มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 ตอนที่ 84 การต่อสู้ของหลี่เหว่ย

        ณ สนามประลอง 

        บัดนี้ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

        ผู้ฝึกตนบนยอดเข้าทั้งสี่ด้าน ต่างส่งเสียงฮือฮาอย่างตกตะลึง กับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

        ฟึ่บๆ!

        “อาชญากร? พวกที่สวมหน้ากากคือเหล่านักโทษอย่างนั้นหรือ? กลุ่มทุรชนที่มาจากหุบเขาคนโฉด?”

        “คนร้ายที่หนีออกมา? พวกเขามาที่นี่เพื่อแก้แค้นอย่างนั้นหรือ?”

        “ช่างเป็นกลุ่มทรชนที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ พลังการต่อสู้ของพวกเขามากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

        ตอนที่ชมการประลอง ก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้อำมหิตเพียงใด แต่เพราะมันคือการแสดง ที่พวกเขาเป็นคนดู จึงมิได้คิดอะไร

        ไม่ว่าปีศาจกลุ่มนี้จะดุร้ายมากขนาดไหน อย่างไรก็อยู่แค่ในกรงขัง ไม่อาจทำอันตรายพวกเขาได้ จึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

        แต่ตอนนี้ อสูรทั้งหมดได้หลุดออกมาแล้ว

        พลังการต่อสู้ที่มิได้ถูกจำกัดเอาไว้แค่ในสนามประลอง จะน่ากลัวเพียงใด?

        ด้วยระดับการฝึกปรือที่ฟื้นคืนมา และที่สำคัญคือคนกลุ่มนี้ ช่างโหดร้ายและไร้ความปรานีอย่างหาที่เปรียบมิได้

        ฉีกกระชาก? พวกเขาทึ้งร่างของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย และที่เหี้ยมเกรียมยิ่งกว่านั้น ก็คือ การใช้ฟันกัดฉีกเนื้อศัตรูออกเป็นชิ้นๆ และกลืนกินมันลงไป ราวกับอาหารอันโอชะ

        ผู้ฝึกตนทั้งหลาย เมื่อเห็นแบบนั้นต่างก็รู้สึกขนลุกชัน

        อาชญากรกลุ่มนี้น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว

        เดิมที เหล่าผู้ฝึกตนที่เห็นเหตุการณ์นองเลือด ก็หมายใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่เมื่อได้เห็นความเหี้ยมโหดของกลุ่มนักโทษ ที่กระทำกับคนของพรรคต้าเฟิง ก็ทำได้เพียงเบือนหน้าหนีเท่านั้น

        “อาชญากร? บ้าจริง! ช่างเป็นกลุ่มคนที่ชั่วร้ายยิ่งนัก” กลุ่มนักพนันต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ

        พริบตา กลุ่มศิษย์ของพรรคต้าเฟิงก็ถูกทำลายไปเกือบหมด แม้จะมีผู้เหลือรอด แต่ก็ถูกจับกุมเอาไว้ ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี

        ช่วงเวลาสั้นๆ ของการต่อสู้ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่ได้แต่ยืนดู รู้สึกหนาวเยือก

        “ดูสิ!… หัวหน้าหลี่เหาะไปแล้ว”

        “ท่านหัวหน้าหลี่อยู่ในระดับหยวนอิง แต่กลุ่มคนชั่วร้ายเหล่านี้ กลับมีพลังเพียงแค่ระดับก่อสวรรค์ และแก่นทองคำเท่านั้น!”

        “กลุ่มนักโทษเคยประมือกับท่านหัวหน้าหลี่มาก่อนหรือไม่?”

        “ระดับพลังหยวนอิง? ช่างมีกลิ่นอายอันทรงพลังยิ่ง!”

        ผู้ฝึกตนทั้งหลาย ต่างจับจ้องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองด้วยความใคร่รู้ การต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปได้สิ้นสุดลงแล้ว

        ในตอนนี้ กลุ่มอาชญากรราวสองพันกว่าคน และผู้นำอย่างกู่ไห่ กำลังเผชิญหน้ากับหัวหน้าพรรคต้าเฟิงอย่าง หลี่เหว่ย แทน

        เมื่อกู่ไห่เดินออกมา สี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพก็สาวเท้าตามมาติดๆ อาชญากรทุกคนในตอนนี้ ต่างแสดงท่าทีก้าวร้าว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังระดับหยวนอิง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจต้านทานได้ แต่พวกเขาก็หาได้เกรงกลัวไม่!

