มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 ตอนที่ 85 พาลโกรธ

        อาหนูเอ่ยอย่างอ่อนหวาน หั่วอี้ก็ฟังอย่างมีความสุข แต่แรกนั้นเขาก็ชอบอาหนูเพราะน้ำเสียงเช่นนี้ของนาง กอปรกับนางมีรูปโฉมงดงามจริงๆ จึงพานางกลับมาที่จวน

        ทว่าหลิ่วจิ้งกลับฟังแล้วแอบยิ้มเจื่อนอยู่ในใจ คนไม่ละเอียดอ่อนเช่นหั่วอี้จะสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กน้อยในท่าทีมารยาสาไถยของสตรีได้อย่างไร

        เมื่อครู่นางเห็นสายตาอาฆาตแค้นของอาหนูชัดเจนเต็มตา แต่หั่วอี้กลับเชื่อคำของอีกฝ่าย พอรู้ว่าอาหนูเป็นห่วงหลิ่วจิ้งเขาก็ชื่นใจที่อาหนูเข้าใจในเหตุในผล จึงมีท่าทีอ่อนโยนกับอาหนูขึ้นมา

        “จื่อเซียว รีบส่งฮูหยินของเจ้ากลับเรือนไปให้ท่านหมอหวังดูแลเสีย หากทิ้งรอยแผลเป็นไว้ก็คงไม่ดี” หั่วอี้ปล่อยมืออาหนูก่อนหันหน้ามาสั่งความจื่อเซียว

        “เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ บ่าวจะส่งฮูหยินกลับไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” จื่อเซียวตอบรับอย่างเชื่อฟัง

        “ท่านแม่ทัพ…” อาหนูเห็นว่าหั่วอี้ไม่มีท่าทีจะกลับไปกับนาง ดวงตาทั้งคู่พลันมีน้ำตาพรั่งพรูออกมา

        อาหนูยิ่งเกลียดชังหลิ่วจิ้งมากขึ้นไปอีก หากไม่มีหลิ่วจิ้ง หั่วอี้ต้องไม่ปล่อยนางกลับไปเองแน่

        ครานี้หั่วอี้หาได้คล้อยตามน้ำตาของอาหนู เมื่อสั่งความจื่อเซียวเรียบร้อยแล้วเขาก็กุมมือหลิ่วจิ้ง “ไป ฮูหยิน ท่านก็ควรกลับไปได้แล้ว ยามนี้ฟ้ามืด กลางคืนในสวนอากาศเย็น ฮูหยินเพิ่งอาการดีขึ้น อย่าได้ต้องความเย็นจนล้มป่วยขึ้นมาอีกเล่า”

        หั่วอี้พูดพลางพาหลิ่วจิ้งเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม

        อาหนูจ้องมือหั่วอี้ที่กุมมือหลิ่วจิ้งตาเขม็ง จากสิ่งที่นางรู้ หั่วอี้เคยจับมือสตรีเช่นนี้ที่ใดกัน แม้แต่ช่วงที่เขาหลงนางที่สุด ก็ยังไม่เคยอ่อนโยนกับนางเช่นนี้มาก่อน

        นางกลับไม่คิดว่านี่เป็นความผิดของหั่วอี้ ก่อนที่องค์หญิงต้าเว่ยจะมา ยามหั่วอี้ดีกับพวกนางก็ดีเป็นที่สุด แต่กลับไม่เคยมีท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้เลย ล้วนเป็นเพราะองค์หญิงต้าเว่ยนั่น ไม่รู้ว่าใช้กลอุบายใดจึงทำให้หั่วอี้หลงใหลทั้งหัวใจเช่นนี้

        จื่อเซียวมองโทสะของอาหนูออก นางใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อมืออาหนูเอาไว้ก่อน พลางเอ่ยปากเตือนสติอีกฝ่ายว่า “ฮูหยิน ท่านมีโทสะไม่ได้โดยเด็ดขาด ท่านลองคิดดูสิเจ้าคะ ก่อนองค์หญิงต้าเว่ยจะมา มีอนุเล็กๆ กี่นางที่ไม่รู้ดีชั่วคิดจะข้ามหัวท่าน แล้วภายหลังก็มิใช่ว่าถูกท่านคิดหาวิธีไล่ไปจนหมดหรอกหรือเจ้าคะ?

