มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 56 พลังเวทย์ปรากฏ

 

        แดนเร้นลับแห่งซวนโยวอาจใกล้เปิดขึ้นแล้ว ถึงยามนั้นเมืองหลินโจวจะเกิดจลาจลวุ่นวายคราใหญ่เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตางดงามของหญิงสาวพลันจ้องมองหลินโม่อย่างลึกซึ้ง เจ้าควรรักษาระยะห่างกับหนานหมิงอู่สักหน่อยเป็นการดีที่สุด นี่จะเป็นเรื่องดีต่อตัวเจ้า

        ทำไมกัน?” หลินโม่ถามกลับในพลัน

        นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งไม่รู้กันแน่? เจ้ากับนางสนิทกันถึงเพียงนี้ หรือว่านางยังไม่ได้บอกเจ้าอีกหรือ?” ชื่อหงเหลียนมองชายหนุ่มอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าว่าหลินโม่ไม่เข้าใจความหมายจริงๆ จึงชี้แจงในที่สุด เจ้าคงรู้จักมณฑลซางไห่สินะ?”

        แน่นอนว่ารู้จัก ก็เมืองหลินโจวอยู่ใต้การปกครองของมณฑลซางไห่อย่างไรล่ะ ว่ากันว่าพื้นที่ของมณฑลซางไห่เท่ากับห้าเท่าของเมืองหลินโจว ความเจริญรุ่งเรืองก็มากกว่าเมืองหลินโจวไปไกลมากแล้วด้วยหลินโม่ตอบ

        หนานหมิงอู่มาจากมณฑลซางไห่ ความเป็นมาอย่างไรแน่แท้ของนางข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่สามารถรู้จักกับตระกูลขุนนางเชียนเย่ได้นั้น ฐานะของหนานหมิงอู่ย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่

        ชื่อหงเหลียนเอ่ยต่อ ครานี้เชียนเย่ฮุยพาผู้คุ้มกันเกราะทองแดงหกคนติดตามมาด้วย ทั้งยังพาตัวท่านอาวุโสเฟิงไป หมายจะหาสมบัติของแดนเร้นลับแห่งซวนโยวที่เปิดขึ้นให้จนได้ ยามนี้ตระกูลเลี่ยวเป็นผู้นำของเหล่าตระกูลขุนนางบางส่วน อีกทั้งคนของสาขาลัวซาและสาขาซานเจว๋บางส่วนต่างเข้าร่วมกับขบวนทัพของเชียนเย่ฮุยแล้ว พูดได้อีกอย่างคือโอกาสที่เชียนเย่ฮุยจะชิงสมบัติไปได้นั้นสูงมาก

        เชียนเย่ฮุยมากฝีมือถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? แม้แต่ตระกูลเลี่ยวยังถูกรวมมาเป็นพวก…หลินโม่ถามด้วยความแปลกใจเกินคาด

        ไม่ใช่ความสามารถของเชียนเย่ฮุย แต่เพราะอิทธิพลของตระกูลขุนนางเชียนเย่แห่งมณฑลซางไห่นั้นมากเกินไป ตระกูลขุนนางเชียนเย่เป็นตระกูลหลวงเก่าแก่พันปี ทั้งยังดำเนินกิจการในมณฑลซางไห่มาหลายปี จึงมีพื้นเพที่คนทั่วไปยากจะจินตนาการถึง

        เมื่อชื่อหงเหลียนเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาคู่งามจ้องชายหนุ่มอย่างสงสัย คราก่อนข้าได้ยินหนานหมิงอู่พูดเองว่า เจ้าเข้าใจศาสตร์วิชาเวทย์โบราณแขนงหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”

        ก็พอเข้าใจงูๆ ปลาๆ”  หลินโม่พยักหน้าพร้อมคำตอบ

        ยากที่จะเห็นเจ้าถ่อมตัวสักคราเหลือเกินดวงตางามของหญิงสาวมองค้อนหลินโม่

        หรือว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ถ่อมตัวมากๆ เลยอย่างนั้นหรือ?” หลินโม่จับจมูกด้วยความประหม่า

        เกินคำว่าไม่ถ่อมตัว กลายเป็นยโสโอหังบ้าระห่ำสุดๆ ไปแล้วล่ะ

        ชื่อหงเหลียนเอ่ยถึงตรงนี้อย่างราบเรียบ  น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นหลินโม่ แม้เจ้าจะเข้าใจเรื่องศาสตร์วิชาเวทย์โบราณนิดหน่อย แต่ข้าก็ยังอยากจะแนะนำให้เจ้าอย่าเข้าหาอันตรายกับหนานหมิงอู่ แดนเร้นลับแห่งซวนโยวที่เปิดขึ้น เป็นไปได้สูงมากว่าที่เทือกเขาซวนโยวจะมีคลื่นขบวนอสูรปรากฏขึ้นอีกครา แล้วไหนจะมีเหล่าผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าไป ที่นั่นไม่ใช่สำนักเทียนซิงเสียหน่อย หากประมาทแม้เพียงนิดก็สูญเสียชีวิตไปได้ทุกเมื่อเช่นกัน

