มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 5 ตอนที่ 127 สามราชาแห่งหมากล้อม

        ด้านนอกสำนักติงหลง

        มีฝูงชนมารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อเหล่าผู้ฝึกตนต่างก็รุมล้อม เพื่อรับชมการแก้หมากของกู่ไห่

        ตอนนี้ ในใจของทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น กับการเดินหมากบนกระดานตรงหน้าของชายหนุ่ม

        มีหมากห้ากระดานวางอยู่เบื้องหน้าเขา และหินวิญญาณระดับสูงเกือบหนึ่งพันก้อนก็กองอยู่ข้างตัว

        ฟึ่บๆๆๆๆ!

        กู่ไห่โบกมือของตนขึ้น จู่ๆ หินวิญญาณระดับสูงห้าก้อน ก็ลอยตรงไปยังผู้ฝึกตนทั้งห้าคน ที่คอยทำหน้าที่ดึงกระดานหมากมาให้เขา

        “ขอบคุณท่านกู่!” ผู้ฝึกตนทั้งห้ารับหินวิญญาณระดับสูงเอาไว้

        เพราะพวกเขาให้การช่วยเหลือ ชายหนุ่มจึงมอบหินวิญญาณระดับสูงเป็นการตอบแทน

        “เร็วเข้า! ศิษย์สำนักติงหลง ท่านกู่แก้หมากได้อีกห้ากระดานแล้ว เหตุใดจึงยังไม่นำหินวิญญาณระดับสูง มามอบให้อีกห้าสิบก้อนเล่า?”

        “ใช่แล้ว! พวกเจ้าคิดจะโกงหรือ?”

        “ยังไม่รีบนำมาให้อีก!”

        เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างตะโกนด้วยความยินดี ราวกับว่าตัวเองเป็นผู้แก้หมากทั้งห้ากระดานได้เองกระนั้น

        เหล่าศิษย์สำนักติงหลงมองหน้ากัน ก่อนส่งหินวิญญาณกองหนึ่งมาให้แก่กู่ไห่

        ฟึ่บๆๆๆๆ!

        ชายหนุ่มโบกมือเล็กน้อย หินวิญญาณสิบก้อนก็ลอยออกไป

        “ขอบคุณท่านกู่!” ทุกคนพูดอย่างมีความสุข

        ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่กำลังล้อมรอบอยู่ในตอนนี้ ต่างก็กระตือรือร้นที่จะผูกมิตรกับเขา ตอนที่สำนักซ่งเจี่ยลักพาตัวท่านถังจู่แห่งหออี้ผินไปนั้น กู่ไห่ช่างดูโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ต่อหน้าพวกเขาในยามนี้ กลับเป็นคนที่ใจกว้าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรจะล่วงเกินอีกฝ่ายเป็นอันขาด  

        หินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อน เทียบเท่าหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งหมื่นก้อน มากถึงเพียงนั้น แต่อีกฝ่ายกลับมอบเป็นสินน้ำใจให้พวกเขาอย่างต่อเนื่อง?

        หากหัวหน้าสำนักของตนใจกว้างได้เหมือนกู่ไห่…

        ชายผู้นี้มีชื่อเสียงในด้านของความโหดร้าย แต่ตอนนี้ความใจกว้างของชายหนุ่ม กำลังทำให้ผู้คนเริ่มมองเขาในแง่มุมที่เปลี่ยนไป

        ขณะที่แก้หมากตรงหน้า กู่ไห่ก็เหลือบตาขึ้นมามองเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบเป็นครั้งคราว แล้วรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า… นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ ผลลัพธ์เช่นนี้ จะทำให้เฉินเทียนซานสรรหาผู้ฝึกตนเข้าสู่จวนสกุลกู่ได้ง่ายขึ้น ทุกอย่างนี้ เริ่มต้นได้ด้วยการแสดงออกของเขา เพียงใช้ทองพันตำลึงซื้อกระดูก[1]เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็พอ

        “หนึ่งต่อห้า? แค่หมากกระดานเดียวก็ยากที่จะแก้แล้ว แต่ท่านกู่กลับแก้หมากเพียงลำพังได้มากถึงห้ากระดานในคราเดียวกัน ทักษะหมากล้อมช่างแข็งแกร่งจริงๆ” ทุกคนร้องอุทาน

        “เมื่อครั้งที่อยู่ในดินแดนแรกบรรจบสาบสูญ ตอนที่เรียกอสูรเมฆาออกมาด้วยเม็ดหมากสีทอง ตอนนั้นท่านกู่ก็สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนได้มากถึงหนึ่งหมื่นคน แสดงว่าทักษะหมากล้อมของเขาต้องกล้าแข็งมากแน่!”

