มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 59 คุกเข่าจูบรองเท้าข้าเสีย

        งานเลี้ยงเข้าสู่ช่วงคึกครื้น

        ซุนเฟยถือแก้วเหล้าเดินไปทางกลุ่มนักรบ

        หลังจากผ่านการต่อสู้ที่โหดร้ายกดดันจนทำให้ผู้คนอึดอัดและแทบเป็นบ้า ก็มีเพียงสาวงามกับเหล้านี่แหละที่ทำให้เหล่านักรบรู้สึกผ่อนคลาย เพียร์ซและดร็อกบาต่างหัวเราะอย่างสนุกสนาน เทเหล้าใส่ถ้วยที่มีขนาดใหญ่เท่ากระถางแล้วดื่ม เสียงหัวเราะเบิกบานดังไปทั่วลานหินกว้าง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นคือนักรบเดนตายทั้งยี่สิบสามคนที่ร่วมสู้กับซุนเฟย รวมไปถึงพัศดีโอเลเกร์เองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นอกจากเบรโน่นักรบผู้กล้าหาญที่พลีชีพในสงครามแล้ว อีกยี่สิบสองคนที่เหลือแม้จะบาดเจ็บกันไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังคงมีชีวิตรอดกลับมา ด้วยการที่ผ่านการต่อสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์ราชามาด้วยกัน ทำให้เหล่านักรบกลุ่มนี้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน

        เหล่านักรบผู้กล้าหาญต่างมารวมตัวกันที่ทิศเหนือของลานหินกว้าง ทุกคนต่างนั่งดื่มเหล้าที่โต๊ะหิน บางคนเปลือยอกเล่นมวยปล้ำกับสหาย บางคนก็แข่งงัดข้อกันจนคอหน้าแดงก่ำไปหมด บางคนก็ออกไปเต้นรำกับสาวๆ แม้กระทั่งพัศดีโอเลเกร์ที่เหล่าทหารส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไร แต่เพราะว่าได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับความเคารพจากผู้คนไม่น้อย!

        ชนแก้ว! มาๆ พี่ชาย!” ซุนเฟยยกแก้วเหล้าหันไปทางเหล่านักรบเป็นการทักทาย

        มาๆๆ พี่น้อง! แด่ราชาของพวกเรา! ชนแก้ว!” เหล่าทหารต่างโห่ร้องออกมาพร้อมยกแก้วขึ้น การมาของอเล็กซานเดอร์ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

        แก้วที่สอง แด่เบรโน่นักรบผู้กล้าหาญของพวกเรา!”

        ซุนเฟยเทเหล้าในแก้วลงพื้นดิน พลางพูดเสียงหนักแน่นว่า “บิดามารดาของเขาก็เหมือนบิดามารดาทุกคน บุตรของเขาก็เหมือนบุตรของทุกคน…ครอบครัวของเบรโน่เมืองแซมบอร์ดจะเป็นคนดูแลให้เอง จนกระทั่งบุตรของเขาเติบโตกลายเป็นนักรบที่ห้าวหาญเหมือนบิดาของเขา!”

        แด่เบรโน่!”

        เหล่าทหารต่างพากันเทเหล้าในมือทิ้งลงกับพื้นอย่างเงียบๆ ในตอนนั้นเองราวกับว่าท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้าพวกเขาได้มองเห็นแผ่นหลังของชายผู้หนึ่งที่แม้จะได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทง แต่ก็ยังคงกอดคอข้าศึกถึงสามนายกระโดดลงสะพานหินแล้วตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายว่า ‘ราชาทรงพระเจริญ’ …เบรโน่ วีรบุรุษผู้กล้า เขาเป็นสหายร่วมรบและเป็นสหายคนสำคัญ!

        แก้วที่สาม แด่เบรโน่วีรบุรุษผู้กล้าสหายร่วมรบของพวกเรา แด่นักรบทั้งยี่สิบสองคนผู้ห้าวหาญของเมืองแซมบอร์ด เพียร์ซ ดร็อกบา โอนีล เอสเซียง บัลลัค…” ซุนเฟยไล่ชื่อเหล่านักรบที่ร่วมรบกับตัวเองทีละคน เขาจำชื่อทุกคนได้ บรรดาฝูงชนโห่ร้องออกมาอย่างคึกคักทุกครั้งที่ซุนเฟยขานชื่อ และบรรดาผู้ที่ได้รับการขานชื่อต่างพากันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น

