเล็กน้อย เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดต่อไปว่า “องค์จักรพรรดิยาชินแห่งราชอาณาจักรเซนิทได้ส่งองค์หญิงนาตาชาเสด็จแทนพร้อมนำพระราชสาส์นแต่งตั้งมาที่นี่ อีกสองสัปดาห์ท่านจะมีพระชนมายุครบสิบแปดพรรษาแล้ว ตามประเพณีของแผ่นดิน ท่านจะได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิ และสามารถจัดพิธีราชาภิเษกเพื่อสถาปนาเป็นราชาของเมืองแซมบอร์ด…นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่านจำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดี”

        พูดจบ ตาแก่ผู้หล่อเหลาก็ชี้นิ้วไปที่กลุ่มอัศวินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

        ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นเป็นคนของราชอาณาจักรเซนิทจริงๆ ด้วย…อ่า จริงสิ ท่านอาเบสท์ ที่ท่านพูดเมื่อกี้หมายความว่าอย่างไร? พระราชสาส์นแต่งตั้ง? หรือว่าพวกเขาไม่ได้เดินทางมาเป็นกำลังเสริมเมืองแซมบอร์ด?” ซุนเฟยขมวดคิ้ว

        ไม่ใช่ ในระหว่างที่พวกเขาเดินทางมาก็เพิ่งจะรู้ว่าเมืองแซมบอร์ดมีข้าศึกล้อมเมือง”

        ซุนเฟยมองไปที่เหล่าอัศวินม้าที่แสนหยิ่งทระนงฝั่งตรงข้ามแล้วลูบคางพลางหัวเราะ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…ท่านอาเบสท์ ท่านก็เห็น สะพานหินที่สามารถใช้เดินทางเข้ามาที่เมืองแซมบอร์ดมันเสียหายในระหว่างการต่อสู้ ตอนนี้พวกเขาคงไม่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ อีกอย่างทหารของข้าก็ต่อสู้กับข้าศึกติดต่อกันมาหลายวันไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืน ตอนนี้ก็คงเพลียมาก เอาแบบนี้ละกัน ให้พวกเขาตั้งค่ายทหารอยู่ฝั่งตรงข้ามรอสักสองสามวัน ข้าจะส่งคนไปซ่อมสะพานหินแล้วค่อยให้พวกเขาเดินทางเข้ามาดีไหม?”

        เบสท์ได้ยินดังนั้นก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง “อเล็กซานเดอร์ ท่านมาล้อเล่นอะไรตอนนี้ พวกเขาเป็นคณะตัวแทนของราชอาณาจักรเซนิท กระหม่อมขอเสนอให้ท่านส่งคนมาซ่อมสะพานเดี๋ยวนี้เลย ใช้เชือกและไม้กระดานนำมาต่อเป็นสะพานขึ้นมา…” พูดถึงตรงนี้ เบสท์ก็กระซิบไปที่ข้างหูของซุนเฟย “พวกเขามาเพื่อทำพิธีราชาภิเษกและสวมมงกุฎให้แก่ท่าน ท่านรู้ไหมว่าข้าต้องจ่ายไปมากแค่ไหนถึงจะได้คณะตัวแทนกลุ่มนี้มา?”

        ก็สะพานมันหักจะให้ข้าทำอย่างไร? ถ้าเหล่าอัศวินที่สูงส่งของจักรพรรดิรอไม่ไหว พวกเขาก็ซ่อมสะพานไปกันเองเสียสิ” ซุนเฟยไม่พูดอะไรอีก เขาหันหลัง เดินไปไม่กี่ก้าวก็ตะโกนว่า “คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่พระราชวังเพื่อเป็นรางวัลให้แก่เหล่านักรบผู้กล้าหาญของข้า ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเด็ก คนแก่ วัยรุ่นทั้งชายและหญิงสามารถเข้าร่วมได้!”

        ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับทหารและชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ทันใดนั้นคนในฝูงชนก็พลันโห่ร้องอย่างยินดีขึ้นมา รอยยิ้มมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน

        เบสท์ยืนอึ้งและได้แต่ส่ายหัวอย่างจำใจ

        แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเพื่อโน้มน้าวใจอีกครั้ง

        ……

        ……

        กลับไปที่เมือง แม้ว่าร่างกายและจิตใจจะเหนื่อยล้า แต่ซุนเฟยต้องการจัดการปัญหาผลพวงสงครามด้วยตนเองอย่างแข็งขัน แม้ว่าทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้จะถูกเบสท์ขนออกไป แต่ซุนเฟยก็นำสมบัติที่เหลืออยู่ไม่มากนั้นออกมา ด้วยการช่วยเหลือของแองเจล่าและเจ็มม่า แบ่งออกเป็นหลายส่วนเพื่อเป็นของรางวัลตอบแทนที่ทหารและชาวบ้านที่เข้าร่วมทำสงครามต่อสู้ปกป้องเมืองแซมบอร์ดครั้งนี้