        ภายใต้พลังระดับหยวนอิงของหลี่เหว่ยนั้น เปรียบประดุจพายุลูกใหญ่ ที่หมายจะกวาดล้างนักโทษเหล่านี้ให้หายไป

        “หนีออกมาได้อย่างนั้นหรือ? ทั้งยังมาทำร้ายศิษย์พรรคต้าเฟิงของข้า? พวกเจ้ามีเพียงนักสู้ระดับแก่นทองคำและก่อสวรรค์เท่านั้น ช่างเป็นกลุ่มหนูที่แสนอ่อนแอจริงๆ!” หลี่เหว่ยกล่าว พลางถลึงตาใส่

        กู่ไห่โบกมือให้สัญญาณ

        “ขอรับ!”

        พึ่บๆๆๆ!

        ซ่างกวนเหิน ฮวางบู เฉินเทียนซาน และเกาเซียนจือ วางมือไว้บนหลังของกู่ไห่อย่างรวดเร็ว

        ตูมๆ!

        เมื่อเห็นเช่นนั้น กลุ่มคนใต้อาณัตินำโดยไป่จั่ง ก็วางมือของตนลงบนหลังของสี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรียงต่อๆ กันไป

        โดยมีกู่ไห่ยืนในตำแหน่งแรก สี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และคนอื่นๆ ก็ยืนซ้อนกันเป็นแถวหน้ากระดาน โดยจำนวนคนของแต่ละแถว จะมากขึ้นสี่เท่า จนแปรขบวนออกมาเป็นรูปร่างคล้ายพัด มีทั้งหมดเจ็ดชั้น ฝ่ามือของทุกคนวางลงบนหลังของคนข้างหน้า ต่อกันไปเรื่อยๆ หากต้องสู้กับพลังระดับหยวนอิงเช่นนี้ พวกเขาก็หาได้ครั่นคร้ามไม่

        “เริ่มได้!” กู่ไห่ตะโกนสั่งเสียงดัง

        “ย๊าก!”

        กลุ่มนักโทษในแถวที่เจ็ดคำรามลั่น ทันใดนั้นเอง ก็ได้ปรากฏพลังชี่แท้ขึ้นในมือ พุ่งตรงไปยังแผ่นหลังของคนที่อยู่แถวที่หก

        “ย๊าก!”

        คนที่อยู่ในแถวที่หกก็ตะเบ็งเสียงขึ้น พร้อมปล่อยพลังชี่แท้ของตน ให้ไหลเข้าสู่ร่างของคนที่อยู่ในแถวที่ห้า

        ตูมๆๆ!  

        พลังชี่แท้ได้ถูกส่งต่อไปยังแถวด้านหน้าตน แถวที่สี่ สาม สอง…

        เมื่อพลังถูกส่งผ่านมาถึงแถวที่สอง อันได้แก่ เกาเซียนจือ เฉินเทียนซาน ฮวางบู และซ่างกวนเหิน ซึ่งในคนทั้งสี่นี้ นอกจากซ่างกวนเหินแล้ว ใบหน้าของทุกคนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

        พลังชี่แท้ที่คนด้านหลังได้ถ่ายทอดส่งมานั้น มีจำนวนมากมายเกินไป หากว่าพลังชี่แท้ของแต่ละคนคือสายธารขนาดเล็ก พลังชี่แท้ที่ถูกส่งต่อๆ กันมานั้น ก็เปรียบได้กับแม่น้ำใหญ่ที่กำลังทะลักล้น

        พลังชี่แท้ที่เปรียบดั่งธาราสายใหญ่ หากอยู่ในร่างนานกว่านี้ พวกเขาต้องระเบิดเป็นจุณแน่

        “พรวด!”