        องค์หญิงต้าเว่ยนั่นก็เพียงได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิงเพิ่มมาอีกเท่านั้น มิใช่ว่าเป็นสตรีผู้หนึ่งเช่นกันหรอกหรือ เป็นสตรีย่อมต้องมีจุดอ่อนของสตรี ฮูหยินก็สามารถจัดการไปตามวิธีเหล่านั้นนี่เจ้าคะ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะควร ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ก็มิใช่ว่าต้องแล้วแต่ท่านผู้เดียวหรือเจ้าคะ”

        จื่อเซียวอธิบายละเอียดละออ ช่วยเตือนสติอีกฝ่ายอย่างแจ่มแจ้ง กลับทำให้อาหนูฟังเข้าหูได้

        “หึ ปล่อยให้นางลิงโลดไปอีกสักวันสองวัน ถึงยามนั้นข้าจะต้องให้นางคุกเข่าขอร้องข้า ว่าให้ศพนางอยู่ในสภาพเดิม” อาหนูร้องด่าส่งอย่างชิงชังไปทางทิศที่หลิ่วจิ้งจากไป

        จื่อเซียวรับใช้อาหนูมานานปี ย่อมรู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่าย ได้ยินวาจาร้ายกาจของอาหนู ใจนางพลันสะท้านโดยไม่รู้ที่มา

        นางกังวลว่าอาหนูจะถูกความริษยาครอบงำความคิดอ่าน นางเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่ารอบๆ ไม่มีคนแล้ว จึงเอ่ยอีกครั้งอย่างแผ่วเบาว่า “ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวรู้ว่าใจท่านไม่เป็นสุข แต่เรื่องที่เร่งด่วนเป็นที่สุดก็ยังเป็นเรื่องของทางฮูหยินใหญ่ บ่าวยังอยากเตือนท่านว่าให้ร่วมมือกับองค์หญิงต้าเว่ยนั่น รอจนจัดการเรื่องของฮูหยินใหญ่เรียบร้อยแล้ว ค่อยคิดเรื่องกำจัดองค์หญิงต้าเว่ยเจ้าค่ะ”

        อาหนูหันหลังเดินไปทางเรือนของตน นางรับฟังคำของจื่อเซียวแล้ว เพียงแต่ความริษยาของนางยังยากสงบลง ย่อมไม่ยอมไปแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อหลิ่วจิ้งในยามนี้

        จื่อเซียวเห็นว่าตนแจกแจงเรื่องดีชั่วจนชัดเจนแล้ว ไม่รู้ว่าอาหนูฟังเข้าหูหรือไม่ สีหน้านางหม่นลง มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะหยัน นางนึกทบทวนขึ้นมาอีกหนหนึ่งว่าหากนางยังติดตามอาหนูอยู่เช่นนี้ ยังจะมีวันได้ดิบได้ดีขึ้นมาหรือไม่

        จนอาหนูและจื่อเซียวเดินไปไกลแล้ว ท่ามกลางพุ่มไม้พุ่มหนึ่งก็มีใบหน้าของอวี้จิ่นโผล่ออกมา นางจับจ้องไปที่แผ่นหลังของพวกอาหนู กระทั่งมองไม่เห็นแล้วนางจึงมุดออกมาจากพุ่มไม้ รีบมุ่งหน้าไปที่หอหั่วเยี่ยน

        อาหนูจากไปทั้งโทสะ กลับไม่รู้ว่าคำพูดที่นางและจื่อเซียวสองคนสนทนากันถูกอวี้จิ่นได้ยินเข้าแล้ว

        ครานี้เป็นทีพวกนางดวงซวย อวี้จิ่นมาผลัดเปลี่ยนกับอิ๋งเหอ เมื่อนางมาถึงสวนหลังจวนหั่วอี้ก็พาหลิ่วจิ้งจากไปแล้ว ทว่าเส้นทางที่นางมาเป็นทางที่ตัดกับทางที่พวกอาหนูเดินกลับไปพอดี นางจึงหาที่ลับตาซ่อนตัว และปรากฏว่าไปได้ยินเรื่องพวกอาหนูพูดคุยกันจนหมด

        เมื่อครู่หั่วอี้พลั้งมือเกือบทำให้หลิ่วจิ้งหกล้ม ส่วนหลิ่วจิ้งก็รู้สึกผิดที่ไม่ไยดีทิ้งหั่วอี้ให้รออยู่ในห้อง ทั้งสองคนล้วนรู้สึกว่าตนเองทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ ทั้งคู่จึงไม่มีใครเริ่มบทสนทนากับอีกฝ่ายไปชั่วขณะหนึ่ง จึงพากันเงียบงันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก

        จนกลับมาถึงเรือนหลัก อิ๋งเหอกำลังยกไข่ตุ๋นดอกเก๊กฮวยที่เพิ่งทำเสร็จออกมาพอดี

        “มาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะ” หลิ่วจิ้งแอบชมในใจขณะเร่งเดินไปหาอิ๋งเหอสองก้าว รับไข่ตุ๋นดอกเก๊กฮวยชามนั้นมา บอกว่านางหิวแล้วและกลับเข้าห้องไป

