มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 6 บทที่ 156 บ้า

        ความโลภของคนเราแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่มันก็จะไม่หายไป ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่า สถานการณ์นี้มันสิ้นหวังสำหรับซุนเฟยตรงไหน?

        พริบตาเดียว เขาก็เริ่มดำเนินการค้นหาเพื่อรีดไถ

        เมื่อคิดได้ว่าพลังอำนาจของกระดูกพวกนี้เทียบเท่าได้กับอาวุธวิเศษ สายตาของซุนเฟยก็กลายเป็นเครื่องสแกนทันที เขาไม่ลังเลที่จะขุดคุ้ยโครงกระดูกพวกนี้อย่างบ้าคลั่ง ไม่ช้า กระดูกที่มีลักษณะเหมือนดาบ หอกและกระบี่ก็ถูกซุนเฟยรื้อออกมาได้นับร้อยชิ้นวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนพื้น ปัญหาเพียงข้อเดียวที่ซุนเฟยกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือ เขาจะขนกระดูกล้ำค่าพวกนี้กลับไปอย่างไร สำหรับภูเขากองกระดูกกองนี้แล้ว กระดูกที่ซุนเฟยหยิบออกมาคงเป็นเพียงเม็ดขาวในทะเล1 ถ้าสามารถขนกระดูกพวกนี้กลับไปที่เมืองแซมบอร์ดได้ จะทำให้ทหารของอาณาจักรมีอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพไว้ใช้ หากพวกทหารมีกระดูกจากภูเขากองกระดูกเป็นอาวุธ พวกเขาก็กลายเป็นกองทหารที่ไร้พ่าย!

        เมื่อซุนเฟยคิดแบบนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาวงกตใต้ดินแห่งนี้จะต้องเป็นที่ตั้งเทพปีศาจที่ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ลึกลับอย่างแน่นอน บางทีโครงกระดูกเหล่านี้อาจเป็นผู้นำและทหารของเผ่าเทพและปีศาจที่ตายจากการทำสงครามในอดีต อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็ยังคงมีบางอย่างที่ยากจะอธิบายได้อย่างชัดเจน เพราะเห็นได้ชัดว่าที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของที่ตั้งเทพและปีศาจทั้งหมด แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็ยังพบกระดูกที่ล้ำค่ามากมายขนาดนี้ ตามความทรงจำของซุนเฟยเกี่ยวกับสงครามระหว่างเทพและปีศาจที่บันทึกไว้ในหนังสือ เขาค้นพบว่าสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่อ่านมาสอดคล้องกันเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตามบันทึกของราชวงศ์ ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า สองเผ่านี้มีจำนวนประชากรจำกัด แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทุ่มประชากรหลายพันหลายหมื่นคนในการทำสงครามเพียงครั้งเดียว ในประวัติศาสตร์ของสงครามเทพปีศาจส่วนใหญ่ต่างบอกไว้ว่า สองเผ่าพันธุ์นี้ล้วนเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์อื่นๆ และอยู่ในตำแหน่งสูงสุดบนยอดเขาปิรามิด นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องมีเผ่าที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาจำนวนมากซึ่งสามารถสั่งการให้เข้าร่วมสู้รบได้ ตามตำนานเล่าว่า เผ่าที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง กล่าวอีกนัยหนึ่ง โครงกระดูกเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของทั้งสองเผ่าอย่างเทพและปีศาจ สิ่งนี้ทำให้ซุนเฟยตกใจมาก ในบันทึกเขียนไว้ว่า ‘เผ่าที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง’ แต่ระดับพลังของพวกเขาที่ต่ำที่สุดก็คือหกเจ็ดดาว บางส่วนยังมีระดับมากกว่าระดับดาวและระดับจันทราเสียอีก?

        นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

        พลังนี้ถ้ายังอยู่ในแผ่นดินอาเซรอทตอนนี้ คงสามารถทำลายราชอาณาจักรได้ทุกอาณาจักรในทันที

        แต่ตอนนี้ พวกมันได้กลายเป็นกองกระดูกไปเสียแล้ว

        ซุนเฟยเลือกกระดูกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ออกมา ไม่นานก็รู้สึกเหนื่อยล้า ตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาจากประตูเหล็กสีดำนั่นจนมาถึงที่นี่ก็กินเวลาไปแล้วยี่สิบชั่วโมง เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะสลายการอัญเชิญอีกายักษ์และหมาป่าสีขาว จากนั้นเขาก็เลือกกระดูกที่ขนาดพอเหมาะยัดใส่เข้าไปในเข็มขัดมิติ เสร็จแล้วก็เปิดประตูมิติสีฟ้าขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปในโลก Diablo

        ในโลก Diablo ท้องฟ้าสว่างสดใส

        สิ่งแรกที่ซุนเฟยทำก็คือ เดินตรงไปยังเต็นท์ของแม่ชีอาคาร่าที่อยู่ตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซุนเฟยทำตามกฎของนางที่จะต้องเรียนรู้วิชาการสร้างน้ำยาวิเศษ ความรู้เรื่องสมุนไพรและหลักการการสร้างม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ หลังทักษะเทพเจ้า ทักษะ ‘การเรียนรู้’ ได้ยกระดับขึ้น ทำให้ซุนเฟยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักสำหรับการเรียนรู้เรื่องพวกนี้ แค่ฟังแม่ชีอาคาร่าอธิบายแบบคร่าวๆ รอบหนึ่ง ซุนเฟยก็เหมือนจะเข้าใจได้เร็วขึ้น เขาสามารถจับใจความสำคัญและเคล็ดลับได้ไวขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีนิสัยเดี๋ยวลืมโน่นเดี๋ยวลืมนี้ล่ะก็ คิดว่าตอนนี้คงกลายเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญม้วนคัมภีร์และน้ำยาไปตั้งนานแล้ว

        แม่นม2 ข้ามีของแปลกๆ บางอย่างอยากให้ดู ท่านพอจะบอกได้ไหมว่ามันคืออะไร?”

        หลังจากเรียนเสร็จ ซุนเฟยก็หยิบเอากระดูกที่อยู่ในเข็มขัดมิติออกมา แล้วส่งไปให้แม่ชีอาคาร่าดู และบังเอิญมากที่ดูเหมือนว่าแม่ชีอาคาร่าจะรู้ว่ามันคืออะไร

        นี่คือ…” แม่ชีอาคาร่ารับกระดูกมาด้วยท่าทางตกตะลึง นางค่อยๆ ลูบกระดูกในมือเบาๆ แล้วจ้องมองอย่างถี่ถ้วนอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นนางจึงหันมาถามว่า “นี่คือโครงกระดูกปีศาจ? โอ้พระเจ้า ท่านซุนเฟย ทำไมท่านถึงมีสิ่งนี้กัน? แล้วท่านได้มาจากที่ไหน? ยังมีอีกหรือไม่?”        

        โครงกระดูกปีศาจ?” ชื่อที่ฟังดูชั่วร้ายแบบนี้ทำให้ซุนเฟยรู้สึกไม่ดีเท่าไรและน้อยครั้งมากๆ ที่เขาจะเห็นแม่ชีอาคาร่าทำท่าตื่นตกใจแบบนี้ เขาถามกลับไป “แม่นม สิ่งเหล่านี้น่ากลัวมากไหม?”

        อาคาร่าส่ายหน้าอย่างตื่นเต้น “เจ้าของกระดูกพวกนี้น่ากลัวจริงๆ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายที่ไม่ยอมรับแสงสว่างและตัวตนของพระเจ้า แต่หลังจากที่พวกมันตายไป โครงกระดูกของพวกมันจะเป็นวัตถุดิบเวทมนตร์ที่ล้ำค่ามาก กระดูกที่ท่านให้ข้า ในตอนที่ยังมีชีวิตเขาจะต้องเป็นปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างมาก ความแข็งแกร่งของมันเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการได้ แม้แต่แอนเดเรียก็ยังไม่อาจเทียบมันได้แม้แต่หนึ่งส่วนร้อย กระดูกที่ทิ้งไว้โดยปีศาจที่มีพลังมหาศาลระดับนี้ จะต้องเป็นวัตถุดิบเวทมนตร์ที่ทรงคุณค่ามากแน่ๆ สามารถนำมาสร้างเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่มีพลังแข็งแกร่ง หรือจะบดกระดูกพวกมันแล้วนำมาสร้างน้ำยาและม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ก็ยังได้…” พูดถึงตรงนี้แม่ชีอาคาร่าก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่กระดูกชิ้นนี้มันเล็กนัก คงทำได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น!”