        การทำแบบนี้ทำให้เขาได้รับความซาบซึ้งและขอบคุณของเหล่าทหารและขาวบ้าน

        โดยเฉพาะครอบครัวที่กำลังโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของคนที่เรารัก รางวัลของราชาเหมือนช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลา ไม่เพียงเป็นเกียรติยศ ยิ่งทำให้พวกเขามีความหวังที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปท่ามกลางความเศร้าและเจ็บปวดต่อการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไป

        เวลานี้ ชื่อเสียงและอำนาจของราชาอเล็กซานเดอร์ในเมืองแซมบอร์ดพุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างไม่คาดคิด คำแรกที่ทุกคนพบกันก็จะตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ราชาจงเจริญ!” สงครามที่แสนโหดร้ายทำให้เมืองบอบช้ำ แต่ตอนนี้กำลังได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วอย่างยากจะเชื่อ

        นอกจากนี้ ซุนเฟยยังเหลือ น้ำยารักษาชีวิตขวดกลางครึ่งขวด หลังจากที่ผ่านการเจือจางแล้วก็ให้พวกหมอในเมืองนำไปรักษาพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ยกเว้นคนที่โชคร้ายที่บาดเจ็บหนักจนต้องพิการ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็จะได้รับฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น ส่วนทหารบาดเจ็บเล็กน้อยก็สามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวได้อย่างมีความสุข

        ราชาอเล็กซานเดอร์ได้ประทับอยู่ในใจของพวกเขา เสมือนเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนพระเจ้าที่มีอำนาจไม่สิ้นสุด

        สถานการณ์นี้ทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมาก นั่นคือเลขานุการบาร์เซิลและบุตรชายกิล หลังจากสงครามสิ้นสุด พวกเขากลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเองและปิดประตูแน่นหนา ภายในคฤหาสน์เงียบสนิทไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร

        พัศดีโอเลเกร์โชคดีที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ในตอนกลางวัน เขาเองก็รู้สึกว่า บางทีเมืองแซมบอร์ดจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน เจ้าภูตตูดม้าคนนี้ไม่ได้ซ่อนอาการความผิดหวัง อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนท่าทางที่ชอบชี้นิ้วสั่งและทำตัวสูงส่งก่อนหน้านี้ไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้แต่คนขอทานริมถนน เขาก็จะฉีกยิ้มมอบไปให้และยังมีท่าทางสุภาพเรียบร้อย ด้วยพลังที่เต็มร้อย เขาจึงยุ่งวุ่นวายกับงานตัวเองและไม่ยอมให้คนอื่นช่วย และเขายังวางแผนที่จะสนับสนุนซุนเฟยอย่างแน่วแน่ พร้อมที่จะติดตามรับใช้ เขาวุ่นวายกับงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว ด้านหนึ่งเพื่อประจบซุนเฟย ทั้งยังถือโอกาสแสดงความจงรักภักดี

        รีบมาสิ บนท้องฟ้ามีรุ้งออกมาด้วย!”

        ทันใดนั้นก็มีคนชี้ไปบนฟ้าพลางตะโกนออกมาอย่างแปลกใจ พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่บนท้องฟ้าสีคราม มีสายรุ้งสีสันงดงามปรากฏขึ้นสายหนึ่ง สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือ รอบๆ สายรุ้งนี้ปรากฏหมอกสีแดงบนอากาศ ราวกับท้องฟ้าถูกคนจุดไฟจนเกิดแสงสีแดงมองจากไกลๆ เหมือนตำนานเทพที่มีสะพานอยู่ในมหาสมุทรสีแดง

        โอ้! มหัศจรรย์! พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงคุ้มครององค์ราชาอเล็กซานเดอร์ของพวกเรา คุ้มครองเมืองแซมบอร์ดของพวกเรา!”

        ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกแต่ในอากาศกลับปรากฏสายรุ้งออกมา นี่ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า ต้นสายปลายเหตุมาจากราชาและพระเจ้า เวลานี้ทุกคนในเมืองแซมบอร์ดต่างคุกเข่าและอธิษฐานอย่างจริงจัง

        ซุนเฟยที่ยืนอยู่ตรงประตูพระราชวังก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

        เขารู้ว่า นี่เป็นเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านั้น ศพจำนวนมากและยังมีก้อนหินยักษ์ตกลงไปในแม่น้ำจูลี่ทำให้ละอองเลือดและน้ำกระเด็นขึ้นมา แล้วยังระเหยกลายเป็นไอด้วยแสงอาทิตย์จนทำให้ปรากฏฉากที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

        ตอนนี้สงครามก็ได้เผยให้เห็นฉากที่งดงามที่ยากจะเห็นของมันออกมา

        ———————–

Author MEMYARMY