มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 บทที่ 74 ชนเผ่าสมุทรปรากฏ

        จ้านอู๋มิ่งและพรรคพวกรวดเร็วยิ่งนัก  หยิบแผนที่ที่จู้เชียนเชียนมอบให้  นำมาเปรียบเทียบกับแผนที่เดินเรือของสำนักบริบาลเดรัจฉานเอง  หลีกเลี่ยงสถานที่เปี่ยมอันตรายมากมายหลายแห่ง  และก็สามารถลดปัญหาลงได้มากมายเช่นกัน  ก่อนที่จะประสบกับอันตราย  จ้านอู๋มิ่งมักจะแจ้งเตือนล่วงหน้าเสมอ  ทำให้คนบนเรือเร่งรีบเดินทางถึงบริเวณเกาะแรกโดยไม่เกิดการสูญเสีย

        ยามนี้  จ้านอู๋มิ่งรู้สึกได้รางๆ ว่ากำลังถูกจับตาดูอยู่  ส่วนความรู้สึกนี้มาจากที่ใด  เขาเองก็มิสามารถบอกได้  ในน่านน้ำมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยม่านหมอกนี้  ข้อจำกัดของทัศน์วิสัย ทำให้ทุกคนมองได้ไม่ไกลนัก  พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาก็ไม่ได้สัมผัสว่ามีเรือลำอื่นอยู่ใกล้ ๆ

        “เกรงว่าจะมีสิ่งที่อันตรายยิ่งนักบนเกาะแห่งนี้!”  จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจคราหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น

        “สัมผัสที่หกอีกแล้วเหรอ?”  ต้วนหลิวฉางถามด้วยความประหลาดใจ

        “นับว่าใช่ก็แล้วกัน ข้ารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองโดยบางสิ่ง”  จ้านอู๋มิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

        “ทุกคนเตรียมพร้อมไว้  อย่าได้เคลื่อนไหวคนเดียว”  ตู้เยว่หมิงยอมรับในสัมผัสที่หกของจ้านอู๋มิ่งยิ่งนัก  ก็เพราะสัมผัสที่หกอันน่ามหัศจรรย์ของจ้านอู๋มิ่ง  พวกเขาจึงแคล้วคลาดจากอันตรายมาหลายครั้ง

        “เกาะนี้ไม่ใหญ่นัก  พวกเราเวียนดูรอบๆ เกาะกันสักรอบ  ดูว่าจะมีจุดลงจอดที่ดีกว่านี้หรือไม่”  จ้านอู๋มิ่งไม่ต้องการพลาดโอกาสใดๆ ที่จะขึ้นเกาะ  ที่นี่คือสถานพำนักของคุนเผิง  ห่างหายจากผู้คนนานนับหมื่นปี  น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้พลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง  ในสถานที่ที่มีพลังธรรมชาติมากมายเช่นนี้  มิรู้จะมีสมบัติทางธรรมชาติมากมายเพียงใด  เกรงว่าแค่หยิบสมุนไพรต้นใดต้นหนึ่งขึ้นมาง่ายๆ จำนวนปีของมันก็คงจะเหนือกว่าสมุนไพรข้างนอกมากจนสุดกู่

        เกาะแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก  รัศมีไม่เกินร้อยลี้  ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นเรือเหาะก็โคจรรอบเกาะแล้ว  เกาะนี้ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและต้นไม้โบราณเก่าแก่  พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก  มองจากไกลๆ ท่ามกลางละอองไอน้ำ  ไม่สามารถจะมองเห็นภัยคุกคามที่ซุ่มซ่อนอยู่ในพืชพรรณได้เลย

        หลังจากที่ทุกคนเวียนรอบเกาะมารอบหนึ่ง  ก็พบจุดลงจอดที่ดี นั่นคือบริเวณด้านหลังของเกาะ  มีหาดทรายสีทองแห่งหนึ่ง