        ซุนเฟยหัวเราะออกมาอย่างลำพองใจ เขารีบหยิบกระดูกชิ้นใหญ่กว่าเล็กน้อยออกมาจากเข็มขัดมิติ

        ท่านมีมันจริงๆ หรือ?” ดวงตาของแม่ชีอาคาร่าเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

        ซุนเฟยหยิบกระดูกที่ใหญ่ยิ่งกว่านี้ออกมาอีกชิ้น

        ยังมีอีก?”

        หยิบออกมาอีกชิ้น

มีเท่าไรกันแน่ รีบเอาออกมาให้หมด เร็วๆ!       

        ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของ ‘ค่ายโร้ก’ มาเป็นเวลาเกือบร้อยปี แม่ชีอาคาร่าไม่เคยสูญเสียท่าทางสุขุมขนาดนี้มาก่อนตอนนี้แม่ชีอาคาร่าถูกซุนเฟยยั่วอารมณ์ซ้ำไปซ้ำมาจนแทบสติแตก มือผอมบางคว้าร่างของซุนเฟยแล้วเขย่าอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นเพราะ ‘โครงกระดูกปีศาจ’ มีความสำคัญมากจริงๆ หากมีโครงกระดูกปีศาจมากพอ พลังของ ‘ค่ายโร้ก’ ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น หลังจากนี้พวกนางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกมอนสเตอร์ในถิ่นทุรกันดารอีก

        ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว…” ในเข็มขัดมิติสามารถใส่โครงกระดูกได้แค่ห้าหกชิ้นเท่านั้น ตอนนี้ก็หยิบออกมาจนหมดแล้ว ซุนเฟยหัวเราะออกมาพลางแบมือ

        สีหน้าแม่ชีอาคาร่าดูสลดลงและเจือไปด้วยความผิดหวัง แต่ไม่ช้าก็มองไปที่ ‘โครงกระดูกปีศาจ’ ทั้งห้าหกชิ้นตรงหน้าด้วยท่าทางตื่นเต้น นางคิดว่าตัวเองคงโลภมากเกินไป โอ้พระเจ้า โครงกระดูกปีศาจที่ล้ำค่าเช่นนี้ สามารถหามาได้ตั้งห้าหกชิ้นก็ถือว่ามั่งคั่งและโชคดีแล้ว จะไปคาดหวังให้ได้มากกว่านี้ทำไม?

        ซุนเฟยหัวเราะออกมา ขณะที่กำลังจะพูดถึงภูเขากระดูกที่ตัวเองไปพบมาให้แม่ชีอาคาร่าฟัง ทันใดนั้น…

        วะฮะฮ่า…ข้าพบแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว วะฮะฮ่า…” เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของตาเฒ่าเคนดังไปทั่วค่าย ก่อนที่เงาร่างผอมบางจะพรวดพราดเข้ามาในเต็นท์ของแม่ชีอาคาร่า ในมือของเขาถือหนังสือสองสามเล่มไว้ในมือ “โอ้ ท่านซุนเฟย นี่ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย? ฮ่าๆๆ ดีๆๆ ข้าเข้าใจความแตกต่างของระบบเวทมนตร์ระหว่างโลกแห่งแสงสว่างกับค่ายโร้กของพวกเราแล้ว ฮ่าๆๆ ข้าเดาไม่ผิดเลยว่าแก่นแท้ของระบบเวทมนตร์ของทั้งสองโลกจะต้องเป็นอย่างเดียวกัน วะฮะฮ่า ท่านดูสิ ตอนนี้ข้าเข้าใจวิธีเปิดแหวนมิติวงนี้ได้แล้วนะ นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในนั้น!”       

