มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 บทที่ 71 ลากเป็นพวก

        ภายในห้องรับแขกของจวนแม่ทัพใหญ่

         

        เว่ยชางหลานและเว่ยชิงชิงนั่งอยู่ด้านหน้า ขณะนี้ทั้งสองใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ สีหน้าเป็นกังวลที่อยู่หว่างคิ้วมาอย่างยาวนานก็หายลงไปจนหมดเกลี้ยง

         

        เห็นชัดว่าหลังโจวหยวนกับพวกออกไปได้ชั่วครู่ เว่ยชางหลานก็ตรวบสอบร่างกายเว่ยปินอย่างถี่ถ้วน รับรู้ได้ว่าร่างกายของเว่ยปินค่อยๆ กลับมามีพลังชีวิต พวกเขาจึงมั่นใจว่าพิษมารผจญถูกขจัดออกหมดแล้วจริงๆ

         

        ความกลัดกลุ้มนี้ที่คอยสร้างปัญหาให้จวนแม่ทัพใหญ่มาตลอดหลายปี ในที่สุดก็หายไปแล้ว

         

        รู้สึกสุขล้นภายในใจยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อโจวหยวนเดินทางมายังห้องรับแขกอีกครั้ง เว่ยชางหลานและเว่ยชิงชิงก็รีบลุกขึ้นยืน คำนับแล้วพูดว่า “บุญคุณใหญ่หลวงขององค์ชาย ตระกูลเว่ยจะไม่มีทางลืมเลือน!”

         

        โจวหยวนยิ้ม มองเยาเยาที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง อันที่จริงครานี้หากไม่มีคำชี้แนะจากนาง เขาย่อมไม่มีทางขจัด ‘พิษมารผจญ’ ได้สำเร็จ

         

        ดังนั้นโจวหยวนในขณะนี้จึงเลื่อมใสความสำเร็จด้านอักขระหยวนของเยาเยาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แผนการก่อนหน้านี้ ด้วยอักขระหยวนระดับหนึ่งแปดชุดและอักขระหยวนระดับสองหนึ่งชุดประสานเข้าด้วยกัน ผลสำเร็จจึงก่อตัว ไม่อ่อนแอไปกว่าอักขระหยวนระดับสาม

         

        “องค์ชายเชิญนั่ง ข้าทราบว่าเป้าหมายการเดินทางมาของพวกท่าน คงมาเพื่อตามหาร่องรอยซากโบราณสถานในเฮยยวนใช่หรือไม่” เว่ยชางหลานพูดด้วยรอยยิ้ม

         

        โจวหยวนพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “รวงอัคคีสำคัญกับพวกเราต้าโจวอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องได้มา หากตกอยู่ในมือของคนอื่นจะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง”

         

        ในเวลาเดียวกันเขาก็จ้องมองปฏิกิริยาของเว่ยชางหลานไปด้วย เพราะรวงอัคคีเป็นอาหารหยวนระดับสี่ มูลค่าทางยุทธ์ศาสตร์แข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นเขาก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะสร้างความหวั่นไหวให้หรือไม่

         

        หากเว่ยชางหลานได้ไป เช่นนั้นอำนาจของเขาก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว

         

        เว่ยชางหลานเหลือบมองโจวหยวน เขามีประสบการณ์มาโชกโชนเพียงใดแล้ว ย่อมรับรู้ถึงความหมายในสายตาของโจวหยวน ยิ้มแล้วพูดว่า “องค์ชายโปรดวางใจ ข้าเว่ยชางหลานไม่มักใหญ่ใฝ่สูง เพียงคิดปกป้องบ้านเมืองให้สงบสุข”

         

        โจวหยวนพูดว่า “เช่นนั้นเป็นข้าแล้วที่จิตใจต่ำต้อยเกินไป ขอท่านแม่ทัพโปรดอย่าได้ถือโทษ”

         

        แม้ปากเอ่ยเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับนิ่งเรียบ การลองเชิงความคิดของเว่ยชางหลานเป็นสิ่งจำเป็นกว่า

