มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 99 องค์ราชาขี่สุนัขดำ

        คนที่วิ่งห้อตะบึงในเมือง ความจริงแล้วคือองค์ราชา

        ไม่รอให้องครักษ์ตอร์เรสพูดจบ เพียงได้ยินว่าเบสท์ได้รับบาดเจ็บ เขาก็เปลี่ยนเป็น โหมดคนเถื่อนทันที ใช้ทักษะกระโดดของคนเถื่อนทันทีโดยไม่เสียดายค่ามานา เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งออกมาจากเขาวงกตใต้ดิน ระหว่างทางก็ไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายพลังที่รุนแรงของคนเถื่อนเลเวล 21 วิ่งกลับไปที่พระราชวังทันที

        พระราชวังมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

        แล้วทำไมพ่อตาในอนาคตของเขาต้องได้รับบาดเจ็บด้วย?

        แล้วเกิดอะไรขึ้นกับแองเจลา?

        ตูม!

        ซุนเฟยรู้สึกระวนกระวายใจ เหยียบขั้นบันไดหน้าพระราชวังดังตูม บันไดหินที่เท้าของซุนเฟยเหยียบกลายเป็นศูนย์กลางโดยมีรอยแตกแผ่กระจายออกไปเหมือนใยแมงมุม ราวกับมีดาวตกลงมาจากฟากฟ้าพุ่งชนพื้น…นี่เป็นเพราะเขาไม่ได้ควบคุมและกักเก็บพลังที่น่ากลัวของตัวเองไว้

        เจ้าตัวน้อยทั้งสี่ที่ยังคงเกาะบนเสื้อผ้าและหัวของซุนเฟยต่างพากันร้องเสียงดังท่ามกลางความเร็วที่บ้าคลั่ง ซุนเฟยไม่หยุดชะงักสักนิด เขายังคงใช้ทักษะ กระโดดทำให้ร่ายกายกะพริบอีกครั้ง เหมือนอากาศถูกกระชาก ภาพรอบข้างพลันเบลอ

        พริบตาก็มาถึงสวนด้านหลังของพระราชวัง

        ตรงนั้นมีเสียงร้องเอะอะโวยวายดังขึ้น

        ไอ้สุนัขตัวไหนกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในวังของบิดา?”

        ซุนเฟยโมโหมาก เขาพุ่งเข้าไปประหนึ่งพายุ

        แต่เมื่อเข้าไปในสวนด้านหลัง ฉากตรงหน้าก็ทำให้เขาตกตะลึงจนหยุดอยู่กับที่

        เขาเห็นเบสท์ พ่อตาในอนาคตของเขาที่ตอนแรกทรงผมของเขารวบมัดอย่างพิถีพิถัน ตอนนี้กลายเป็นกระเซอะกระเซิงเหมือนรังนก แขนของเขามีรอยเลือดไหล หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง หอบหายใจอย่างหนัก…แต่สถานการณ์ของพ่อตากลับไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด เพราะเขากำลังโจมตีบางอย่างอยู่

        มาดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ของเบสท์ตอนนี้หายไปไหนแล้ว?

        สองเท้าของเขาเปลือยเปล่า ข้างหนึ่งไม่รู้ว่ารองเท้าบินไปไหนแล้ว ส่วนอีกข้าง รองเท้าถูกถอดถือไว้ในมือ ท่าทางตอนนี้ของเบสท์เหมือนได้เห็นหน้าคนที่ฆ่าบิดาตัวเอง เขาใช้รองเท้าเป็นอาวุธ ตะโกนเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ไล่ตามม้ายักษ์สีดำที่มาจากไหนไม่รู้ไปติดๆ

        ความจริงแล้วพ่อตาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

        ซุนเฟยพอจะมองออกว่า พ่อตามีเพียงหนังถลอกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีแรงวิ่งรอบสวนตามม้ายักษ์สีดำนั้น อีกทั้งยังกระโดดโลดเต้นวิ่งตามไปติดๆ ประหนึ่งพายุ?