        พระเจ้าคุ้มครองพวกเจ้า นักรบของข้า ชื่อของพวกเจ้าจะถูกล่าวขานในเมืองแซมบอร์ด ในนามของข้าราชาอเล็กซานเดอร์จะขอมอบเกียรติยศให้แก่พวกเจ้า ส่วนชุดเกราะที่พวกเจ้าสวมในสงครามและอาวุธที่ใช้ หลังจากที่พวกมันได้รับการซ่อมแซมจากช่างตีเหล็กที่ฝีมือดีที่สุดในเมืองแซมบอร์ด มันจะถูกส่งมอบให้กับพวกเจ้าอีกครั้ง…” เสียงของซุนเฟยดังกังวานเหมือนกองไฟที่กำลังโชติช่วง จุดประกายไฟในเลือดแก่นักรบทุกคน สายตาของพวกเหล่านักรบเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตื่นเต้น ซุนเฟยยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาแล้วเอ่ยแสดงความยินดีเสียงดังว่า “ใช่แล้ว เหล่านักรบของข้า เจ้าไม่ได้คิดผิด อาวุธที่ล้ำค่าของราชวงศ์จะถูกมอบให้แก่พวกเจ้า เพราะพวกมันคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพวกเจ้า”

        อุปกรณ์และชุดเกราะทั้งยี่สิบกว่าชุดต่างเป็นของรักของหวงของราชาผู้ล่วงลับองค์ก่อน แม้ว่าจะไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีอำนาจในตำนานที่นักพเนจรกล่าวถึง แต่สำหรับอาณาจักรบริวารระดับหกแล้วนับเป็นอย่างล้ำค่า แม้ว่าพัศดีโอเลเกร์รวบรวมเงินที่สั่งสมมาตลอดชีวิตจากเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ระดับกลางหรือจากเงินรับจ้างนักรบ ก็ไม่อาจจะหาซื้ออุปกรณ์ครบเซ็ตพวกนี้ได้

        ดังนั้น คำพูดประโยคนี้ของซุนเฟยจึงทำให้เหล่าทหารต่างโห่ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

        ราชาองค์นี้แบ่งแยกการลงโทษและให้รางวัลได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่าแก่การที่พวกเขาเสี่ยงชีวิต แต่ในการต่อสู้ องค์ราชาอเล็กซานเดอร์วิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุดตลอดเวลา ใช่ร่างกายของตัวเองคอยรับคมดาบกระบี่ของข้าศึกเพื่อคุ้มครองทหารและเหล่าสหาย การกระทำนี้ทำให้อำนาจและความศรัทธาของซุนเฟยในจิตใจของกองทัพได้พุ่งทะยานขึ้นสูง

        การที่องค์ราชามอบรางวัลให้อย่างใจกว้างยิ่งทำให้งานเลี้ยงครื้นเครงกว่าเดิม

        ท่ามกลางอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มอมเมาทุกคน

        ซุนเฟยเริ่มสนใจเกมของเหล่านักรบถึงขนาดที่ถอดชุดคลุมราชาที่งดงามออกแล้วเปลี่ยนเป็นใส่เกราะหนังนุ่มๆ เปลือยแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเล่นมวยปล้ำกับเหล่านักรบ นี่เป็นเกมของลูกผู้ชาย ไม่ช้าเขากับเหล่านักรบต่างเข้าใจกฎกติกาในการเล่น เขาแอบโกงด้วยการใช้ โหมดคนเถื่อนพลิกร่างเหล่านักรบที่มากด้วยพละกำลังและมีชื่อเสียงของเมืองแซมบอร์ดหงายหลังไปนับสิบคน แสดงให้เห็นถึงความองอาจของราชา…

        บรรยากาศสนุกสนานปกคลุมไปทั่วเมืองแซมบอร์ดหลังจากจบสงคราม

        แต่ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

        ตรงกลางลานหินกว้างที่เป็นจุดที่มีฝูงชนไปอยู่รวมกันมากที่สุด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้มีเสียงกรีดร้องตกใจของเหล่าสตรี ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหัวเราะของผู้ชายปะปนมาด้วย…

        ซุนเฟยขมวดคิ้ว

        ทหารที่กำลังเฮฮาก็หยุดมือที่จะชนแก้ว

        คงเป็นไอ้สารเลวตัวไหนที่มันดื่มเยอะถึงได้ใช้กำลังจะปล้ำจูบผู้หญิงที่แอบรัก?”

        ปฏิกิริยาแรกของซุนเฟยและเหล่าทหารต่างคิดเช่นนี้

        ฮ่าๆ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การกระทำที่ผู้มีอารยชนเขาทำกัน แต่งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความปีติ บางทีพวกเราก็ให้อภัยแก่ไอ้พวกหนุ่มๆ หน้ามืดพวกนั้นสักหน่อยละกัน ใครๆ ก็รู้ว่าสาวๆ เมืองแซมบอร์ดมีเสน่ห์มากล้น ฮ่าๆๆ ขอพระเจ้าคุ้มครองไอ้หนุ่มใจกล้านั่นด้วย

        พวกผู้ชายต่างพากันยิ้มน้อยๆ

        แต่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคิด เสียงด่าทอและสาปแช่งไม่ได้ลดลงตามที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ กลับกันยิ่งมายิ่งมาก เสียงด่าทอและเสียงร้องตกใจผสมกับเสียงร้องเชียร์ดังเสียดหู ทุกคนต่างพากันหยุดเต้นและเริ่มเดินมารวมตัวกันกลางลานหิน เสียงหัวเราะค่อยๆ หยุดลง สายตาของทุกคนเริ่มเบนไปทางแหล่งที่มาของความวุ่นวาย

        ซุนเฟยยืนบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เพื่อดูสถานการณ์ วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็ประกายเย็นชา ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีสังหารออกมา

        เวรเอ๊ย มีคนรังแกแองเจล่า!”