        ซุนเฟยรับหนังสือจากในมือตาเฒ่าเคน เมื่ออ่านรายละเอียดก็พบว่าตัวอักษรที่ใช้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นตัวอักษรของแผ่นดินอาเซรอท

        อาณาจักรแห่งเปลวไฟ? นำพาดวงวิญญาณ? พื้นที่ลาวาปะทุ? ปีกแห่งเพลิง? ลิ้นเปลวไฟ?” ซุนเฟยอ่านข้อความในหนังสือ ส่วนใหญ่จะเป็นทักษะของนักเวทธาตุไฟ มีทักษะของนักเวทแห่งความตายระดับต่ำปนมาด้วยเล็กน้อย ดูท่าเอแวนส์นักเวทระดับสี่ดาวาตุไม้คนนั้นจะมีของดีเก็บไว้ไม่น้อย

        ข้างในแหวนมิตินี้มีของอีกมากมาย ท่านดูด้วยตัวเองเถอะ!” ตาเฒ่าเคนไม่ลังเลที่จะส่งแหวนที่ล้ำค่าคืนซุนเฟย จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ เต็นท์ก่อนจะไปสะดุดกับกระดูกสีขาวในมือของแม่ชีอาคาร่า ตาเฒ่าเคนชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาก็น่าจะรู้จัก ‘โครงกระดูกปีศาจ’ เช่นกัน สีหน้าของเขาดูตื่นตะลึงก่อนจะปราดเข้าไปแย่งมา มือสัมผัสกระดูกในมืออย่างแผ่วเบาพลางตรวจสอบอย่างขะมักเขม้น ตาเฒ่าเคนเหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ไม่มีผิด

        ซุนเฟยรับแหวนมิติมาดู เขาพบว่า หลังผ่านการการระบุและการปรับปรุงจากตาเฒ่าเคนแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของมันเปลี่ยนแปลงไปมาก มันเหมือนตุ๊กแกตัวหนึ่งกำลังล้อมรอบนิ้วเขา พอสวมแหวนเข้ากับนิ้วแล้วกลับรู้สึกสบายไม่คับนิ้ว แถมยังปกป้องนิ้วไปในตัวได้ด้วย

        ซุนเฟยเสียพลังมานาเล็กน้อยในการตรวจสอบ ก่อนจะรู้สึกยินดีเมื่อพบว่าพื้นที่ในแหวนมิติมีปริมาณในการจุอย่างน้อยๆ ก็มากกว่าหนึ่งร้อยลูกบาศก์เมตร มันเหมือนกับห้องหินธรรมดาๆ ห้องหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายและยังจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ มีก้อนหินเวทมนตร์ทุกประเภทประมาณสี่ร้อยห้าร้อยก้อน และยังมีอุปกรณ์เวทมนตร์อีกหลายชิ้น เสื้อผ้าบางส่วนและอาหารอีกเล็กน้อย แต่สิ่งที่ดึงดูดใจซุนเฟยที่สุดคงเป็น คัมภีร์คลื่นพลังและบันทึกการฝึกฝนของนักเวทที่กองเป็นเป็นเนินเขาเล็กๆ อยู่ตรงมุม นี่มัน ‘ห้องสมุดเคลื่อนที่’ ชัดๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง ถึงแม้ว่าเอแวนส์จะเป็นเพียงนักเวทระดับสี่ดาวคนหนึ่ง แต่เขาก็มาจากราชอาณาจักรระดับที่สูงมาก อีกทั้งยังมีอาจารย์เป็นนักเวทที่เก่งกล้าอย่างเฟอร์ดินานด์ ดังนั้นหนังสือที่พกติดตัวมาด้วยจึงมีมูลค่าและหายากมาก

        ฮ่าๆ นี่มันส่งถ่านท่ามกลางหิมะตก3ของจริง เมืองแซมบอร์ดตอนนี้กำลังขาดแคลนบันทึกการฝึกฝนของนักเวทและคัมภีร์คลื่นพลังทุกชนิดอยู่เลย…” ซุนเฟยยกมือลูบแหวนตุ๊กแกที่นิ้ว ในใจก็พลันนึกยินดี “ความสามารถของแหวนวงนี้ดีกว่าเข็มขัดมิติเป็นร้อยเท่า ถ้ามีมัน หลังจากนี้ข้าก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของระหว่างโลก Diablo มาที่โลกแห่งความเป็นจริงได้มากขึ้น!”