        แองเจล่าและสาวน้อยเจ็มม่าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ท่าทางของพวกนางเหมือนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขณะที่มองตามพวกทหารยามวิ่งตามหลังบิดาของแองเจล่า เพื่อที่จะพยายามหยุดเบสท์ที่กำลังโมโหอยู่

        พละกำลังของตาแก่แข็งแรงมากและทำให้หลายๆ คนต่างตกตะลึง บวกกับเหล่าผู้คุ้มกันก็ไม่ก็กล้าออกแรงนัก เลขานุการคนใหม่ไม่ได้มีศิลปะในการต่อสู้สักนิด แต่เบสท์ก็ยังดิ้นจนหลุดจาก ‘ตาข่าย’ ของพวกทหารยามแล้ววิ่งไล่เจ้าม้ายักษ์สีดำต่อ

        เอ๊ะ…นี่…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

        ในใจของซุนเฟยพลันโล่งอก ใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดก็ค่อยๆ คลายออก ขณะที่กำลังถาม ตาก็มองไปที่ม้ายักษ์สีดำที่สุดท้ายก็ถูกเบสท์ไล่ต้อนให้จนมุมระหว่างภูเขาจำลองของสวนและกำแพง เมื่อเห็นมันไม่มีทางหนี เบสท์ก็หัวเราะพลางแสยะยิ้มเย็นชาพร้อมแผ่ ‘รังสีสังหาร’ ออกมา ทันใดนั้นม้ายักษ์ตัวนั้นก็ร้องออกมาเสียงดัง

        บรู๊ บรู๊…บรู๊ววว!!!”

        ฮะ ซุนเฟยพลันตะลึง ทำไมเป็นเสียงหอนของหมา? หรือหูของเขาจะมีปัญหา

        แม้แต่นกฮูกสีขาว นกแก้ว เสือปลาน้อยและโห่วขนทองที่กำลังหมอบอยู่บนไหล่และตามตัวของเขา พวกมันทั้งสี่ตัวต่างขนลุกตั้งชันทั่วร่าง ราวกับว่าได้พบกับอันตราย เสือปลาตัวน้อยขดตัวเองซ่อนอยู่บนหัวของซุนเฟย แม้แต่โห่วขนทองยกอุ้งเท้าขึ้นมาปิดตาตัวเอง

        ซุนเฟยสังเกตไอ้ตัวที่ถูกต้อนจนมุมอีกครั้ง

        พระเจ้าช่วย ที่แท้ไอ้ตัวที่ถูกต้อนจนมุมใช่ม้ายักษ์สีดำที่ไหน มองดีๆ แล้วมันเป็นสุนัขยักษ์สีดำต่างหาก ขาที่ทรงพลังข่วนพื้นอย่างรุนแรง ใต้อุ้งเท้าปุกปุยเผยให้เห็นกรงเล็บสีขาวราวกับหิมะที่มีความแหลมคมประหนึ่งเคียว ร่างใหญ่โตของมันโก้งโค้งไปด้านหลังเหมือนคันธนูยักษ์ที่ถูกเหนี่ยว มันยังคงคำรามในลำคอ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอัดแน่นไปด้วยพละกำลัง

        ในตอนนั้น ซุนเฟยคิดว่าตัวเองคงตาฝาดอีกครั้ง

        ดุร้าย ห้าวหาญ ทรงพลัง!

        นี่คือคำนิยามของสุนัขตัวนี้ มันเหมือนอสูรร้ายที่มาจากนรก…แต่มารดามันเถอะ ใครก็ได้ช่วยบอกข้าทีว่า ทำไมในวังของบิดาถึงมีหมายักษ์สีดำตัวนี้โผล่ขึ้นมาได้?

        ซุนเฟยกำลังงงงวย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำเอาทุกคนแทบตาค้าง

        พ่อตาของเขาเผชิญหน้ากับเจ้าสุนัขยักษ์สีดำที่กำลังแยกเขี้ยวขู่อย่างไม่เกรงกลัว พุ่งเข้าหามันอย่างไม่กลัวตาย ใช้รองเท้าฟาดหัวสุนัขยักษ์สีดำดังป๊าบๆ อย่างดุเดือด…

        ส่วนเจ้าสุนัขยักษ์สีดำที่ขู่คำรามอยู่ตั้งนาน ความจริงมันสามารถขย้ำเบสท์ให้ขาดเป็นสามส่วนได้ง่ายๆ แต่มันก็ไม่กล้าทำ นอกจากนี้ยังมีการยกแขนมาปิดหัวอีกด้วย การกระทำของมันเหมือนกับมนุษย์มาก ปากของมันก็ร้องคราง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความคับอกคับใจ

        เจ้ากัดข้า ไอ้หมาสมควรตายกัดข้า ไอ้หมาไม่มีจิตสำนึก…” พ่อตายังคงตะบี้ตะบันเอารองเท้าฟาดหัวมัน ท่าทางเหมือนเด็กอนุบาลที่กำลังระบายความโกรธ ปากก็พูดพึมพำ

        ท่านพ่อ”

        แองเจล่าพาทหารยามมาลากเบสท์ออกด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

        ซุนเฟยรู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเริ่มยุ่งเยิง

        เบสท์ถูกทหารยามดึงตัวออกมา เจ้าสุนัขยักษ์สีดำยังคงใช้อุ้งเท้าหน้าปิดหัวตัวเองที่มีรอยรองเท้าประทับไว้ กรอกตามองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง สุดท้ายเมื่อเห็นซุนเฟยยืนอยู่ไกลออกไปมันก็

        โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!