         

        เว่ยชางหลานโบกมือแล้วพูดว่า “ในเมื่อองค์ชายมาเพื่อร่องรอยซากโบราณสถานนั้น แล้วทราบรายละเอียดมากเพียงใดหรือ”

         

        โจวหยวนส่ายหน้า เนื่องด้วยเวลาที่เร่งรีบ สิ่งที่พวกเขารู้มีจำกัด ดังนั้นจึงวางแผนมาแคว้นชางหลานเพื่อรวบรวมข้อมูล

         

        “เฮยยวนกว้างใหญ่ไพศาล เฮยยวนที่พวกเรารู้ในเวลานี้ พูดได้ว่าเป็นแค่ส่วนนอกของพื้นที่กว้างใหญ่ผืนหนึ่งเท่านั้น เล่ากันว่าในส่วนลึกของเฮยยวนมีอสูรหยวนร้ายกาจมากมายนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นอสูรหยวนระดับสี่ก็พบเห็นได้ทั่วไป” เว่ยชางหลานพูดอย่างช้าๆ

         

        “ในกาลเวลาที่ยาวนานนั้นมีขุมอำนาจแข็งแกร่งมากมายอาศัยอยู่ในเฮยยวน แต่ต่อมาก็ค่อยๆ หายไปอย่างต่อเนื่อง เฮยยวนจึงกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามร้างรอยเท้าผู้คน”

         

        “ครานี้ร่องรอยซากโบราณสถานแห่งนี้ปรากฏตัว จากข้อมูลที่เราได้รับรายงานมา คงจะเป็นขุมอำนาจโบราณแห่งหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในเฮยยวนมาก่อน เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากขุมอำนาจโบราณที่ถูกเรียกว่า ‘สำนักหุ่นรบ’”

         

        “สำนักหุ่นรบหรือ” โจวหยวนสีหน้าตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่เคยคิดว่าร่องรอยซากโบราณสถานแห่งนี้จะยังมีเรื่องราวแบบนี้อยู่ด้วย

         

        “อำนาจโบราณนี้เล่าลือกันว่าชำนาญการสร้างหุ่นเชิดในการต่อสู้ มีอานุภาพแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ ในร่องรอยซากโบราณสถานแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยหุ่นรบหลายรูปแบบกระจายตัวด้วยความอันตรายอย่างมาก” เว่ยชางหลานพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่รับมือยากที่สุดคือ ในซากโบราณสถานแห่งนี้คล้ายว่ามีหุ่นรบร้ายกาจตัวหนึ่งอยู่ สิ่งนั้นเป็นหุ่นรบงูยักษ์ ใจกลางเป็นวิญญาณอสูรหยวนมังกรหมั่งระดับสี่ ต่อให้ผู้แข็งแกร่งสภาวะเบิกเนตรพบเจอก็ยังจัดการได้ยาก”

         

        ฟังมาจุดถึงจุดนี้ โจวหยวนก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา “วิญญาณอสูรหยวนมังกรหมั่งระดับสี่หรือ”

         

        เว่ยชางหลานพยักหน้า

         

        “นึกไม่ถึงว่ามาถึงที่นี่จะพบเจอกับวิญญาณอสูรหยวนมังกรหมั่งระดับสี่” โจวหยวนทั้งดีใจทั้งแปลกใจ แล้วยิ้มอย่างลำบากใจทันที ก็เพราะหากต้องการได้วิญญาณอสูรหยวนตัวนี้ ก็จำเป็นต้องจัดการกับหุ่นรบที่เทียบได้กับผู้แข็งแกร่งสภาวะเบิกเนตร

         

        งานนี้ ยากลำบากสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

         

        “ปวดหัวจริง” โจวหยวนสั่นหัว ดูท่าต้องการฝึกพลังมังกรหมั่งผ่านสวรรค์ของคัมภีร์บรรพชนมังกรชั้นแรก ช่างลำบากยากเข็ญเสียจริง

         