        เป็นครั้งแรกที่จ้านอู๋มิ่งได้เห็นชายหาดที่สวยงามระยิบระยับพราวตาเช่นนี้  ข้างบนนี้มิใช่ทรายธรรมดาทั่วไป  มองดูจากที่ไกลๆ  กลับเป็นเป็นหาดทรายสีทองที่สะสมจากเม็ดทรายทองคำจริงๆ

        ทุกคนบนเรือมองทรายสีเหลืองด้วยความตกใจ  นี่มันเรื่องอะไรกัน  ถ้าขนเม็ดทรายทองคำทั้งหมดนี้กลับไป  สามารถหล่อเป็นเหรียญทองได้จำนวนมากมายเพียงใดกัน?  สถานพำนักของคุนเผิงนี้มั่งคั่งมากเกินไปแล้ว!

        “ข้ามิได้ฝันไปหรอกกระมังพวกเราร่ำรวยแล้ว!”  เฉินอวิ๋นหู่ตบๆ หน้า  ดวงตาเปล่งประกายวาว

        “รีบลงไป  ทรายทองคำมากมายเพียงนี้  ไม่เอาก็น่าเสียดายแล้ว!”  ดวงตาของต้วนหลิวฉางก็มีดาวดวงน้อยๆ เต็มไปทั้งหมด

        จ้านอู๋มิ่งตบๆ ปาก  เขารู้สึกนอกเหนือความคาดหมายมาก  หาดทรายสีทองนี้มีทองคำมากมายเท่าไร  ทันใดนั้น  สีหน้าจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยนแล้ว  คำรามเสียงทุ้มว่า “มิถูกต้อง!”

        “ตูมมม!”  เรือเหาะโดนกระแทกอย่างรุนแรง  หลายคนบนเรือถูกสะบัดกระเด็นลอยออกไปพร้อมกัน

        “เป็นภาพมายา!”  จ้านอู๋มิ่งอุทานเบาๆ

        ที่นี่จะมีทรายทองคำมากมายขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด  เกาะแห่งนี้มิใช่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรก  หากเป็นทรายทองคำ  ไหนเลยจะเหลืออยู่ถึงตอนนี้?  ดังนั้นชายหาดนี้ถ้ามิใช่ของปลอมก็ต้องเป็นกับดัก

        “ชนเผ่าสมุทร!”  ตู้เยว่หมิงถูกโจมตีจนมีสติแจ่มใสกลับคืนมา  เมื่อครู่ทุกคนทั้งหมดในเรือล้วนถูกโจมตีด้วยวิชาสะกดจิตของฝ่ายตรงข้ามจนมองเห็นภาพลวงตา  หากมิใช่จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำ  ทำให้ทุกคนสะดุ้งจนได้สติกลับคืนมา  เกรงว่าเวลานี้ล้วนเสียชีวิตหมดสิ้นแล้ว

        จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำคำหนึ่ง  ร่างกายราวกับลูกธนูหลุดจากแล่ง ทะยานใส่อสุรกายร่างมนุษย์ที่กระโดดขึ้นมาบนเกาะ

        ชนเผ่าสมุทรถือได้ว่าเป็นราชวงศ์ของเมืองสิ้นโลก  คิดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งชนเผ่าสมุทรก็มาที่สถานพำนักของคุนเผิงแล้ว

        “เผ่ามนุษย์  ล้วนต้องตายหมดสิ้น!”  ชนเผ่าสมุทรที่เป็นหัวหน้า  เส้นผมสีน้ำเงินพลิ้วไหวเองโดยมิต้องพึ่งกระแสลม  กลุ่มสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์รอบตัวเขาถือคันศรรูปฟันแปลกๆ อยู่ในมือ  ยิงลูกศรกระดูกสีน้ำเงินออกมารอบหนึ่ง