        เกาเซียนจือที่มีระดับพลังอ่อนแอที่สุด กระอักเลือดเล็กน้อย พลังชี่ที่ส่งมานั้น มากเกินกว่าที่ร่างกายของเขาจะรับไหว…

        … นี่แค่เป็นทางผ่านในการส่งพลังชี่ ไปยังกู่ไห่เท่านั้น

        พลังชี่แท้ที่เป็นดั่งแม่น้ำใหญ่สี่สายนี้ ได้ถูกถ่ายทอดไปยังกู่ไห่ ด้วยพลังอันมหาศาลนี้ สี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพจึงอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้… นายท่านจะทนรับพลังเหล่านี้ได้หรือไม่?

        หากมิใช่เพราะกู่ไห่ได้อธิบายเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็คงไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้แน่

        เพราะสี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างรู้ตัวเองดี ว่าหากเป็นเขาที่ต้องรับพลังเหล่านั้นเอาไว้ ร่างต้องระเบิดแหลกเหลวแน่

        “นายท่าน ไหวหรือไม่?” เกาเซียนจือร้องถาม ด้วยความกังวล

        กลุ่มอาชญากรเริ่มการเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ทำให้ท่าทีของหลี่เหว่ยค่อยๆ เปลี่ยนไป

        เขาอยู่ในระดับหยวนอิง จึงมีพลังมหาศาล ตอนนี้ร่างกายและพลังของเขา เสมือนดั่งพายุงวงช้าง ที่สามารถกวาดล้างกลุ่มนักโทษสองพันกว่าคน ให้หายไปได้ในพริบตา 

        ทว่าบัดนี้ กลับมีบางอย่างที่ผิดแปลกไป เมื่อพลังชี่ของอาชญากรทุกคน กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกู่ไห่เสียแล้ว

        ตูม!

        กู่ไห่ระเบิดพลังอันน่าหวาดผวาออกมา ก่อนจะทะยานร่างเข้าปะทะกับหลี่เหว่ยทันที

        ตูม!

        พลังชี่ของทั้งสองฝ่าย ปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แรงสั่นสะเทือนจากการต่อสู้ ทำให้หินที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เริ่มปริแตกกระจัดกระจาย

        ตอนนี้ระดับพลังของกู่ไห่นั้น ดูจะไม่ด้อยไปกว่าพลังระดับหยวนอิงของหลี่เหว่ยเลย

        “หืม?” สีหน้าของหลี่เหว่ยแปรเปลี่ยนไป ดวงตาฉายประกายวาวโรจน์

        “นี่มันอะไรกัน?”

        “รวบรวมพลังชี่แท้ของกลุ่มอาชญากรสองพันกว่าคน เข้ามาในร่างของคนคนเดียว?”

        “เป็นไปไม่ได้ พลังมหาศาลเช่นนี้ ต่อให้อยู่ในระดับหยวนอิง ก็ไม่อาจทนได้ ร่างต้องระเบิดไปนานแล้ว”

        “เขาควรจะระเบิดไปแล้วมิใช่หรือ? ร่างกายของคนผู้นี้… เป็นอย่างไรกันแน่? เหลือเชื่อจริงๆ ”

        เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วสารทิศ ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่คอยเฝ้าดู ต่างเบิกตาโพลง อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง รวมพลังทั้งหมดมาไว้ที่คนคนเดียวนั้นไม่ยาก ทว่า ไม่เคยมีใคร สามารถรับพลังมหาศาลขนาดนี้เข้าสู่ร่างกายได้

        อาจจะมีบางคนที่ทนต่อพลังมหาศาลเช่นนี้ได้ แต่ก็จะเกิดผลเสียอื่นๆ แทน เช่น ส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นของร่างกาย เป็นต้น

        นักโทษเหล่านี้ หาใช่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำ และก่อสวรรค์เท่านั้นหรอกหรือ? พวกเขาสามารถรวบรวมพลังมหาศาลเช่นนั้นได้อย่างไร?