        “อีกอย่าง…นอกจากซากโบราณสถานแห่งนั้นจะเต็มไปด้วยอันตรายแล้ว ปัจจัยอื่นก็ดูแคลนไม่ได้” เว่ยชางหลานพูดน้ำเสียงจริงจัง

         

        “แม่ทัพใหญ่หมายถึง อำนาจทั้งหลายในเฮยยวนอย่างนั้นหรือ” โจวหยวนถาม

         

        “อำนาจอื่นในเฮยยวนไม่ใช่ปัญหา แต่มีอำนาจหนึ่งที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ” เว่ยชางหลานพูดถึงจุดนี้ แววตาก็พลันเปล่งประกายเยือกเย็น

         

        “ราชาพิษดำ” ในดวงตาของโจวหยวนก็จริงจังขึ้นมา

         

        เว่ยชางหลานพยักหน้าช้าๆ แล้วบอกว่า “ราชาพิษดำเป็นประมุขในเฮยยวนมาหลายปี เมืองเฮยตู๋ก็เป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตเฮยยวน ราชาพิษดำมีใจมักใหญ่ใฝ่สูง ครานี้มีข้อมูลของรวงอัคคี เขาจะต้องสอดมือเข้ามาอย่างแน่นอน”

         

        โจวหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจชัดเจนว่า ‘รวงอัคคี’ มีค่าเชิงยุทธศาสตร์การรบอย่างใหญ่หลวงสำหรับขุมอำนาจหนึ่ง เพียงราชาพิษดำทะเยอทะยาน เช่นนั้นย่อมไม่วางมือ

         

        ดังนั้น สงครามร่องรอยโบราณสถานแห่งนี้ ราชาพิษดำต้องขัดขวาง

         

        “นอกจากราชาพิษดำ ยังมีอีกหนึ่งฝ่าย…” โจวหยวนพูดแล้วหยุดชะงัก

         

        เว่ยชางหลานมองโจวหยวนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ จวนฉีอ๋องก็หมายตาเอาไว้เช่นกัน แต่ฉียวนถูกฮ่องเต้จับตามองอยู่ในเมืองต้าโจวจึงไม่อาจเร่งมาได้ อาศัยเพียงฉีเฮ่ารุดมาทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง”

         

        โจวหยวนพูดเสียงแผ่วว่า “รอบคอบไว้ก่อนจะดีกว่า”

         

        เว่ยชางหลานได้ยินก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาโบกมือเรียกทหารนายหนึ่งมาแล้วพูดว่า “กระจายคำสั่งออกไป ส่งคนปิดล้อมพื้นที่ที่ฉีเฮ่าอาศัยอยู่ให้หนาแน่น อย่าให้ออกมาได้”

         

        ทหารนายนั้นได้ยินก็ลังเลชั่วครู่แล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ เมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้วมีรายงานมาว่าฉีเฮ่าได้ออกจากเมืองไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วขอรับ”

         

         เว่ยชางหลานขมวดคิ้ว “เจ้าหมอนี่ฉลาดยิ่ง หนีเร็วนัก”

         

        โจวหยวนก็แปลกใจกับความเร็วในการหลบหนีของคนผู้นี้ แต่หนีไปก็เท่านั้น อย่างน้อยการเผชิญหน้ากันรอบนี้ระหว่างฉีเฮ่า เขาก็ได้รับชัยชนะ ชิงเอากำลังช่วยเหลือที่แข็งแกร่งจากเว่ยชางหลานมาได้

         

        “แม่ทัพเว่ย พวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อใด” โจวหยวนถาม

         

        เว่ยชางหลานตอบ “เวลานี้ทุกฝ่ายต่างระดมพล แต่ในซากโบราณสถานนั่นอันตรายยิ่งนัก กองกำลังทหารใช้การไม่ได้ ดังนั้นครานี้พวกเราควรส่งกองกำลังชั้นยอดไป”

         

        โจวหยวนพยักหน้า ใช่แล้ว สถานที่แห่งนั้น ต่อให้นำกองกำลังทหารชางหลานไปทั้งหมด เกรงว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ดีมากนัก กลับเพิ่มการบาดเจ็บล้มตาย