        ตอนนี้มีคนที่อยู่ใน ‘ค่ายโร้ก’ ไม่มาก หลังจากที่ซุนเฟยได้รับรางวัลเป็นการยกระดับพลังของทักษะเทพเจ้าทั้งสามประการแล้ว ตอนนี้เขาสามารถกำหนดตำแหน่งที่จะอัญเชิญได้เรียบร้อยแล้ว เขาใช้ ‘ม้วนคัมภีร์กลับเมือง’ และสร้างสัญลักษณ์เวทมนตร์แบบง่ายๆ ไว้ที่ ‘เมืองวีรบุรุษ’ ทำให้สามารถอัญเชิญทุกคนจากโลก Diablo ไปที่ ‘เมืองวีรบุรุษ’ โดยที่ไม่ต้องอาศัยตัวเขา ตอนนี้ผู้นำโร้กอย่างคาเชียและช่างตีเหล็กชาร์ซี พร้อมกับโร้กสาวบางส่วนต่างถูกซุนเฟยอัญเชิญไปอยู่ที่เมืองวีรบุรุษ เพื่อมีส่วนร่วมในการปกป้องและพัฒนาอาณาจักรแซมบอร์ด

        เมื่อคิดถึงภูเขากองกระดูกในพื้นที่ลึกลับนั่น ซุนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีขึ้นมา เขารีบร้อนออกจากโลก Diablo จากนั้นก็ใช้ทักษะเทพเจ้า ทักษะ ‘อัญเชิญ’ เพื่ออัญเชิญแม่ชีอาคาร่าและตาเฒ่าเคนให้มาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าภูเขากองกระดูก

        นี่คือ…” แม่ชีอาคาร่าจ้อมองไปที่ภูเขากองกระดูกด้วยท่าทางพูดไม่ออก

        วะฮะฮ่า…เป็นไปไม่ได้? ฮ่าๆๆ…” ตาเฒ่าเคนก็ถูกฉากตรงหน้าทำเอาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

        สุดท้าย ทั้งสองคนก็พลันหัวเราะออกมาเสียงแหลมขณะที่มองไปยังภูเขากองกระดูกประหนึ่งคนที่กำลังจะอดตายได้มองเห็นหมูปิ้งรมควันอย่างดีอยู่ตรงหน้า พวกเขาวิ่งไปที่ภูเขากองกระดูกด้วยดวงตาเคลิบเคลิ้ม อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลออกมา ทั้งสองคนต่างเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นเขาย่อมรู้คุณค่าของภูเขากองกระดูกนี้ดียิ่งกว่าซุนเฟย แม่ชีอาคาร่ายกมือที่สั่นระริกด้วยความโลภลูบไปยังกระดูกตรงหน้าเบาๆ เหมือนกำลังสัมผัสพระเจ้าอยู่ก็ไม่ปาน ตาเฒ่าเคนก็กำลังยืนกัดเล็บตัวเอง ดวงตาจ้องไปที่ภูเขากองกระดูกด้วยนัยน์ตาหวนเชื่อม…ตอนนี้ยายแก่และตาเฒ่าได้บ้าไปแล้ว

——————–

        1 เม็ดขาวในทะเล อุปมาว่า ส่วนเล็กน้อยในปริมาณมหาศาล

        2 แม่นม ภาษาจีนจะเรียกว่า โมโม่ แปลว่า แม่นมหรือไว้สำหรับเรียกขานผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า

        3 ส่งถ่านท่ามกลางหิมะตก อุปมาว่า ให้ความช่วยเหลือในยามที่กำลังขาดแคลนได้ทันท่วงที

Author MEMYARMY