        ท่านเป็นห่วงข้า?” หลินโม่ยิ้มเอ่ย

        ใครเป็นห่วงเจ้ากัน

        ชื่อหงเหลียนมิอาจคุมสีหน้าให้กลับเป็นดังเดิมได้ ดวงหน้างามพลันขึ้นสีซับเลือด หลังจากถลึงตามองชายหนุ่มตรงหน้าจึงเอ่ยต่อ ยามนี้เจ้าเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสาขาเทียนซิง หากเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่ว่าสาขาเทียนซิงอาจกลายเป็นสาขาขยะร้างหมดสิ้นไปได้จริงๆ

        วางใจเถิด ข้าไม่เอาชีวิตของตัวเองมาเป็นเรื่องตลกหรอก ถ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้าขอตัวไปก่อนล่ะหลินโม่โบกมือ ไม่คอยให้ชื่อหงเหลียนได้อ้าปากพูดต่อก็พาเหลิงอู่เหยียนนำหน้าไปแล้ว

        ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ…ไอ้เจ้าหมอนี่…ชื่อหงเหลียนกระทืบเท้าอย่างโมโห

        ที่นางพูดนั้นไม่ผิดเลย การเปิดแดนเร้นลับแห่งซวนโยวย่อมดึงดูดเหล่าผู้แข็งแกร่งมากมาย เบื้องหลังของหนานหมิงอู่เองก็ยังไม่รู้แน่ชัด ชายที่ชื่อหลงโป๋เมื่อครู่นี้ก็มีพลังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หากเจ้าเดินทางเข้าส่วนลึกของเทือกเขาซวนโยกับพวกเขาล่ะก็ มิอาจรับประกันว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้นะสหายหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นกังวล

        ยากที่จะเห็นเจ้ายอมเปิดปากนะเนี่ย

        หลินโม่หัวเราะแล้วหุบยิ้มลงพลันเอ่ยเสียงจริงจัง ที่เจ้าพูดมาข้าเองก็รู้ หากข้ามีทรัพยากรในการฝึกอย่างเพียงพอล่ะก็ ข้าก็คงไม่วิ่งเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับความลับแห่งซวนโยวอะไรนั่นหรอก

        นิสัยแต่เดิมของหลินโม่นั้นไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขัน ก็เหมือนคราแรกที่ถูกส่งเข้าสาขาเทียนซิง เพราะนิสัยเป็นเหตุเขาจึงไม่ได้แก่งแย่งอันใดมา

        ทว่าหลังจากประสบกับสาขาลัวซาและเรื่องการยึดครองสี่สาขาแล้ว หลินโม่จึงตระหนักได้ว่า แม้ตนไม่คิดจะไปแย่งชิง แต่ก็ตกอยู่ในความขัดแย้งโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่ดี

        หลังจากพบกับเชียนเย่ฮุยและคนอื่นๆ หลินโม่จึงเข้าใจว่าพลังของตนนั้นยังห่างไกลกับคำว่าเพียงพอ เชียนเย่ฮุยอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆ ก็บำเพ็ญไปถึงระดับสร้างฐานรากได้แล้ว อีกทั้งยังมีหนานหมิงอู่ผู้ลึกลับ ที่กระทั่งบัดนี้หลินโม่ก็ยังเห็นพลังที่แท้จริงของนางได้ไม่ชัดเจน ทั้งในร่างยังมีเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์พลังวิญญาณหายากถึงสองชิ้นอีกด้วย

        ท่ามกลางเหล่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับมีบุคคลดั่งเช่นสองคนนี้โผล่ออกมา อีกทั้งยังต่างมาจากมณฑลซางไห่อีกด้วย ทำให้เห็นได้ว่าคุณสมบัติของหนุ่มสาวรุ่นเยาว์ของมณฑลซางไห่นั้นก้าวล้ำเหนือกว่าเมืองหลินโจวไปมาก

        ทรัพยากรการฝึกของสาขาเทียนซิงไม่มีทางเติมเต็มความต้องการของหลินโม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่เพียงเขาคนเดียว แม้แต่เหลิงอู่เหยียนที่หลังจากสายโลหิตพิเศษตื่นขึ้น การบำเพ็ญของเขาก็บรรลุไปถึงระดับหลอมปราณขั้นกลางแล้วเช่นกัน พลังแห่งฟ้าดินที่ต้องใช้ทั้งหมดก็มากขึ้นตามไปด้วย

        สำคัญที่สุดคือ ตระกูลเลี่ยวได้เริ่มหาโอกาสในการแก้แค้นหลินโม่แล้ว

        ตระกูลหลินก็มิอาจเข้าไปพึ่งพาอาศัยได้แล้ว หลินโม่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมของตระกูลหลิน ไม่ได้เป็นสายเลือดโดยตรง และแม้จะเป็นสายเลือดโดยตรง อย่างไรตระกูลหลินก็ไม่มีทางปกป้องเขาเอาไว้ได้อย่างแน่นอน