        “ใช่แล้ว! ข้าคิดว่าราชาหมากล้อมทั้งสามคนนั้น ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านกู่!”

        “ไม่แน่! ราชาหมากล้อมทั้งสามก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน”

        ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน กู่ไห่ก็กำลังจ้องมองกระดานหมากล้อมทั้งห้าที่อยู่ตรงหน้า

        “นี่มัน?… คุ้นตาจริงๆ!” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เมื่อมองดูกระดานหมากเหล่านั้น

        ไม่เพียงแค่หมากห้ากระดานนี้เท่านั้น แต่อีกร้อยกว่ากระดานก่อนหน้านี้ กู่ไห่ก็รู้สึกคุ้นเคย ราวกับว่าตนเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่ง

        แต่ในความทรงจำของเขา กลับไม่มีกระดานหมากเช่นนี้อยู่เลยแล้วเพราะเหตุใด… จึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด?

        ครุ่นคิดไปพลาง ชายหนุ่มก็วางหมากเม็ดหนึ่งลงบนกระดาน

        ทันทีที่เม็ดหมากสัมผัสกับกระดาน ท่าทีของกู่ไห่ก็พลันเปลี่ยนไป

        ชายหนุ่มรู้เหตุผลแล้ว ว่าเพราะอะไรรูปแบบของหมากล้อมตรงหน้า ถึงได้ดูคุ้นตานัก แม้จะไม่เคยเล่นมาก่อนเลยก็ตาม

        “หมากยี่สิบเก้าเส้น?” กู่ไห่ชะงักไปครู่หนึ่ง

        หมากล้อมที่ตนเชี่ยวชาญที่สุดก็คือ ‘หมากยี่สิบแปดเส้น’ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็น ‘หมากยี่สิบเก้าเส้น’

        ตอนที่อยู่ในพรรคต้าเฟิง หมากที่ปิดผนึกหางชีพจรมังกรนั้น ก็เหมือนกับหมากกระดานนี้ เป็นการเล่นหมากที่เฉินเทียนซานได้เอ่ยปากเตือนว่าอันตรายนัก หากแพ้ก็ตาย เป็นกับดักที่ตื่นเต้นไม่น้อย แต่เพราะเริ่มเดินหมากไปแล้ว จึงไม่อาจหยุดได้ ทางเดียวที่เขาจะรอด ก็คือต้องชนะเท่านั้น

        อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กู่ไห่จำหมากกระดานนั้นได้แล้ว

        หมากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่วางหมาก

        กระดานหมากล้อมเหล่านี้ ดูจะมีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับหมากกระดานนั้น

        แม้ว่าชายหนุ่มจะสามารถแก้หมากได้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขากำลังเล่นหมากยี่สิบเก้าเส้นอยู่ก็มิปาน

        “นี่คือกระดานหมากที่ผู้อาวุโสกวนฉีทิ้งเอาไว้อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น พลางมองดูเกาะขนาดใหญ่กลางเวหา ที่กำลังลอยอยู่ไกลออกไป

        “แต่ไม่เป็นไร หมากล้อมยี่สิบเก้าเส้นพวกนี้ ข้าค่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ ก็ได้” ชายหนุ่มคิด

        เม็ดหมากในมือของเขา ยังคงถูกวางลงบนกระดานอย่างต่อเนื่อง

        ขณะนั้นเอง ไม่ไกลกันนัก ก็ปรากฏร่างของชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินออกมา

        “หัวหน้าสำนักติงหลง? ท่านติงตง?” มีบางคนที่จำผู้มาใหม่ได้

        ทันทีที่ติงตงปรากฏตัว เหล่าศิษย์สำนักติงหลงต่างก็ปรี่เข้ามาหา พลางมองดูกระดานหมากล้อมตรงหน้ากู่ไห่ด้วยความสนใจ

        แต่ชายหนุ่มกลับมิได้สนใจสิ่งใด เอาแต่จดจ่ออยู่กับกระดานหมาก

        กึก!

        กระดานหมากล้อมพลันสั่นสะเทือนขึ้นมา

        “ดูสิ! ท่านกู่แก้หมากได้อีกกระดานแล้ว”

        กึก!

        “ท่านกู่แก้หมากได้อีกแล้ว!”