        หากมิใช่จ้านอู๋มิ่งปลุกให้ตื่นได้ทันเวลา  ช่วยดึงตู้เยว่หมิงและพวกออกมาจากภาพมายา  เกรงว่าเพียงแค่หลังจากลูกศรระลอกนี้ผ่านไปแล้ว  พวกเขาทั้งหมดต้องหลั่งเลือดดับสูญแล้ว  ลูกศรกระดูกทุกอันเปล่งประกายแสงสีน้ำเงินจางๆ  เห็นได้ชัดว่าเป็นพิษรุนแรง  ขอเพียงสะกิดผิวเล็กน้อย  คาดว่าอย่างไรก็ต้องสาหัส

        “ชนเผ่าสมุทรที่สมควรตาย!”  ตู้เยว่หมิงด่าเสียงต่ำคำหนึ่ง

        สิ่งที่ทำให้พวกเขากระเด็นออกจากเรือเหาะเมื่อครู่ก็คืออาวุธสามง่ามขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง  มันก็คืออาวุธประจำตัวของหัวหน้าชนเผ่าสมุทร

        “ติง ติง ติง…”  ทุกคนรีบปัดลูกธนูกระดูกออก  ทะยานร่างหดกลับเข้าไปในเรือเหาะอีกครั้ง  เรือเหาะของพวกเขาคืออาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง  ถึงแม้พลังทะลุทะลวงของลูกศรกระดูกจะแข็งแกร่งยิ่งนัก  แต่ว่าเรือเหาะยังคงสามารถปกป้องร่างกายของทุกคนได้

        “ราชวงศ์ชนเผ่าสมุทร!”  ฉินเฮ่าหรานอุทานตกใจขึ้นคำหนึ่ง

        ตำนานเล่าขาน ชนเผ่าสมุทรมีร่างมนุษย์อยู่แล้ว  ฐานบ่มเพาะระดับราชันสงครามขึ้นไป สามารถแปลงร่างได้  สายเลือดของราชวงศ์มีเกียรติและสูงส่งอย่างยิ่ง  เส้นผมเป็นสีน้ำเงินดุจน้ำทะเลก็มิปาน  เชี่ยวชาญวิชาสะกดจิต สร้างภาพลวงตา  สามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นจากระยะไกล  เมื่อสักครู่ก็เพราะราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรสะกดจิตพวกเขาแล้วจนเกิดภาพลวงตา  สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ  ชนเผ่าสมุทรเปี่ยมพรสวรรค์ การโจมตีด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก  สามารถสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย

        “ตูมมม!”  ขณะที่ฉินเฮ่าหรานยังคงตกตะลึงอยู่  หมัดของจ้านอู๋มิ่งได้ชกกระหน่ำลงอย่างหนักหน่วงรุนแรงจนเกิดเสียงดังตูมลงบนสามง่ามเล่มนั้น  พลังโจมตีแสนหนักหน่วง ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินที่อยู่ตรงกลางกระจายออกรอบทิศทาง  ชนเผ่าสมุทรตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างถูกคลื่นพลังโหมกระหน่ำจนสะท้านสะเทือนกระเด็นออกไปอย่างกะทันหัน

        ร่างของจ้านอู๋มิ่งเด้งขึ้นคราหนึ่ง  ตีลังกาหลายรอบกลางอากาศ  ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินก็ถูกหมัดของจ้านอู๋มิ่งกระหน่ำจมลงไปในหาดทรายตรงๆ

        “ฆ่า!”  ตู้เยว่หมิงไม่คิดว่าจ้านอู๋มิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนี้  ภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวกลับกระหน่ำจนราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจมลงไปในหาดทรายเสียงดังตูม  พวกเขามองท่าทางอันตราย มิคำนึงถึงชีวิตของจ้านอู๋มิ่ง  ล้วนรู้สึกครั่นคร้ามอยู่บ้าง  คนผู้นี้เฉกเช่นผู้กล้าที่ยอมเสี่ยงชีวิตตรงๆ อย่างบ้าบิ่น มิพูดจาแม้แต่คำเดียว  พอจะออกตัวก็ลงมือต่อสู้เลยทันที

        “เผ่ามนุษย์  เจ้าทำให้ข้าโกรธแล้ว!”  ราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรตวาดเสียงต่ำคำหนึ่ง