        เขาใช้ทักษะ กระโดดของคนเถื่อน เสียงหวือดังขึ้น ซุนเฟยกระโดดลอยข้ามผู้คนไปนับสิบเมตรก่อนจะโรยตัวลงใจกลางลานหิน

        ตอนนี้ฝูงชนเริ่มล้อมวงเป็นวงกลมขนาดใหญ่

        ตรงกลางวงกลมเป็นเจ็มม่าและเหล่าชาวบ้านหนุ่มสาวหลายสิบคนรวมตัวเป็นกำแพงมนุษย์ ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธเคือง จ้องมองไปที่เหล่าอัศวินที่อยู่ตรงหน้าและด้านหลังของกำแพงมนุษย์ก็มีร่างของแองเจล่าที่สวมชุดกระโปรงสีฟ้าใบหน้าซีดเผือกนั่งลงอยู่กับพื้น ในมือของเธอกำลังประคองร่างของเด็กหนุ่มผมสั้นที่อายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ลำคอของเด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนถูกดาบเชือดคอ ลมหายใจของเขาติดขัด มีเลือดไหลออกมาจากปากไม่หยุด ท่าทางของเขาเหมือนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นและกำลังสำลักน้ำ หน้าอกก็ถูกทำลายอย่างรุนแรง มีเลือดไหลออกมา แม้แต่ชุดราชินีสีฟ้าที่แองเจล่าสวมยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

         “ถุย! ไอ้ชั้นต่ำไม่รู้ที่ตาย กล้าดีอย่างไรมาชี้นิ้วใส่อัศวินราชอาณาจักรที่สูงส่ง!”

        อัศวินราชอาณาจักรเซนิทที่สวมชุดคลุมสีแดงที่อยู่ตรงหน้าสุดเก็บดาบที่เปื้อนเลือดกลับมาใส่ปลอกดาบเสียงดัง ‘ชิ้ง’  มันตวัดดาบครั้งเดียวก็เชือดคอคนอื่น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ทำเหมือนกับเป็นเรื่องเล็กน้อย ใบหน้าของเขามองไปยังเจ็มม่าและประชาชนเมืองแซมบอร์ดตรงหน้าด้วยแววตาเหยียดหยามพลางพูดเสียงดังว่า “หากอยากมีชีวิตก็คุกเข่าจูบรองเท้าข้าสิ จากนั้นก็รีบไสหัวไปให้พ้นข้า ช่างไม่ไว้หน้ากันเสียเลย ท่านรองหัวหน้าอัศวินคณะทูตเซมัคแค่อยากจะเชิญว่าที่ราชินีของพวกเจ้ามาเต้นรำด้วยเท่านั้นเอง…”

        อัศวินชุดคลุมสีแดงกล่าวอย่างเหยียดหยาม ขณะที่พูดคำว่า ‘ว่าที่ราชินี’ และ‘เต้นรำ’ พวกผู้ชายต่างเข้าใจในความหมายลามกที่แฝงอยู่ พูดจบ เขายังขยิบตาอย่างภาคภูมิใจให้สหายที่อยู่ด้านหลัง

        อัศวินชุดคลุมสีแดงที่เป็นสหายและอยู่ด้านหลังเขาต่างพากันกอดไหล่และหัวเราะฮ่าๆๆ เสียงดังออกมาอย่างร่าเริง

        คนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มอัศวินม้าเป็นคนเดียวกับอัศวินที่ยืนอยู่ด้านหลังขององค์ชายโตรบินสกี้ก่อนหน้านี้ มุมปากยิ้มกว้าง กวาดสายตามองชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่รวมตัวกันรอบๆ อย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็กวาดสายตามองเรือนร่างของสาวน้อยผมทองเจ็มม่าด้วยแววตาเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะมองลอดกลุ่มคนไปยังร่างของสาวงามปานเทพธิดาในชุดกระโปรงสีฟ้าครามคนนั้น ดวงตาก็ฉายแววหื่นกระหายไม่ซ่อนความปรารถนาที่จะอยากจะครอบครองสักนิด

        ตอนนี้เอง

        ฟุ่บ!