        ในไม่ช้า เม็ดหมากถูกวางลงบนกระดานแผ่นสุดท้าย กู่ไห่สามารถแก้กระดานหมากหมากล้อมทั้งห้าตรงหน้าตนได้จนหมดสิ้น

        “ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่!” จู่ๆ ติงตงก็ทักทายขึ้น

        “หือ?” ชายหนุ่มเงยหน้ามองผู้มาใหม่

        ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณ พลันสงบคำลงอย่างพร้อมเพรียง

        “ท่านหัวหน้าสำนักติง?” กู่ไห่เอ่ย

        “ทักษะในการเดินหมากของท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ ช่างดีจริงๆ!” ชายชรากล่าว พร้อมยกยิ้มบางๆ

        “ท่านหัวหน้าสำนักติง ชมเกินไปแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น!” ชายหนุ่มถ่อมตัว พลางคลี่ยิ้ม

        “ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ ด้านนอกนี้ เลือกหมากได้เพียงหนึ่งพันกระดานเท่านั้น แต่หากเข้าร่วมแก้หมากในสำนักติงหลง จะสามารถเลือกหมากได้ทั้งสามพันกระดาน 

        ไม่ต้องกังวล หากแก้หมากสำเร็จ ก็ยังคงได้รับหินวิญญาณระดับสูงสิบก้อนต่อหนึ่งกระดานเช่นเดิม อีกทั้งด้านในนั้นจะมีลานพิเศษ เพื่อให้ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ได้พักผ่อนด้วย” ติงตงบอก พร้อมยิ้ม

        “โอ้… ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ ราชาหมากล้อมทั้งสามก็ได้รับเชิญเช่นกัน” กู่ไห่ถามอย่างใคร่รู้

        “ราชาหมากล้อมทั้งสามได้เข้าพักในหุบเขาโหยวหราน พวกเขาแก้หมากทุกวัน และแลกเปลี่ยนวิธีเดินหมากกัน ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่เองก็อาจจะได้อาศัยอยู่ที่เดียวกับพวกเขา” ชายชรายิ้ม

        “พวกเขาพาคนติดตามมาด้วยหรือ?” ชายหนุ่มมองติงตง

        “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ท่านสามารถนำญาติ เพื่อนสนิท และลูกศิษย์เข้ามาได้” ชายชรากล่าว พลางยกยิ้ม

        “ดี!” กู่ไห่พยักหน้า

        ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงหันหน้ากลับไปยังผู้ฝึกตน ที่ยืนอย่างนอบน้อมรอบๆ ตัว “ขอบคุณทุกคนที่ไม่ยอมแพ้ พวกท่านที่ดูการแก้หมากของข้า และเข้าใจการเดินหมาก สามารถติดตามเข้าไปในสำนักติงหลงได้ เพื่อไปเป็นสักขีพยานในการแก้หมากของข้าในกระดานต่อไป”

        “อะไรนะ?” ติงตงผงะเล็กน้อย

        ผู้ฝึกตนที่ได้ยินเช่นนั้น พลันดวงตาเป็นประกายด้วยความกระตือรือร้น “ท่านกู่!… ข้าจะไปกับท่าน”

        “ข้าก็จะไปกับท่านกู่เช่นกัน”

        “สำนักติงหลงช่างลึกลับนัก ข้าไม่รู้ว่าข้างในนั้นเป็นอย่างไร ข้าจะเข้าไปดูด้วย”

        “ในเมื่อทางสำนักไม่ยอมให้ข้าเข้าไปเอง เช่นนั้นข้าก็จะเข้าไปกับท่านกู่ เพื่อดูว่าข้างในนั้นเป็นอย่างไร”

        ทันใดนั้น ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในกลุ่มผู้ฝึกตน เมื่อทุกคนต่างร้องตะโกนเสียงดัง

        เดิมทีที่สำนักติงหลงเปิดงานประลองนี้ขึ้น เหล่าผู้ฝึกตนหลายคนต่างก็สงสัยไม่น้อย แม้จะได้รับสิ่งตอบแทน แต่มันก็แปลกเกินไป หินวิญญาณระดับสูง? การแก้หมาก? แน่นอนว่ามันจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่

        แต่นอกจากราชาหมากล้อมทั้งสามแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ถูกปิดกั้น มิให้เข้าไปในสำนัก พวกเขาจึงได้แต่เดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่รอบนอก ด้วยความเคลือบแคลงใจเช่นนี้

        นี่เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในโลกก่อนของกู่ไห่ เมื่อเข้าห้องสอบล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสอบ? นั่นจะไม่เป็นการทำให้ผู้คนคับข้องใจหรอกหรือ?