        “หมายเลขหนึ่ง? ใช่แล้ว ข้าจำได้แล้ว เขาผู้นั้นคือหนึ่งในนักสู้ผู้ชนะการประลอง อาชญากรอันดับหนึ่ง ผู้ฝึกตนระดับก่อสวรรค์!” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

        “ก่อสวรรค์? เป็นไปไม่ได้ หากเขาอยู่ในระดับก่อสวรรค์จริง ร่างต้องระเบิดไปแล้ว มิใช่หรือ?”

        “ใช่แล้วๆ! เป็นเขานั่นเอง ที่ทำให้ข้าต้องสูญเงินไป ข้าไม่มีวันลืมหรอก”

        “พลังระดับก่อสวรรค์? อาชญากรอันดับหนึ่ง?”

        พลังชี่แท้ที่วิ่งพล่านในกายค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นมังกรสีม่วง ตามพลังชี่แท้ที่อยู่ในร่างของกู่ไห่

        “โฮก!”

        มังกรชี่คำรามสนั่น ก่อนจะพุ่งปะทะกับเต่าชี่ตรงหน้า พลังที่ก่อตัวเป็นพายุโหมกระหน่ำของหลี่เหว่ยนั้น ไม่อาจทำอะไรได้เลย

        “ตอนนี้ เจ้าหมดพลังแล้วหรือ?” กู่ไห่เอ่ย น้ำเสียงเย็นชา

        สีหน้าของหลี่เหว่ยพลันเปลี่ยนไป มองกู่ไห่อย่างพิศวงในพลัง และความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่เพียงชั่วครู่ ก็กลับมามีใบหน้าเปื้อนยิ้มเย็นเช่นเดิม “หนูไม่อาจเอาชนะมนุษย์ได้ แม้พวกเจ้าจะรวมตัวกันมากขนาดไหน ก็ไร้ประโยชน์!”

        พูดพลาง หลี่เหว่ยก็ยื่นมือออกไป ฟาดฟันดาบยาวใส่กู่ไห่

        เมื่อดาบถูกฟันออกไป ก็ปรากฏเป็นกระบี่ชี่หลายสิบเล่ม พุ่งออกมาเป็นแนวคลื่นขนาดใหญ่ ตรงไปยังร่างของกู่ไห่ เสียงระเบิดดังก้องฟ้า

        กู่ไห่ยกยิ้มมุมปาก พลางชกหมัดไปยังฝนกระบี่ชี่

        ตูม!

        ทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยหมัดออกไป หมัดพลังชี่สีม่วงขนาดสามจั้งก็ก่อตัวขึ้นกลางเวหา เข้าปะทะกับปราณกระบี่ของหลี่เหว่ย

        ตูม!

        พลังทั้งสองกระทบกันอย่างรุนแรง จนสั่นสะเทือนไปทั่ว พื้นดินด้านล่างสั่นไหว ทั้งหมัดพลังชี่และปราณกระบี่ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หลังพุ่งเข้าชนกัน

        “ฮึ่ม! คิดว่าแค่รวบรวมพลังเช่นนี้ ก็จะเพียงพออย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เจ้าไม่อาจขยับตัวได้แล้ว จึงไม่ต่างอะไรกับหนูโสโครก ที่กำลังรนหาที่ตาย!” หลี่เหว่ยกล่าวเสียงเย็น ก่อนจะละความสนใจจากกู่ไห่ มุ่งตรงไปตัดกำลังพลของเหล่าอาชญากรที่อยู่ด้านหลัง

        เป็นไปตามที่เขาคาดเดาไว้ การที่กู่ไห่รับเอาพลังชี่ของผู้ฝึกตนมากกว่าสองพันคนเข้ามาในร่างนั้น ทำให้การเคลื่อนไหว และความยืดหยุ่นของอีกฝ่ายแย่ลง

        เกาเซียนจือและพวกต่างร้อนใจมาก เวลานี้พวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนได้เช่นกัน หากหลี่เหว่ยที่มีพลังระดับหยวนอิง พุ่งเข้ามาทางด้านหลังของทุกคน จะเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ขึ้นทันที ช่างเป็นเรื่องง่ายดายนัก ที่จะกวาดล้างพวกเขา

        เหล่านักโทษต่างแสดงท่าทีหวาดหวั่น

        หลี่เหว่ยเหาะไปยังเบื้องหลังกลุ่มนักโทษ มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน ดาบยาวในมือฟาดฟันลงไปอีกครั้ง “หากอยากตายกันนัก ข้าก็จะสงเคราะห์ให้ สำหรับความผิดในครั้งนี้ ข้าจะผนึกพลังของพวกเจ้า แล้วส่งกลับหุบเขาคนโฉด ไปเป็นอาหารของหนูโสโครกเหล่านั้น!”