        สายลมพัดวูบหนึ่ง ทุกคนรู้สึกเหมือนสายตาพร่ามัวไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่กำยำจะปรากฏตัวขึ้นตรงกลางวง…นั่นคือซุนเฟยที่ใช้ทักษะ กระโดดของคนเถื่อนมาที่นี่

        ดวงตาของซุนเฟยคมปลาบเหมือนมีด เขากวาดสายตาชั่วครู่ ไม่ช้าก็พอจะมองสถานการณ์ออก

        ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ไม่สนใจพวกอัศวินชุดคลุมสีแดงที่เหมือนสุนัขบ้ากำลังยั่วยุคนอื่น สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบเดินไปหาแองเจล่าแล้วคุกเข่าลง ใช้มือประคองแผ่นหลังของชายวัยรุ่นที่กำลังจะตาย ก่อนจะหยิบขวด น้ำยารักษาชีวิตขวดกลางจากเข็มขัดมิติของคนเถื่อนออกมา น้ำยาสีแดงเหลือไม่มากนัก ซุนเฟยค่อยๆ เทน้ำยาทั้งหมดเข้าไปในปากและรอยแผลที่น่ากลัวตรงคอของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างระมัดระวัง

        พลังเวทมนต์ที่น่าทึ่งก็ค่อยๆ ทำงานของมัน

        ไม่ช้า ผลของ น้ำยารักษาชีวิตขวดกลางก็ค่อยๆ สมานรอยแผลที่เปิดกว้างตรงคอของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดรอยแผลก็สมานกันและค่อยๆ หายไป และเขาก็ไม่กระอักเลือดออกมาจากปากอีก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะคงที่ ลมหายใจของเขาก็ไม่ถี่อีกต่อไป สติก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาและลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

        ซุนเฟยเห็นแบบนี้ก็ค่อยวางใจ

        โชคดีที่หลังจากเจือจางน้ำยากับน้ำสะอาดแล้วนำไปรักษาทหารที่บาดเจ็บแล้ว น้ำยารักษาชีวิตขวดกลางก็ยังคงเหลืออีกนิดหน่อย ทีแรกซุนเฟยคิดจะเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน คาดไม่ถึงว่าจะมามีประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าเด็กหนุ่มคนนี้คงต้องกลายเป็นศพที่เย็นชืดแน่ๆ

        เมื่อเห็นองค์ราชาแสดงปาฏิหาริย์อีกครั้งด้วยการช่วยชีวิตเด็กหนุ่ม ชาวเมืองแซมบอร์ดต่างก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้องยินดีออกมา

        แองเจล่า บอกข้าสิ มันเกิดอะไรขึ้น?”

        ซุนเฟยส่งเด็กหนุ่มให้ทหารที่อยู่ด้านหลังดูแล พลางกวาดสายตามองเหล่าอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทที่กำลังยืนหัวเราะอย่างร่าเริงตรงนั้น แล้วหันมาถาม

        ใบหน้างามบริสุทธิ์ของแองเจล่าเต็มไปด้วยความโกรธขึง มือเล็กๆ ขาวเนียนจับมือของซุนเฟยแน่นก่อนจะกระซิบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดข้างหู ยิ่งซุนเฟยฟังก็ยิ่งโมโห ความโกรธที่ไม่อาจคาดเดาลุกไหม้อยู่ในอกของเขา สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา รังสีฆ่าฟันแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างไม่รู้ตัว

        เดิมที กลุ่มอัศวินกักขฬะพวกนี้แกล้งเมาแล้วเดินเข้ามาจับมือถือแขนแองเจล่า เจ็มม่าและเหล่าสาวๆ ที่อยู่ข้างๆ ตอนแรกเหล่าสาวๆ ก็กังวลไม่กล้าพูดอะไรเพราะอีกฝ่ายเป็นอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิท จึงพยายามอดทน ใครจะรู้ว่าพวกเขาได้คืบจะเอาศอก มีบางคนใจกล้าบ้าบิ่นจับมือถือแขนแองเจล่าไม่พอ รองหัวหน้าอัศวินคณะทูตเซมัคที่กำลังดื่มก็เต้นเข้าไปใกล้ๆ ร่างแองเจล่าเพื่อจะลวนลาม การกระทำที่ไร้มารยาทของอัศวินกลุ่มนี้ทำให้พวกเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ไม่พอใจ เหล่าเด็กหนุ่มจะทนได้อย่างไรที่คู่หมั้นขององค์ราชาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังถูกดูหมิ่นแบบนี้จึงรีบเดินเข้าไปตำหนิ ทั้งสองฝ่ายต่างผลักไสอีกฝ่ายให้ออกไป แล้วจู่ๆ อัศวินราชอาณาจักรเซนิทก็ชักดาบออกมาฟันคอของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด…

        ซุนเฟยได้ยินเรื่องราวที่แองเจล่าพูดทั้งหมดก็ยกมือแตะไหล่คู่หมั้นตัวเองเบาๆ บอกให้อีกฝ่ายวางใจ จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว แยกพวกหนุ่มสาวและเจ็มม่าที่ยืนเป็นกำแพงกั้นด้านหน้าให้ออกไปแล้วมายืนอยู่หน้าสุด

        อ้อ เจ้าคือราชาอเล็กซานเดอร์คนนั้นใช่ไหม?”