        เขาจึงเชิญทุกคนเข้าไปด้วยทันที เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ให้พวกเขารู้สึกดีๆ กับตน

        “ท่านหัวหน้าสำนักติง นี่คือเพื่อนๆ ของข้า หากพวกเขาจะติดตามเข้าไปด้วย คงไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” กู่ไห่ถามกลับ ขณะยกยิ้ม

        ชายหนุ่มเดาว่าตอนนี้ติงรุ่ยอยู่ข้างในนั้น สำหรับหญิงชราผู้นี้แล้ว เขาควรจะป้องกันตัวเองให้ดี แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดที่จะทำอะไรก็ตาม แต่กู่ไห่ก็ไม่ยอมบุกเข้าไปคนเดียวแน่ การที่พาทุกคนเข้าไปด้วย ก็เป็นการกวนน้ำให้ขุ่นดีๆ นี่เอง

        ติงตงมองไปยังเหล่าผู้ฝึกตน ที่แสดงท่าทีกระตือรือร้นอยู่รอบๆ ด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน

        ก่อนหน้านี้ สามราชาหมากล้อมก็พาคนของตัวเอง นับร้อยสองร้อยคนเข้ามาในค่ายกลแล้ว แต่ของกู่ไห่นี่ น่าจะพันคนเห็นจะได้ที่ต้องการเข้าไปกับเขา

        ตอนนี้ ชายชรากำลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเขา

        “ให้พวกเขาเข้ามา!” ติงรุ่ยส่งเสียงเข้ามาในโสตประสาท

        ใบหน้าติงตงกลับมายกยิ้มอีกครั้ง พลางพยักหน้า ก่อนพูด “เช่นนั้นก็ได้! เชิญท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่”

        “โอ้? ก็ดี!” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนผงกศีรษะ

        เดิมทีก็แค่ต้องการกวนน้ำให้ขุ่นเล่นๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบรับเช่นนี้ นั่นยิ่งทำให้กู่ไห่ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น

        “ขอบคุณท่านกู่!” ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ กล่าวขอบคุณ

        ชายหนุ่มเดินนำกลุ่มผู้ฝึกตนกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน เข้าไปยังค่ายกลใหญ่ของสำนักติงหลง

        ภายในค่ายกลขนาดมหึมา บนยอดเขาลูกหนึ่ง ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา มีอาคารหลายหลังตั้งอยู่บนนั้น

        ติงรุ่ยกำลังยืนอยู่หน้าเรือนที่อยู่ไกลออกไป ลอบมองกู่ไห่ ซึ่งกำลังพาเหล่าผู้ฝึกตนเข้ามาในค่ายกล

        “ท่านหัวหน้าสังกัด ตอนนี้กู่ไห่ได้นำกลุ่มคนเข้ามาแล้ว” ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานด้วยความนอบน้อม

        “เขาฉลาดแต่ไม่เฉลียว พาคนเข้ามาด้วยแล้วอย่างไร? คนพวกนั้น ข้าจำเป็นจะต้องใส่ใจด้วยหรือ?” หญิงชรากล่าวอย่างเย็นชา

        “ท่านหัวหน้าต้องการที่จะหลอกใช้กู่ไห่หรือ?”

        “รอให้กู่ไห่แก้หมากจนหมดสิ้น คนกลุ่มนี้ก็จะถูกฝังไปพร้อมเขา” ติงรุ่ยเอ่ยเสียงเย็น

        “ขอรับ!”

        “จับตาดูกู่ไห่ให้ข้าตลอดเวลา” หญิงชราพูดเสียงเข้ม

        “ขอรับ!”

        

        กู่ไห่พาคนกว่าหนึ่งพันคน เข้าไปในสำนักติงหลง 

        เมื่อมาถึงหุบเขาโหยวหราน อาคารมากมายที่ตั้งอยู่ในหุบเขาก็ปรากฏแก่สายตา จากที่มองดู การวางผังอาคารของสำนักเป็นรูปแบบวงกลม

        บริเวณลานตรงกลาง มีคนอยู่สามกลุ่ม ซึ่งกำลังรุมล้อมชายสามคนที่กำลังแก้หมากอยู่

        หนึ่งสวมชุดแดง อีกหนึ่งอยู่ในชุดสีฟ้า ส่วนคนที่เหลือสวมชุดดำ

        “ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ คนทั้งสามที่กำลังเล่นหมากล้อมอยู่ตรงนั้น ผู้สวมชุดสีแดงคือราชาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือ คนชุดสีฟ้าเป็นราชาหมากล้อมแห่งทะเลใต้ และชายชุดสีดำก็คือราชาหมากล้อมสังหาร ส่วนคนที่อยู่รอบๆ นั่น เป็นศิษย์ของพวกเขา”