        เสียงของเขาถูกขัดจังหวะลงอย่างรวดเร็ว  จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างดูแคลน “องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรตัวน้อยผู้หนึ่งกลับกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้

        ยามนี้จ้านอู๋มิ่งจึงได้รู้  ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่เมื่อครู่นี้  ชนเผ่าสมุทรเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการขับเคลื่อนสัตว์ทะเล  ความรู้สึกของการถูกจับตามอง  คงเป็นชนเผ่าสมุทรที่ขับฝูงปลาไปสอดแนมตนอย่างแน่นอน

        ร่างของจ้านอู๋มิ่งเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ  กระหน่ำลงอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง  เฉกเช่นอุกกาบาตที่ตกลงมาจากนอกโลกก็มิปาน  กระหน่ำใส่ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินอีกครั้ง

        จ้านอู๋มิ่งใช้พลังทั้งหมดของร่างกาย  กระหน่ำจากที่สูงลงมาอย่างรุนแรง  พลังการโจมตีของหมัดนี้หนักหน่วงและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม  องค์ชายจากราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรคิดไม่ถึงว่า  ในบรรดาเผ่ามนุษย์กลับมีคนที่กายเนื้อแข็งแกร่งถึงเพียงนี้  เมื่อครู่จ้านอู๋มิ่งจู่ๆ ก็จู่โจมอย่างกะทันหัน  พลังมหาศาลนั่นทำให้เขารู้สึกเสียเปรียบและคับข้องใจ  ชนเผ่าสมุทรเป็นที่รู้จักในด้านความแข็งแกร่งมาโดยตลอด  ทวนสามง่ามเป็นอาวุธที่มีน้ำหนักมาก  เมื่อครู่กลับถูกจ้านอู๋มิ่งชกจนแทบกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว  ตัวเขาเองถูกกระแทกจนเลือดลมพลุ่งพล่าน  สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก

        หรือว่าเผ่ามนุษย์แปรเปลี่ยนไปแล้ว มีพลังร้ายกาจมากเพียงนี้แล้ว ฝึกปรือร่างกายจนแข็งแกร่งยิ่งนัก  ดูแล้ว  ชนเผ่าสมุทรคงฝึกฝนอยู่แต่ในทะเลลึกมานานเกินไปแล้ว  มองฟ้าจากก้นบ่อจนล้าหลัง ถูกมนุษย์แซงหน้า มิอาจหวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ดังเก่าก่อนอีกต่อไป!

        ตำนานเล่าขาน เนิ่นนานมาแล้ว  ชนเผ่าสมุทรเคยบุกโจมตีแผ่นดินใหญ่อย่างอุกอาจ  ศึกสงครามครั้งนั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้ายิ่งนัก  สุดท้าย  ชนเผ่าสมุทรเนื่องจากไม่สันทัดการรบทัพจับศึก ทำสงครามทางบก  จึงพ่ายแพ้ถอยทัพกลับสู่น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก  เผ่ามนุษย์ก็สถาปนาเมืองวันสิ้นโลกในเวลานั้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน  อาศัยแคว้นเดียวปกครองกองกำลังมากกว่าสิบราชวงศ์  ปิดผนึกเส้นทางขึ้นฝั่งของชนเผ่าสมุทรมิให้ขึ้นฝั่งได้อีก  ถึงแม้ชนเผ่าสมุทรจะพ่ายแพ้แล้วในการศึกครั้งนั้น  แต่นั่นก็เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของชนเผ่าสมุทรเช่นกันภายหลังชนเผ่าสมุทรเห็นจุดอ่อนของตนเองชัดเจน  จึงไม่ขึ้นฝั่งเพื่อท้าทายยั่วยุอีกต่อไป  แต่ชนเผ่าสมุทรและเผ่ามนุษย์ก็ได้สร้างความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันแล้ว เพราะศึกสงครามในครั้งนั้น