        รองหัวหน้าอัศวินเซมัคที่อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยเหล่าอัศวินราชอาณาจักรเซนิทประหนึ่งดาวล้อมเดือน กอดอกเดินเข้ามาด้านหน้าพลางลูบคางตัวเอง กวาดสายตามองร่างซุนเฟยขึ้นลงอย่างยโส ก่อนจะพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าไม่ค่อยพอใจกับวิธีการต้อนรับของเมืองแซมบอร์ดเลย พวกข้าแค่อยากเชิญว่าที่ราชินีออกมาเต้นเท่านั้นเอง แต่ก็มีบางคนมาชี้นิ้วใส่กระหม่อมอย่างไร้มารยาท…”

        ความจริงแล้ว รองหัวหน้าอัศวินเซมัคไม่ได้มีความเคารพต่อราชาที่ชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ตรงหน้าเลยสักนิด หรือจากก้นบึ้งของหัวใจพวกเขาแล้ว ราชาบ้านนอกไม่ได้อยู่ในสายตาเลย ราชอาณาจักรเซนิทมีอาณาจักรบริวารนับไม่ถ้วน ราชาของอาณาจักรบริวารระดับหกเล็กๆ อย่างเมืองแซมบอร์ด ในสายตาของพวกเขาพวกมันยังเทียบไม่ได้กับม้าราคาถูกของเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่ปิดบังการดูถูกของเขา พูดพลางหัวเราะ “เอาแบบนี้แล้วกัน แม้ว่าถูกขัดความสำราญ แต่หากว่าที่ราชินีออกมาเต้นโต๊ะกลมให้พวกเราดู เรื่องเมื่อกี้กระหม่อมก็จะทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น…”

        พูดประโยคนี้ ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่อยู่รอบๆ ก็พลันโกรธขึ้นมา ที่แผ่นดินอาเซรอท การเต้นโต๊ะกลมเป็นการเต้นของโสเภณีชั้นต่ำสุด เป็นท่าเต้นที่น่าอายและเต้นเพื่อปรนเปรอผู้ชาย จะให้ว่าที่ราชินีไปเต้นโต๊ะกลม นี้เป็นเรื่องอัปยศชัดๆ

        รองหัวหน้าอัศวินเซมัคไม่สนใจความโกรธของคนที่อยู่รอบๆ

        เขายังคงหัวเราะอย่างยโส ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขำขัน ทำตัวราวกับเป็นราชาที่สูงส่งกุมความเป็นความตายของทุกคน ทันใดนั้นมันก็ชี้นิ้วไปที่สาวน้อยผมทองเจ็มม่าที่อยู่ด้านหลังซุนเฟยแล้วพูดต่อไปว่า “ฝ่าบาท ยังมีอีกเรื่อง ให้สาวน้อยผมทองคนนั้นมาปรนนิบัติข้าคืนนี้ด้วย เจ้าควรจะขอบคุณนะที่ข้าให้เกียรติเจ้าขนาดนี้ ฮ่าๆๆ …อ๊ะ จริงสิ ยังมียาวิเศษที่ฝ่าบาทรักษาชาวบ้านชั้นต่ำนั่นอีก ข้าสนใจมันมาก มีเท่าไรนำมาให้ข้าทั้งหมด ทำแบบนี้ ราชอาณาจักรเซนิทจะไม่ไต่สวนถึงการกระทำที่ไร้มารยาทของเมืองแซมบอร์ด”

        พูดจบเซมัคก็มองซุนเฟยอย่างเหยียดหยาม

        ก่อนหน้านี้ เซมัคเคยผ่านอาณาจักรบริวารมากมาย เจ้าเมืองและราชาอาณาจักรเหล่านั้นเป็นเหมือนขอทาน เพื่อที่จะให้อาณาจักรตัวเองได้รับความคุ้มครองจากราชอาณาจักรเซนิทต่อ จึงพยายามทำทุกวิธีเพื่อเอาใจเซมัค แม้กระทั่งราชาอาณาจักรเล็กๆ ระดับห้า เพื่อเอาใจเซมัค เขายอมยกราชินีสาวที่เพิ่งแต่งงานกับตัวเองมาปรนนิบัติเซมัค ข้อเรียกร้องและพฤติกรรมวันนี้ยิ่งทำให้เหล่าอัศวินทระนงตนว่าสูงส่ง จึงร้องขอของขวัญพิเศษ มันอดไม่ได้ที่จะดูถูกราชาเมืองแซมบอร์ดที่ไม่รู้ความนี้