        เจ้าสุนัขยักษ์สีดำก็พลันเห่าอย่างตื่นเต้น เท้าหลังออกแรงดัน กระโจนเข้ามาหาเหมือนพายุหมุนสีดำ พุ่งมาอยู่ตรงหน้าซุนเฟย ซุนเฟยเห็นมันนั่งอยู่กับพื้น หางของมันส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว หายใจดังแฮ่กๆ ดวงตากลมโตของมันแสดงท่าทางเหมือนกำลังจะฟ้องถึงความคับอกคับใจของมัน ลิ้นสีชมพูห้อยออกมา ท่าทางของมันเหมือนเด็กๆ เจอบิดามารดา หัวของมันยังถูไปที่ไหล่ของซุนเฟยแล้วเลียหน้าของซุนเฟย

        เมื่อสุนัขดำแสดงท่าทางสนิทสนมแล้ว จากนั้นมันก็นั่งอยู่ข้างๆ ซุนเฟยแล้วหันไปเห่าใส่เบสท์ที่กำลังนั่งโกรธอยู่ไกลๆ อย่างหยิ่งจองหอง…

        นี่สินะที่เรียกกันว่า หมาที่อาศัยอิทธิพลบารมีของนาย!

        ซุนเฟยอ้าปากค้างเป็นรูปตัวโอ

        โอ้พระเจ้า พระเจ้าช่วย เอาจริงหรือ สุนัขยักษ์สีดำตัวนี้มีลักษณะนิสัยเหมือนคนจริงๆ รู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา ที่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ไม่ใช่เดรัจฉาน

        ซุนเฟยสังเกตอย่างละเอียด

        ยิ่งมองยิ่งคุ้นเคยไอ้เจ้าสุนัขยักษ์สีดำนี้

        สุดท้ายเขาก็ตบหน้าผากตัวเอง ท่าทางเหมือนนึกอะไรออก

        เวรเอ๊ย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นสุนัขที่แองเจล่าเก็บมาจากภูเขาด้านหลังเหรอ จู่ๆ ขนาดของมันก็เพิ่มขึ้นพรวดพราด ตัวใหญ่จนเหลือเชื่อ เวลาที่มันหมอบลงก็ยังตัวสูงกว่าซุนเฟยเล็กน้อย แต่เมื่อมันยืนมันจะสูงถึงสองเมตร ยาวสี่เมตร…นี่ยังเป็นสุนัขอยู่อีกหรือ?

        ซุนเฟยแทบไม่ต้องคิดก็มั่นใจว่าจะต้องเป็นผลของ น้ำยาฮัลค์อย่างแน่นอน

        ดูเหมือนว่าสุนัขยักษ์สีดำตัวนี้จะโชคดีที่สามารถยืนหยัดต่อกระบวนการปรับเปลี่ยนร่างกายที่เจ็บปวดทรมานแล้วมีชีวิตรอดมาได้ ร่างกายของมันได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อจากน้ำยานั่น และจิตวิญญาณที่แฝงมากับน้ำยาฮัลค์ก็ส่งผลกระทบกับสุนัขยักษ์ตัวนี้ ทำให้มันรู้สึกจงรักภักดีต่อซุนเฟยอย่างเต็มเปี่ยม ไม่อย่างนั้นเมื่อเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวนี้เห็นซุนเฟยอยู่ตรงหน้าคงพุ่งเข้ามากัดไปแล้ว จะมานอนหมอบกระดิกหางทำตัวน่ารักกับซุนเฟยทำไม

        เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของสุนัขยักษ์สีดำ เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ตัวที่อยู่บนร่างของซุนเฟยก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง

        บางทีอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของแมวและสุนัขที่เป็นศัตรูธรรมชาติ ขนบนร่างของเจ้าลูกเสือปลาจึงได้ตั้งชันขึ้นมา ลุกขึ้นโก่งตัวบนหัวซุนเฟย เริ่มแสดงท่าทางโมโหร้ายออกมา เจ้าโห่วขนทองตัวน้อยมองไปรอบๆ ไม่กี่ครั้งสุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่ข้างเจ้าเสือปลาตัวน้อย ทั้งสองตัวแยกเขี้ยวน้อยๆ ออกมาขู่ ดวงตาของพวกมันฉายแววตั้งต้นเป็นศัตรู ส่วนนกฮูกและนกแก้วกลับทรยศหักหลังสหายตัวน้อยด้วยกัน บินวนรอบๆ สุนัขยักษ์สีดำสองสามรอบเมื่อพบว่าไม่มีอันตรายก็ร่อนลงบนไหล่ของสุนัขยักษ์สีดำ และช่วยหวีขนให้มัน

        สัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้ต่างฉลาดมาก

        ว้าว แมวสองตัวนั้นน่ารักจัง”

        มาดูเร็ว แมวตัวนี้มีปีกด้วย…”

        แองเจล่าและเจ็มม่าเห็นซุนเฟยมา ดวงตาของทั้งสองคนก็เป็นประกาย ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาอย่างร่าเริง ซุนเฟยเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างอบอุ่น ยามนี้สองสาวขี้อายเปลี่ยนเป็นร้อนแรงตั้งแต่เมื่อไรกัน? เขาอ้าแขนออกกว้างเตรียมรับอ้อมกอดจากสาวๆ ที่กำลังวิ่งเข้ามา แต่ใครจะรู้ว่าสองสาววิ่งมาคว้าเสือปลากับโห่วบนตัวเขาไปกอดโดยไม่ได้สนใจซุนเฟยเลยสักนิด

        ซุนเฟยเบะปาก

        อ้อมกอดกว้างขวางของเขามีเพียงอากาศที่พัดผ่าน ได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นของหัวใจ…

        คงมีเพียงโห่วน้อยสีทองที่พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเจ็มม่า เมื่อไม่หลุดก็หันกลับไปมองเจ็มม่าด้วยท่าทางไม่พอใจราวกับจะพูดว่า “ยัยโง่ ข้าไม่ใช่แมว ข้าเป็นสัตว์อสูรโห่วขนทองที่ยิ่งใหญ่…โห่วขนทองเชียวนะ นี่ ยัยผู้หญิงปัญญาอ่อน เจ้ารู้จักไหม?”

        ……

        หนึ่งนาทีต่อมา

        วงแหวนแห่งสงครามสีทองผุดขึ้นมาใต้ฝ่าเท้า มือของซุนเฟยปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีทอง เมื่อสัมผัสที่ไหล่ของเบสท์พ่อตาในอนาคต เปลวไฟก็เปล่งประกายระยิบระยับ เพียงชั่วครู่ รอยเลือดสองรอยที่ไหล่ของเบสท์ที่ถูกเจ้าสุนัขยักษ์กัดเบาๆ ก็หายไปจนไม่เหลือรอยแผลใดๆ ไว้

        สัตว์เลี้ยงสมควรตาย ข้าสาบาน นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะกินแต่เนื้อหมา!”

        เบสท์ก็ยังไม่มีทีท่าจะหายโกรธ เขามองไปที่สุนัขยักษ์สีดำนั้นด้วยสายตาเหมือนเห็นคนสังหารบิดาตนอยู่ตรงนั้น ปากก็พลันก่นด่าออกมา

        คิดๆ ไปก็น่าขายหน้า เป็นถึงเลขานุการที่อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น กลับต้องมาถูกสุนัขที่ลูกสาวเลี้ยงไว้กัด…หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขายังจะรักษาภาพลักษณ์อันงดงามของเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานได้อย่างไร?

        เบสท์โกรธจนหน้าดำหน้าแดง

        ปัญหาเรื่องชื่อเสียงหน้าตาก็สำคัญเท่าชีวิตเช่นกัน!

        สุดท้ายซุนเฟยก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน

        เมื่อเร็วๆ นี้ เบสท์ที่เพิ่งจัดการเอกสารบริหารในเมืองเสร็จ ยังต้องลำบากลำบนจัดหาที่พักให้แก่เหล่าองค์ชายทุกอาณาจักรอีก ที่มาที่พระราชวังก็เพื่อจะหารือกับซุนเฟยเรื่องการเข้าพบกับเจ้าชายมอดริชแห่งอาณาจักรเล็กซัส แต่ใครจะรู้ว่าซุนเฟยไม่ได้อยู่ที่พระราชวัง แต่กลับพบแองเจล่าลูกสาวของเขาแทน บิดาที่ยุ่งจนหาเวลาผ่อนคลายได้จึงสนทนากับลูกสาวแสนบริสุทธิ์ของเขาถึงวิธีมัดใจองค์ราชาอเล็กซานเดอร์ แต่ใครจะรู้ว่าในตอนนั้นเจ้าสุนัขยักษ์ที่จำศีลอยู่สวนด้านหลัง เมื่อมันตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียก็เผลอไปกัดเข้าที่แขนของเบสท์เข้า…

        ฮ่าๆๆ ท่านลุงเบสท์ จะไปอาฆาตกับสัตว์เลี้ยงมันทำไมกัน!”