        “ตูมมม!”  จ้านอู๋มิ่งกระหน่ำโจมตีใส่อาวุธขององค์ชายชนเผ่าสมุทรอย่างรุนแรงหนักหน่วงอีกครั้ง  ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน  ทวนสามง่ามเล่มนั้นกลับถูกจ้านอู๋มิ่งใช้หมัดเดียวทุบกระหน่ำจนกระเด็นออกไป  ท่ามกลางเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของบรรดาชนเผ่าสมุทร  จ้านอู๋มิ่งกับชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินเกิดปะทะกันขึ้นมา

        “อ๊าาา…”  องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรร้องเสียงแหลมเล็กออกมา  เสียงนั้นดูเหมือนจะทะลุทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งมวล  ระเบิดเสียงแทรกเข้าไปในห้วงคำนึงของทุกคนโดยตรงทันที

        ทุกคนรู้สึกใจสั่นระรัวขึ้นวูบหนึ่ง  รู้สึกสองตาดำมืด  ตู้เยว่หมิงฝืนเร่งเร้าพลังจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นคราหนึ่ง  พลันส่งเสียงคำรามลั่นออกมาคำหนึ่ง  รบกวนเสียงที่ดูเหมือนจะดังก้องอยู่ทุกหนทุกในอากาศอย่างเต็มฝืน

        “พึ่บ!”  จ้านอู๋มิ่งกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

        เสียงกรีดร้องของชนเผ่าสมุทรเหมือนค้อนขนาดใหญ่กระหน่ำลงบนจิตวิญญาณของเขา  อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก

        เสียงกรีดร้องมรณะ เป็นพรสวรรค์เหนือธรรมชาติของชนเผ่าสมุทร

        เสียงคำรามอันรุนแรงของตู้เยว่หมิง ทำให้จิตใจของหลายคนแจ่มใสขึ้นมาทันที  เวลานี้พวกเขาจึงได้เห็น  จ้านอู๋มิ่งได้กระแทกเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินล้มลงกับพื้น  ชนเผ่าสมุทรที่เหลือก็ถูกวิธีการต่อสู้แบบมิคำนึงถึงชีวิตชนิดนี้ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้ตกใจจนตะลึงไปแล้ว  ไม่ทราบว่าควรจะโจมตีตู้เยว่หมิงและคนอื่นๆ ต่อ  หรือว่าสมควรไปดึงตัวองค์ชายและจ้านอู๋มิ่งออกจากกัน

        ตอนที่จ้านอู๋มิ่งและองค์ชายของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรแยกออกจากกัน  มือคว้าเส้นผมสีน้ำเงิน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป  จ้านอู๋มิ่งลงมืออย่างกะทันหัน  จนถึงม้วนตัวตีลังกากลางอากาศเพื่อโจมตีครั้งที่สอง  กระหน่ำจนองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรล้มลง  ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา  ตู้เยว่หมิงและคนอื่นๆ ยังมิทันได้กระโดดลงจากเรือเหาะ จ้านอู๋มิ่งก็เด็ดศีรษะที่มีผมสีน้ำเงินออกมาแล้ว

        ถึงแม้องค์ชายของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจะมีพรสวรรค์ด้านวิชาสะกดจิตและสร้างภาพมายา รวมทั้งเสียงกรีดร้องมรณะแสนร้ายกาจ  แต่เขาประเมินบรรดาเผ่ามนุษย์หลายคนตรงหน้านี้ต่ำไป  จ้านอู๋มิ่งพอขึ้นมาก็ใช้พลังดุจขุนเขามหาบรรพตกดทับ  กระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง  ไม่เหลือโอกาสใดๆ ให้เขาใช้ความสามารถและพรสวรรค์  จะมีก็เพียงครั้งเดียวที่ใช้เสียงกรีดร้องมรณะและก็ยังเป็นชั่วขณะที่จ้านอู๋มิ่งทำให้เขาล้มลง  แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว  ระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่ใกล้เกินไป  แม้ว่าจ้านอู๋มิ่งจะได้รับบาดเจ็บจากเสียงกรีดร้องมรณะของตน แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานร่างกายที่ทรงพลังและอันตรายของจ้านอู๋มิ่งได้  ดังนั้นองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจึงกลายเป็นวิญญาณเฝ้าสมุทรอย่างคับแค้นเศร้าใจยิ่งนัก