        ในใจของเซมัครู้สึกชอบใจอย่างมาก เวลาได้เห็นตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าราชาที่ไร้อำนาจที่พยายามคุกเข่าดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น

        แต่วันนี้เซมัคยังไม่สมปรารถนาเลยสักอย่าง เพราะเขาพบเรื่องแปลกๆ เล็กน้อยตรงที่ราชาหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็พูดจบแล้ว แต่ตั้งแต่ต้นจนจบราชาผู้นี้ยังคงรักษาท่าทางและกิริยาแปลกๆ บางอย่างไว้ มันยังคงแสดงท่าทางไม่สะทกสะท้าน เยือกเย็น ไม่มีสีหน้าอยากจะประจบสอพลอหรือเอาใจใดๆ

        รอยยิ้มของเซมัคเริ่มเย็นชา

        ราชาหนุ่มไม่รู้ความจริงๆ ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ เจ้ารีบทำตามคำสั่งของข้าโดยเร็ว ไม่อย่างนั้น ฮึๆ เชื่อข้าสิ เวลาที่ข้าโกรธ เมืองแซมบอร์ดเล็กๆ ของพวกเจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก”

        เซมัคยืน ‘คำขาด’ ออกไป เหล่าอัศวินชุดคลุมสีแดงที่อยู่ด้านหลังเขาก็ชักดาบตัวเองออกมา ใบหน้าดุร้ายข่มขู่ซุนเฟย ใบหน้าพวกเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันเหี้ยมโหด พลางใช้ดาบเคาะที่ชุดเกราะตัวเองดังเคร้งๆ ดูวุ่นวาย

        เขามักจะใช้วิธีนี้กับอาณาจักรบริวารระดับห้าและหก ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีราชาอาณาจักรบางแห่งต่อต้าน แต่เมื่อถูกข่มขู่ก็กลัวจนฉี่ราดรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต ตอนนี้ เหล่าอัศวินคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของราชาหนุ่มตรงหน้าคนนี้กล้ำกลืนความอัปยศให้คู่หมั้นสาวของตัวเองเต้นโต๊ะกลมราวกับโสเภณี…

        แต่

        พูดมาสิ พวกเจ้าอยากถูกหั่นเป็นกี่ชิ้นหรืออยากจะตายแบบไหน!”

        นี่คือคำตอบของราชาหนุ่ม

        อะไร? เจ้า…เจ้าพูดอะไร?” ใบหน้าของอัศวินหนุ่มหันมาสบตากันและกัน

        พวกเขาอึ้ง ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร ทำไม…เป็นแค่ราชาอาณาจักรบริวารระดับหกเล็กๆ ถึงกล้าพูดต่ออัศวินชั้นสูงของราชอาณาจักรแบบนี้ หรือว่าเขาไม่อยากได้บัลลังก์ตัวเองแล้ว?

        เจ้าพูดอะไร? ไอ้เด็กเวร เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”

        เห็นใบหน้าของรองอัศวินเซมัคเย็นชาขึ้น อัศวินที่เชือดคอเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ถือโอกาสทำตัวเป็นภูติตูดม้าทันที เขาพุ่งมาด้านหน้าอย่างกำแหงแล้วยกมือชี้หน้าซุนเฟย ตะคอกว่า “ไอ้สวะไม่รู้จักที่ตาย คิดว่าตัวเองเป็นราชาแล้วจะพูดเช่นนี้ได้หรือ? รีบคุกเข่าจูบรองเท้าของโทษท่านรองอัศวินซะ หาไม่…”

        ปึง!

        เสียงโวยวายของเขาที่ดังอู้อี้อยู่ในลำคอก็พลันขาดหาย

        อัศวินพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกอะไรบางอย่างโจมตีอย่างรุนแรง เขาก้มหน้าลงมองอย่างสงสัย วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็พลันปรากฏความไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา ความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนพลุ่นพล่านจนทำให้เขาอยากกรีดร้องออกมา แต่เมื่อเขาอ้าปากก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ไม่สามารถส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาได้

        เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ด้านหลังของเขายืดออกไป เลือดสดหยดลงบนพื้น