        ซุนเฟยหัวเราะเสียงดังอย่างไม่ปิดบัง ในใจก็ภาวนาขอไม่ให้ท่านพ่อตาของเขา ไม่โดนพิษสุนัขบ้า ไม่อย่างนั้น…

        ใบหน้าหล่อๆ ของพ่อตาที่เดี๋ยวโมโหเดี๋ยวหงุดหงิด…

        ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงทหารยามด้านนอกรายงานว่า “องค์ราชา องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเซนิทส่งคนมาเข้าเฝ้าในห้องโถงขอรับ”

        หือ?

        องค์หญิงลึกลับนั้นสุดท้ายก็ทนไม่ไหว เป็นฝ่ายมาเชิญข้าไปพบก่อนงั้นเหรอ?

        ซุนเฟยรู้สึกดีใจ

        พ่อตาในอนาคตของเขาที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นยืน

        ในตอนนี้เบสท์ก็เปลี่ยนไปเหมือนซุนหงอคงเปลี่ยนร่าง ความโกรธทั้งหมดหายไป แม้ว่าจะยังเท้าเปล่าทั้งยังเปื้อนไปด้วยดิน หัวยังกระเซอะกระเซิงอยู่ แต่เมื่ออารมณ์เปลี่ยน ความสง่าผ่าเผยสมกับเป็นขุนนางชั้นสูงก็กระจายออกมา เขาขมวดคิ้วอยู่ในความคิด พลางพูดกับซุนเฟยว่า “อเล็กซานเดอร์ ท่านควรไปพบกับองค์หญิงผู้นั้น เหลือเวลาอีกสามวันก็จะถึงเวลาขึ้นครองบัลลังก์ของท่านแล้ว อย่าไปทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจเลย ไม่อย่างนั้นจะลำบากเอา”

        ซุนเฟยพยักหน้า

        มุ่งหน้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ตอนนั้นเอง เจ้าสุนัขยักษ์สีดำก็เดินไปขวางซุนเฟยตรงหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วส่ายหาง ด้วยลักษณะท่าทางของมันราวกับจะให้ซุนเฟยขี่หลังมัน

        ผู้คนรอบข้างพลันตกตะลึง

        กล่าวได้ว่าสุนัขยักษ์สีดำตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือความแข็งแรงก็เหนือกว่าอาชาทั่วไปทุกตัว นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการขี่ แต่…ปัญหาคือซุนเฟยเป็นเชื้อพระวงศ์ แล้วจะให้เชื้อพระวงศ์มาขี่สุนัขยักษ์สีดำตัวนี้ มันหมายถึงอะไร? อัศวินสุนัขดำอย่างนั้นเหรอ?

        แต่ซุนเฟยกลับไม่ลังเลสักนิด

        เขายิ้มพลางกระโดดขึ้นขี่หลังของเจ้าสุนัขยักษ์สีดำ สัตว์เลี้ยงตัวนี้เป็นสัตว์ที่มหัศจรรย์มากและยังเข้าใจความคิดของซุนเฟย มันเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่ามั่นใจ

        ทีแรกที่ซุนเฟยขี่หลังมันก็แค่นึกสนุกในตอนแรก แต่ใครจะรู้มันจะเสริมให้ภาพลักษณ์ของซุนเฟยดูน่าเกรงขามขึ้นมา ทั้งยังเป็นความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าจิตวิญญาณของตัวเองและเจ้าสุนัขยักษ์สีดำตัวนี้เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าตัวเองคิดสิ่งใด เจ้าสุนัขยักษ์สีดำก็เข้าในใจทันที ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด กระโจนหรือหยุดนิ่ง หนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็เหมือนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาสามารถนึกคิดได้อย่างคล่องแคล่ว

        นี่มันง่ายกว่าการขี่ม้าเสียอีก

        ดูเหมือนว่าสุนัขยักษ์สีดำตัวนี้จะเป็นตัวเลือกในการขี่ของราชาอย่างสมบูรณ์แบบ

        ——————————-

Author MEMYARMY