        จ้านอู๋มิ่งนำศีรษะขององค์ชายของชนเผ่าสมุทรใส่เข้าในแหวนจักรวาลอย่างไร้ความเกรงใจ  เวลานี้ทุกคนจึงได้สังเกตเห็นว่าองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรกลับมีฐานบ่มเพาะราชันสงครามสองดาว  ส่วนก่อนหน้าฐานบ่มเพาะถูกสถานพำนักคุนเผิงสะกดข่มเหลือระดับใด  คนตกตายไป  จึงมิอาจทราบแล้ว

        “ฆ่า!”  การตายขององค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทร ทำให้ชนเผ่าสมุทรสั่นสะท้านแล้ว  ตู้เยว่หมิงและคนอื่นๆ ไม่ลังเลอีกต่อไป  เปิดถุงสัตว์จิตวิญญาณเรียกสัตว์ร้ายคู่หูออกมา  เก้าคนและสัตว์ร้ายเก้าตัวพุ่งเข้าใส่ชนเผ่าสมุทรกลุ่มนี้ ซึ่งฐานบ่มเพาะมากที่สุดก็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดเท่านั้นทันที  คนเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรบุคคลชั้นสูงของสำนักทั้งสิ้น  ไม่มีชนเผ่าสมุทรแม้แต่คนเดียวสามารถหยุดพวกเขาได้  ชนเผ่าสมุทรหลายสิบตนถูกฆ่าตายหมดสิ้นในพริบตาเดียว

        จ้านอู๋มิ่งหยิบถุงเก็บของและทวนสามง่ามขององค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรลงในกระเป๋าจักรวาลของตน  สำหรับชนเผ่าสมุทรระดับปรมาจารย์นักยุทธ์เหล่านั้น  จ้านอู๋มิ่งไม่แยแส

        “เสียงกรีดร้องของคนผู้นี้รุนแรงเกินไปแล้ว”  จ้านอู๋มิ่งส่ายหน้า  ยังรู้สึกมึนศีรษะอยู่ส่วนหนึ่ง

        จ้านอู๋มิ่งเคยทำความเข้าใจอย่างละเอียดต่อชนเผ่าสมุทร  พรสวรรค์และพลังเหนือธรรมชาติของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรแทบจะไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน  การโจมตีด้วยเสียงของพวกเขาทะลุทะลวงได้ทุกแห่งหน  ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยและไร้วิธียับยั้ง  ดังนั้น  เมื่อจ้านอู๋มิ่งพบว่าในหมู่ชนเผ่าสมุทรกลับมีเชื้อราชวงศ์อยู่ด้วย จึงรีบเร่งจู่โจมด้วยพลังสุดกำลังโดยมิต้องพิจารณา รวดเร็วปานสายฟ้าฟาดต่อองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรทันที  จัดการสังหารก่อนที่จะใช้พลังเหนือธรรมชาติ มิฉะนั้น เพียงแค่อาศัยเสียงกรีดร้องมรณะก็เป็นการสังหารหมู่ที่ไร้เทียมทาน  ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตสมาธิของทุกคน  ต่อให้เป็นเพียงชั่วขณะ  ชนเผ่าสมุทรตนอื่นๆ ก็สามารถสังหารศิษย์พี่หลายคนเสียชีวิตแล้ว

        การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งบรรลุผลสำเร็จตามความคาดหมาย  องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรยังมิทันมีเวลาได้เปล่งเสียงกรีดร้องมรณะอย่างสมบูรณ์  ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อนด้วยการจู่โจมของจ้านอู๋มิ่ง  จึงมิทันได้สร้างปัญหายุ่งยากใหญ่โตให้กับตู้เยว่หมิงและคนอื่นๆ

Author Glory Forever