        ผู้ชมร้องอุทาน ทันใดนั้นเสียงสูดลมหายใจก็ดังขึ้น

        ทุกคนต่างเห็นว่า ในขณะที่อัศวินคนนี้กำลังร้องโวยวาย องค์ราชาอเล็กซานเดอร์ก็ออกหมัดไปหนึ่งทีโดยไม่พูดไม่จา การโจมตีครั้งนี้จู่โจมไปที่หน้าอกของอัศวินผู้ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่หรือตายแล้ว ท่ามกลางเสียงร้องตกใจ เขายังสงวนพลังมหาศาลของคนเถื่อนเลเวล 12 ไว้ ไม่อย่างนั้นหมัดคงทะลุไปด้านหลังของมันแล้ว รอยนูนด้านหลังของอัศวินคนนี้เห็นได้ชัดว่าหมัดนี้ได้ทำลายอวัยวะภายในทั้งหมดของอัศวินคนนี้แล้ว

        ทุกคนต่างตกใจ

        นี่เป็นพละกำลังที่น่าเกรงขามอะไรเช่นนี้ แค่หมัดเดียวก็ทำให้เกิดหลุมบนร่างแล้ว ยิ่งที่ทำให้พวกเขาทึ่งคือ วินาทีต่อมาพวกเขาเห็นแขนของอเล็กซานเดอร์เคลื่อนไหว ศพของอัศวินก็พลันกลายเป็นชิ้นๆ แล้วร่วงลงกับพื้นทันที

        ซูด!

        เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น

        รองหัวหน้าอัศวินเซมัคถูกฉากน่ากลัวตรงหน้าทำเอาตกใจจนถอยหลังไปสามสี่ก้าว ส่วนอัศวินชุดคลุมสีแดงคนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึง ในดวงตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก้มมองไปที่ชิ้นเนื้อที่อยู่บนพื้นที่ยังคงอุ่นๆ มือที่ถืออาวุธอยู่ต่างสั่นระริก

        ทั่วทั้งลานหินกว้างต่างเงียบกริบ หากมีเข็มตกพื้นคงได้ยินกันหมด

        โอ้พระเจ้า องค์ราชาอเล็กซานเดอร์สังหารอัศวินคณะทูตของราชอาณาจักรเซนิท ฉากที่อดสั่นขวัญแขวนนี้ทำให้หัวสมองของคนส่วนใหญ่พลันว่างเปล่า…แต่ตอนนี้ชาวเมืองแซมบอร์ดกลับรู้สึกเหมือนได้ระบายความโกรธ ทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้น

        พูดสิ พวกเจ้าอยากตายแบบไหน?”

        โจมตีอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทเหมือนกำลังตบแมลงวันที่บินหึ่งจนตาย สีหน้าของซุนเฟยไม่เปลี่ยนเลยสักนิด หมัดของเขายังคงเปรอะไปด้วยเลือด เขาก้าวไปหารองหัวหน้าอัศวินเซมัคและอัศวินอีกเจ็ดแปดคนที่เหลือทีละก้าว พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาเป็นประกายคมดุจมีด รังสีฆ่าฟันพวยพุ่งออกมา มองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อพวกมัน

        เจ้ากล้าสังหารอัศวินราชอาณาจักร?” หลังจากตกใจ รองหัวหน้าอัศวินเซมัคก็พลันแหกปากเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ “จบเห่แน่! เมืองแซมบอร์ดจบเห่แล้ว! เจ้าก็จบเห่! ข้าขอประกาศ นับจากนี้เป็นต้นไป เมืองแซมบอร์ดกลายเป็นศัตรูกับราชอาณาจักรเซนิท จงกลัวไปเถอะ เมืองของพวกเจ้าจะต้องถูกทำลาย”

        อ้อ งั้นหรือ?” ใบหน้าของซุนเฟยยังคงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ศัตรูก็ศัตรูสิ ราชอาณาจักรเซนิทวิเศษวิโสขนาดนั้นเลยหรือ? เมืองแซมบอร์ดจะถูกทำลายหรือไม่นั้นมันก็ตอบยากนะ แต่เรื่องที่พวกเจ้าจะได้มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองแซมบอร์ดนั้น ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลย”

        พูดถึงตรงนี้ ซุนเฟยก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เพียร์ซ บรู๊ค พวกเจ้าอยู่ไหน?” เพียร์ซและบรู๊คได้ยินเสียงราชาเรียกหาจึงรีบแทรกตัวจากฝูงชนเดินเข้ามาคุกเข่าพร้อมขานรับ “องค์ราชาอเล็กซานเดอร์ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”

        อพยพพลเรือน รวบรวมกองทัพ ปิดประตูเมืองแล้วล็อกไว้อย่าให้ออกไป แล้วนำทหารไปล้อมคณะทูตราชอาณาจักรเซนิทไว้ รอคำสั่งจากข้า หากใครขัดขืนก็สังหารได้ทันที”

        หา?”