        ตูม!

        ฟันออกไปเพียงดาบเดียว ปราณกระบี่นับร้อยก็พุ่งเข้าหากลุ่มอาชญากรทันที กระบี่ชี่เหล่านั้นแล่นตรงไป หมายตัดแขนขวาที่ส่งพลังชี่แท้ให้กู่ไห่ เพื่อเป็นการลงโทษ

        ขณะเดียวกัน ฝนกระบี่ชี่เหล่านั้นก็แยกตัว และปราดเข้าหาแผ่นหลังของกู่ไห่เช่นกัน

        การโจมตีครานี้ ช่างรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในยามนี้ กู่ไห่กำลังหันหลังให้หลี่เหว่ย ทั้งยังไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย และอีกไม่ช้าก็จะถูกโจมตีโดยฝูงกระบี่ชี่แล้ว

        

        “รวบรวมพลังชี่แท้จากกลุ่มนักโทษ? ช่างไร้ประโยชน์นัก! บัดนี้ ทำได้เพียงรอเวลาตายเท่านั้น”

        “ใช่แล้ว! น่าเสียดายจริง… สุดท้ายก็เป็นได้แค่หมอนปักเข็ม รอให้กระบี่เข้าทิ่มแทง”

        “ก่อสวรรค์ก็คือก่อสวรรค์ ไม่อาจต่อกรกับพลังระดับหยวนอิงได้!”

        ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ลอบมองการต่อสู้ในครานี้ ต่างส่ายหน้า พลางทอดหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

        

        ฝนกระบี่ชี่อันรุนแรงเหล่านั้น กำลังเคลื่อนเข้ามา กลุ่มอาชญากรต่างรู้สึกหวาดหวั่น สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี

        “นายท่าน!” ฮวางบูร้องเรียกอย่างกระวนกระวาย

        ฝูงกระบี่ขนาดใหญ่ กำลังจะพุ่งเข้าตัดศีรษะกู่ไห่ ทว่า ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่กระบี่จะตัดเข้าที่ลำคอแกร่ง จู่ๆ ควันจำนวนมาก ก็พวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา

        ฟึ่บ!

        ควันฟุ้งกระจาย ลอยไปทั่วทุกพื้นที่ และทันใดนั้น พลังชี่รูปกระบี่ขนาดใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบนศีรษะของกู่ไห่

        พลังกระบี่นี้มีขนาดราวสิบจั้ง ใหญ่กว่าฝนกระบี่ของหลี่เหว่ยหลายเท่านัก

        ตูม!

        สองพลังกระบี่เคลื่อนเข้าปะทะกัน และเป็นฝูงกระบี่ของหลี่เหว่ยที่ถูกทำลายสิ้น กระบี่ยักษ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หมายจะเข้าโจมตีหลี่เหว่ยที่ลอยตัวอยู่กลางเวหา

        “อะไรกัน?” ท่าทีของหลี่เหว่ยพลันเปลี่ยนไป ดูจะแปลกใจกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย ก่อนปล่อยหมัดออกไปสกัดกั้นพลังกระบี่ ซึ่งกำลังพุ่งเข้าโจมตีตนเองทันที

        ตูม!

        หมัดของเขา สกัดการจู่โจมของกู่ไห่เอาไว้ได้อย่างทันท่วงที

        ที่พื้นเบื้องล่าง พลังชี่ในรูปคลื่นกระบี่ของกู่ไห่ ปะทะเข้ากับฝนกระบี่ของหลี่เหว่ย จนเกิดเสียงระเบิดสนั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้าและปฐพี

        

        “เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างเบิกตากว้าง มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ด้วยความสงสัย

        คลื่นกระบี่เหล่านี้มาจากไหนกัน? มันแข็งแกร่งมากเลยมิใช่หรือ? เป็นไปได้อย่างไร ที่นักโทษซึ่งมีพลังระดับก่อสวรรค์ จะปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้?