        ดังนั้น ยามนี้หลินโม่ทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง เขาจำต้องคว้าทรัพยากรที่ได้รับทุกอย่างไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือสิ่งอื่นใด เขาต้องนำสิ่งเหล่านี้มาแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังของตนให้ได้

        มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งมากพอเท่านั้น จึงจะมั่นใจในความปลอดภัยของตนได้

        เหลิงอู่เหยียนไม่เอ่ยอะไรต่อ เขาเข้าใจความคิดของหลินโม่ เพราะเขาเป็นเด็กกำพร้า ไร้ซึ่งที่พึ่งพิง ย่อมรู้ชัดถึงความรู้สึกไร้ที่พึ่งนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าหลินโม่จะตัดสินใจเลือกอย่างไร เขาก็จะคอยสนับสนุนข้างหลังหลินโม่อยู่เสมอ

        ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลอะไร สมบัติปรากฏขึ้นบนโลกไม่ว่าใครก็ยากจะห้ามใจไหว ยิ่งกว่านั้นยังไปพร้อมกับพวกหนานหมิงอู่ ว่าตามตรงที่จริงข้าไม่ได้อยากเข้าส่วนลึกของเทือกเขาซวนโยวกับพวกเขาเช่นกัน แต่พลังของพวกเราอ่อนแอเกินไป หากไม่มีคนอย่างหลงโป๋ ก็ไม่แน่ว่าแม้แต่ชายขอบของเทือกเขาซวนโยวก็มิอาจเดินไปถึงสิ้นเสียง มือแกร่งของหลินโม่ตบลงบนบ่าของเหลิงอู่เหยียนแล้วหันกายเข้าไปยังลานบ้าน

        หลังจากกลับถึงที่พักแล้ว หลินโม่จึงหยิบเม็ดผลึกเวทย์ออกมาแล้วกระตุ้นพลังเจินหยวนขึ้น

        แกร็ก…

        มายาภาพขุนเขาและธาราในเม็ดผลึกเวทย์ค่อยๆ สั่นไหว ตัวภูเขาปรากฏรอยแตกเล็กๆ ลึกละเอียด พลังเวทย์ที่แฝงภายในปรากฏแก่สายตาทันที  พลังเหล่านี้ประสานตัวกลายเป็นลายเวทย์โบราณอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมากมาย เป็นเพราะลายเวทย์โบราณที่สอดประสานซ้อนทับกันนี้ ทำให้เกิดมายาภาพของขุนเขา พลังเวทย์เข้มข้นพวยพุ่งออกจากตัวขุนเขา ซึ่งอาจหลุดออกจากเม็ดผลึกเวทย์ไปได้ทุกเมื่อ

        สีหน้าของหลินโม่เคร่งขรึมขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ทรงพลัง เจินหยวนที่หลั่งไหลเข้าไปจึงต้องใช้ความระวังสูง แม้เม็ดผลึกเวทย์จะขนาดเท่าแค่ฝ่ามือ ทว่าพลังเวทย์ที่กักเก็บด้านในนั้นกลับรุนแรงมหาศาล หากไม่ระวังเผลอกระตุ้นพลังเวทย์ในนั้นขึ้น ลานบ้านเกินครึ่งก็ถูกทำลายลงได้ในพริบตา

        ชายหนุ่มกระตุ้นทีละน้อย ใช้เวลาไปราวๆ สามชั่วยามได้ ในที่สุดหลินโม่จึงดึงพลังเวทย์ในส่วนขุนเขาแสดงออกมาได้ทั้งหมด หลังจากมองทัศนีย์ภาพที่เหลือในนั้นคร่าวๆ หลินโม่จึงเก็บพลังเจินหยวนกลับ

        อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ถึงจะนำพลังเวทย์ทั้งหมดในเม็ดผลึกเวทย์ให้ปรากฏได้…หลินโม่คาดการณ์เอาไว้

        พลังเวทย์ของเม็ดผลึกเวทย์ปรากฏขึ้น ทำให้หลินโม่นึกถึงความคิดก่อนหน้านี้ในทันใด พลังเวทย์ในเม็ดผลึกเวทย์นี้แข็งแกร่งเกินต้าน หากมันปรากฏออกมาทั้งหมดล่ะก็ อานุภาพของมันก็มากพอที่จะทำลายล้างทุกสิ่งในรัศมีสิบจั้งทันที

        ทว่าการจะทำให้พลังเวทย์ปรากฏออกมาได้ จำต้องเชี่ยวชาญศาสตร์วิชาเวทย์โบราณในระดับสูงและลึกซึ้ง อีกทั้งต้องควบคุมเม็ดผลึกเวทย์ทั้งหมดให้ได้ และต้องมั่นใจเพียงพอจึงจะกล้าทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทุกอย่างจะถูกพลังเวทย์ทำลายสิ้นจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

Author Glory Forever