        ได้ยินคำสั่งแบบนี้ บรู๊คที่มีความรอบคอบกว่าก็พลันตกใจ หรือว่าฝ่าบาทจะเปิดศึกกับราชอาณาจักรเซนิท? แม้กระทั่งเพียร์ซที่เป็นคนมุทะลุก็ยังยากจะเข้าใจคำสั่งที่ได้ยิน

        ฝั่งตรงข้าม

        รองหัวหน้าอัศวินเซมัคได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก เขาหัวเราะออกมาพลางพูดว่า “ฮ่าๆๆ ดี! ดี! ดีมาก! อวดดีอย่างบ้าระห่ำเพราะความไม่รู้ ฮึ คิดจะอวดดีต่อต้านราชอาณาจักรเซนิท ล้อมคณะทูต? อยากจะหัวเราะ อัศวินม้าของคณะทูตหกร้อยนายก็เพียงพอที่จะยึดเมืองเจ้าแซมบอร์ดแล้ว ดูเหมือนว่า อาณาจักรที่ชั่วร้ายแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่หรอก…ฮ่าๆๆ ข้าจะตัดหัวเจ้า จากนั้นก็จะจับกุมผู้หญิงทั้งหมดของเมืองแซมบอร์ด สังหารผู้ชายทั้งหมด ล้างบางเมืองแซมบอร์ดด้วยเลือด”

        พูดจบ เซมัคก็ดึงดาบข้างเอวออกมา ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังสีเหลือง ดวงดาวสองดวงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา นี่คือสัญญาณว่าเขาเป็นนักรบสองดาว

        “‘ดาบผ่าศิลา’!”

        เซมัคตั้งใจจะสังหารซุนเฟย คลื่นพลังประสานกับทักษะดาบ เขาตะโกนออกมาเสียงดังพลางตวัดดาบออกไป พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเขาสั่นสะเทือน ดาบสังหารพุ่งไปทางซุนเฟยอย่างโหดร้าย

        ฮึ เป็นแค่นักรบสองดาว ยังกล้ามาเย่อหยิ่งต่อหน้าบิดาหรือ หาที่ตาย!”

        ซุนเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขายืนนิ่งอยู่กับที่ แสงสว่างประกายเรืองรอง มีดสั้นพายุก็ปรากฏขึ้นในมือ แสงสีทองบนมีดสั้นตวัดฟันไปที่ใบดาบของอัศวินจนสะเทือน ประกายไฟกระเด็นไปทุกสารทิศ เสียงดังโลหะกระทบกัน คลื่นพลังสีเหลืองบนร่างของเซมัคก็สลายไป ใบดาบที่ถูกโจมตีแตกหักทันที ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างโดนเศษดาบบาดจนเลือดพุ่งออกมา

        เจ้า…เป็นไปได้อย่างไร?”

        เซมัคกระเด็นออกไปชนกับก้อนหินแกะสลักด้านหลังจนกระอักเลือดออกมา ใบหน้าของทั้งตะลึงทั้งไม่อยากจะเชื่อ เขาใช้มือจับหินแกะสลักพยุงร่างให้ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยปากถามเสียงสั่น

        ซุนเฟยไม่สนใจ

        เขาเคลื่อนไหวอีกครั้งจนเกิดเงาร่างวูบไหวไปมาอย่างรวดเร็ว มีดสั้นสีทองในมือกลายเป็นเพียงแสงสีทองวูบวาบ ได้ยินเสียงดังฟุ่บเสียงเหมือนหั่นเต้าหู้เล็กๆ ที่ลำคอของเหล่าอัศวินชุดคลุมสีแดงเจ็ดแปดคนก็มีเลือดพุ่งออกมา ขาของพวกเขาสั่นระริกขณะที่ร้องโหยหวน อาการของพวกเขาเหมือนเด็กหนุ่มชาวเมืองแซมบอร์ดก่อนหน้านี้ เพียงพริบตาพวกเขาก็ถูกเชือดคอ พวกเขาเหมือนจะสำลักเลือดที่เข้าไปในปอด ทั้งๆ ที่เจ็บปวดมหาศาลแต่พวกเขากลับไม่ตายทันที ได้แต่ดิ้นรนกระเสือกกระสน…

        เหลือเพียงอัศวินคนเดียวที่กำลังตกใจจนตาค้าง ไม่มีแสดงอำนาจบาตรใหญ่คับฟ้าอีก ดาบในมือก็ร่วงตกพื้นเสียงดัง ‘เคร้ง’ สองขาสั่นระริก มีกลิ่นเหม็นฉุนลอยมาจากเป้ากางเกง เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกลัวมากจนไม่อาจกลั้นฉี่ไว้ได้

        เข้ามาสิ คุกเข่าลงแล้วจูบรองเท้าข้าสิ!”

        ดวงตาของซุนเฟยเป็นประกายเย็นชา มองไปที่อัศวินคนนั้นแล้วสั่งออกมา วาจาที่อัศวินพวกนี้ใช้ยั่วยุก่อนหน้านี้ ตอนนี้ซุนเฟยได้ใช้มันตบหน้าพวกมันคืนไป

        —————————

Author MEMYARMY