        เวลานี้หมอกสีขาว ได้เข้าปกคลุมกลุ่มอาชญากรทั้งหมดเอาไว้ จนดูราวกับดาวดวงหนึ่ง ท่ามกลางความร้างไร้

        “นี่คือค่ายกลมิใช่หรือ?” ทันใดนั้น ก็มีคนตะโกนออกมา

        

        “ค่ายกล?” ท่าทีของหลี่เหว่ยค่อยๆ แปรเปลี่ยน

        “ใช่แล้ว! มันคือค่ายกล ถึงข้าจะมีพลังและความแข็งแกร่ง ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องลงมือต่อสู้กับเจ้าด้วยตัวเอง เพราะข้าสามารถวางค่ายกล อันทรงพลังต่างๆ ได้!” กู่ไห่เอ่ยเสียงดัง

        ตูม!

        ชายหนุ่มเสมือนดั่งจุดศูนย์กลางการระเบิด หมอกหนาพลันปะทุพลังออกมา ประหนึ่งมังกรคลั่ง ทะยานไปยังหลี่เหว่ยอย่างรวดเร็ว

        สีหน้าของหลี่เหว่ยพลันเปลี่ยนสี พุ่งตัวขึ้นฟ้า แต่เพราะหมอกหนาเหล่านั้นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ปกคลุมไปทั่วสนามประลอง เขาจึงไม่อาจเหาะหนีได้ทัน ตอนนี้ความสิ้นหวังเริ่มเข้าครอบงำส่วนลึกของจิตใจ

        เมื่อเข้าสู่ค่ายกลขนาดใหญ่ หลี่เหว่ยก็ไม่อาจคาดเดาได้ ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตนหลังจากนี้ จึงพยายามทะยานร่างหนี แต่ก็ไม่อาจหลีกพ้นจากพื้นที่หมอกไปได้

        “อะไรกัน? เป็นไปได้อย่างไร?” หลี่เหว่ยร้องอุทาน อย่างไม่อยากจะเชื่อ

        ฉึกๆ!

        จู่ๆ ก็มีพลังกระบี่พุ่งเข้ามาตรงหน้า

        “ฮึ่ม! แสร้งทำเป็นอ่อนแอ” หลี่เหว่ยกล่าวเสียงต่ำ พลางฟันดาบยาวในมือออกไปต้านอย่างเต็มกำลัง

        ฉึกๆๆๆ!

        กระบี่ชี่ขนาดใหญ่หลายสิบจั้ง พุ่งตรงไปยังร่างของหลี่เหว่ย ความตายที่กำลังมาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว พลันทำให้เขาสติหลุดไปครู่หนึ่ง

         ”ไม่! เป็นไปไม่ได้” หลี่เหว่ยร้องด้วยความสับสน เมื่อฝนกระบี่ของตน ถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว

        “ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ เพียงแต่เจ้าไม่รู้เท่านั้น!” กู่ไห่พูดเสียงดัง ก่อนทะยานเข้าใส่หลี่เหว่ย พร้อมพลังกระบี่ที่ตนสร้างขึ้น

        ตูม!

        เสียงกู่ร้องดังขึ้น ด้วยความสิ้นหวัง

        

        ณ พื้นที่รอบนอก

        เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลาย ต่างจับจ้องสนามประลองอย่างไม่ละสายตา ยามนี้ทั่วพื้นที่ได้ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ ผู้คนต่างคาดไม่ถึง ว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้

        “ระดับก่อสวรรค์? เขาสามารถสร้างค่ายกลได้อย่างไรกัน?” ผู้ฝึกตนหลายคนกล่าว อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

        

        บนยอดเขาลูกหนึ่ง 

        คุณชายเก้ากลับหรี่ตาลงอย่างกังขา ก่อนกล่าว “กลกระบี่สวรรค์อย่างนั้นหรือ?”

Author Glory Forever