        กู่ไห่มองดูกลุ่มคนของชายชราชุดแดง และชายชราชุดสีฟ้า ที่ดูเหมือนคนทั่วๆ ไป เพียงแต่สีของเสื้อผ้าต่างออกไปเท่านั้น ส่วนราชาหมากล้อมชุดดำ กลับแปลกจากคนอื่นๆ เขาปกปิดศีรษะของตนเอาไว้ ทำไม่อาจเห็นใบหน้าของเขา รวมถึงศิษย์และคนรับใช้ของเขา ต่างก็ปกปิดใบหน้า และแต่งกายด้วยชุดสีดำเช่นกัน

        “หืม?” ชายหนุ่มมองคนกลุ่มนี้ด้วยความประหลาดใจ

        เหล่าคนใต้บังคับบัญชาของสามราชาหมากล้อม ก็หันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจเช่นกัน เพราะกู่ไห่นั้น ได้นำคนติดตามมามากกว่าพวกเขาถึงสิบเท่า

        “ทุกท่านที่ติดตามท่านกู่เข้ามา โปรดฟัง! อย่างไรเสียที่นี่ก็คือสำนักติงหลง หวังว่าทุกท่านจะไม่เดินไปทั่วตามอำเภอใจ” ติงตงกล่าว

        “ท่านหัวหน้าสำนักติง โปรดวางใจ!” ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างก็หัวเราะร่า

        ทุกคนมองขึ้นฟ้า และแน่นอนว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้า จะต้องเป็นกระดานหมากล้อม ที่มีจำนวนมากกว่าข้างนอกนั่นถึงสองเท่า

        “ท่านกู่ ข้าจะช่วยท่านเอง!” ทันใดนั้นผู้ฝึกตนบางคน ก็อาสากระโดดขึ้นไปบนเวหา เพื่อเลือกกระดานหมากให้กู่ไห่

        ชายหนุ่มเหลือบมองไปรอบบริเวณ ก่อนจะเจอพื้นที่ว่างสำหรับพวกเขา กู่ไห่จึงได้ทิ้งร่างลงนั่ง ขณะเดียวกันก็ลอบมองราชาหมากล้อมทั้งสาม ด้วยความสนใจ

        ราชาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือ และราชาหมากล้อมแห่งทะเลใต้ ดูเหมือนกำลังกังวลกับกระดานหมากตรงหน้าไม่น้อย เอาแต่จดจ่อและวางหมากต่อไป โดยไม่ใส่ใจสิ่งรอบกาย แต่ราชาหมากล้อมชุดดำกลับค่อยๆ เคลื่อนไหว และบางครั้งยังเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วย

        บนห้องใต้หลังคาขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกล คุณชายเก้ากำลังจ้องมองกู่ไห่ด้วยแววตาเย้ยหยัน

        “มาแล้วหรือ? ก็ดี!… เจ้าไปแจ้งราชาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือและใต้ ว่าไม่ต้องแข่งกันแล้ว อย่างไรเสียข้าก็ไม่รับปากพวกเขา แต่ถ้าใครสามารถแก้หมากชนะกู่ไห่ได้ ข้าจะตอบตกลงกับคนผู้นั้น” คุณชายเก้าพูดเสียงต่ำ

        “อา… คุณชายเก้า ผู้ที่ชนะกู่ไห่อย่างนั้นหรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาถามขึ้นอย่างกังขายิ่ง

        คุณชายเก้าคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนกล่าว “อย่างที่บอก เขาแค่เข้าใจหมากล้อมยี่สิบแปดเส้น แต่เจ้าคิดว่าทักษะหมากล้อมของกู่ไห่จะด้อยถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? 

        หากมิใช่เพราะระดับพลังของเขาอ่อนแอเกินไป พลังหมากล้อมของเขาก็คงจะเทียบเท่าข้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ ศักยภาพของกู่ไห่พัฒนาขึ้นมาก

        ฉะนั้นไปบอกคนทั้งสอง ว่าสามารถร่วมมือกันจัดการกู่ไห่ได้! ยามนี้ ข้าเพียงแต่อยากจะเห็นศักยภาพของกู่ไห่เท่านั้น!”

        “อา… ขอรับ!”

————————————————-

        [1] ทองพันตำลึงซื้อกระดูก (千金买骨) เป็นสุภาษิตจีน แปลว่าการใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อของที่ดูไร้ค่า เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเองชื่นชมของสิ่งนั้นมากเพียงใด ดังนั้นสุภาษิตนี้จึง หมายถึง การแสดงความจริงใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ หรือให้ได้มาซึ่งคนดีคนเก่ง มาช่วยบริหารงาน

        [2] กวนน้ำให้ขุ่น (水搅混) เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงทำให้เกิดความวุ่นวาย สับสน เข้าใจผิด

Author Glory Forever