        นางกำลังรู้สึกว่าตลอดทางที่มีหั่วอี้เดินกลับมาด้วย จู่ๆ ทั้งสองคนล้วนไม่มีถ้อยคำจะเอ่ย บรรยากาศเช่นนั้นน่าอึดอัดเต็มทน

        หลิ่วจิ้งนึกว่าหั่วอี้จะไม่ตามเข้าไปในห้องด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าเพิ่งก้าวเท้าหน้ามาในห้อง หั่วอี้ก็เดินตามเท้าหลังนางเข้ามา

        “หา ท่านแม่ทัพไม่เหนื่อยหรือ ไม่ไปอาบน้ำร้อนๆ ผ่อนคลายสักหน่อยก่อนหรือเจ้าคะ?”

        หลิ่วจิ้งรู้ว่าโดยปกติแล้วเมื่อหั่วอี้กลับมาจากข้างนอก ล้วนต้องไปอาบน้ำร้อนคลายความอ่อนล้าก่อน จึงเอ่ยถามเช่นนี้

        เมื่อนางถามออกไปจึงรู้สึกว่าไม่เข้าที หั่วอี้คงไม่ได้เกิดความคิดอื่นใดขึ้นมาหรอกนะ

        ปรากฏว่า ใบหน้าของหั่วอี้ก็มีแววเจ้าเล่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาขึ้นมาอีกหน

        “อย่างไรเล่า ฮูหยินเพิ่งจะหายจากป่วยหนัก ก็อดรนทนไม่ไหวอยากอาบน้ำคู่นกเป็ดน้ำกับสามีแล้วหรือ?”

        ตุบ’ หลิ่วจิ้งถูกคำพูดของหั่วอี้ทำเอาตกใจจนช้อนในมือร่วงลงพื้น

        “มะๆ ไม่ ชะๆ ใช่” เห็นสีหน้าได้ใจของหั่วอี้ หลิ่วจิ้งกำลังจะอธิบาย แต่กลับเพิ่งรู้ว่าตนเองหลงกลเข้าให้แล้ว

        “ฮ่าๆๆ” หั่วอี้พบว่าตอนนี้เขายิ่งชอบแกล้งหลิ่วจิ้งมากขึ้นทุกวัน เขาชอบเห็นใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความร้อนรนของนาง

        หั่วอี้เป็นเช่นนี้ หลิ่วจิ้งก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เหตุใดหั่วอี้ในยามนี้จึงแตกต่างกับสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับตัวเขาราวฟ้ากับดินถึงเพียงนี้

        หัวเราะก็ส่วนหัวเราะ แต่หลิ่วจิ้งกลับเดาความคิดเขาถูกแล้วจริงๆ เพราะเขาคิดจะไปอาบน้ำสักหน่อยอยู่พอดี ความเคยชินที่มีมาแต่เล็กนี้ เขาแก้ไม่ได้และไม่คิดจะแก้ด้วย

        หลังจากส่งหั่วอี้ด้วยสายตาจนเขาเดินออกไปแล้ว หลิ่วจิ้งจึงโล่งอก และตั้งใจทานไข่ตุ๋นเก๊กฮวยของนางต่อไป

        เมื่อในห้องไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว อวี้จิ่นจึงเดินมาตรงหน้าหลิ่วจิ้ง กระซิบเล่าสิ่งที่นางเพิ่งได้ยินจากในสวนหลังจวนให้หลิ่วจิ้งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

        “จริงหรือ อาหนูพูดเช่นนั้นจริงหรือ ให้ข้าขอร้องให้นางเหลือศพในสภาพเดิม”

        หลิ่วจิ้งรู้ถึงความใจแคบของอาหนูอยู่แล้ว เพียงแต่นางไม่นึกมาก่อนว่าอาหนูจะร้ายกาจถึงขั้นนี้ สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความรักหลงจากหั่วอี้ กระทั่งเอาชีวิตของผู้อื่น

        หลิ่วจิ้งถามตนเองว่านางก็ไม่ได้เป็นคนใจประเสริฐอันใด เพียงแต่ผู้อื่นไม่ล่วงเกินข้า ข้าไม่ล่วงเกินผู้อื่น ทว่าการยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเช่นนี้ นางก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องถึงขั้นทำลายชีวิตกัน

        หลิ่วจิ้งกลับไม่รู้ว่าเพื่อการแก้แค้นแล้ว วันหน้านางจะโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าอาหนู

        _____________________________

Author Jinovel