         

        “ครานี้ข้าจะนำทัพไปเอง ในกองกำลังชางหลานมีผู้แข็งแกร่งสภาวะเส้นทางสวรรค์แปดคน เหลือไว้ในเมืองสามคน อีกห้าคนติดตามข้าไป นอกจากนี้ยังมีกองกำลังชั้นยอดสภาวะหล่อเลี้ยงพลังรวมไปด้วยหนึ่งกอง ห้าวันหลังจากนี้ พวกเราจะเดินทางไปเฮยยวน” เว่ยชางหลานพูดด้วยรอยยิ้ม

         

        ทหารเหล่านี้แทบจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังทหารชางหลานแล้ว เห็นชัดว่าเว่ยชางหลานเป็นคนเชื่อถือได้ ในเมื่อรับคำกับโจวหยวนไว้แล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือสุดกำลัง

         

        “ต้องขอขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่อย่างมาก” โจวหยวนก็เข้าใจแล้ว คำนับแล้วพูดขอบคุณทันที

         

        ทั้งสองฝั่งเจรจาอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นโจวหยวนก็หันกายจากไป

         

        มองร่างของโจวหยวนเดินจากไป เว่ยชางหลานหลังพิงเก้าอี้ มือเคาะโต๊ะเบาๆ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “นึกไม่ถึงว่าไม่เจอกันหลายปี เด็กน้อยที่อ่อนแอในตอนนั้นก็กลายเป็นเด็กหนุ่มยอดวีรบุรุษแล้ว ฮ่องเต้นับว่าโชคดีเสียจริง”

         

        “ความสำเร็จด้านอักขระหยวนของเขาทำให้ประหลาดใจอย่างแท้จริง แต่พละกำลังหรือ ถือว่าแย่ไปหน่อย ยังไม่ถึงสภาวะหล่อเลี้ยงพลังด้วยซ้ำ” เว่ยชิงชิงที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูด

         

        เว่ยชางหลานอดยิ้มไม่ได้ แล้วบอกว่า “ถ้าเจ้ารู้ว่าครึ่งปีก่อนหน้านี้กระทั่งลมปราณทั้งแปดเส้นในร่างกายเขาก็ยังหาไม่พบจนไม่อาจฝึกการเปิดลมปราณได้ เจ้าจะไม่พูดเช่นนั้น”

         

        “ครึ่งปีหรือ” เว่ยชิงชิงตะลึงงัน นางแอบรู้มาว่าโจวหยวนฝึกการเปิดลมปราณไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่า โจวหยวนกลับพลิกผัน ด้วยระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้

         

        ต่อให้เป็นนาง ก็ใช้เวลากว่าสองปีถึงจะก้าวสู่สภาวะหล่อเลี้ยงพลังได้ ส่วนโจวหยวน เกรงว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนก็เปิดลมปราณที่แปดได้แล้ว

         

        เว่ยชางหลานถอนหายใจเบาๆ จ้องมองร่างโจวหยวนที่เดินจากไปด้วยแววตาเสียดายเล็กน้อย

         

        “น่าเสียดายจริงๆ องค์ชายของเราเดิมทีมีโชคชะตาเทพมังกรติดตัว ถ้าไม่มีสองคนนั้นของต้าอู่ที่มีโชคชะตาแห่ง ‘งูยักษ์และห่านฟ้า’ ติดตัวและกลืนกินโชคชะตาของเขาไป องค์ชายในเวลานี้ ไม่รู้เลยว่าจะประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด”

         

        “เป็นไปได้ว่าต่อให้เป็นข้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขายังไม่กล้าโกรธเคืองความสามารถของเขา ทำได้เพียงแต่ต้องก้มหัวให้เท่านั้น”

         

        เว่ยชิงชิงได้ยินเว่ยชางหลานพูดนับถือเช่นนี้ ทันใดนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อย นางยกสายตาขึ้นมองไปทางร่างโจวหยวนที่เดินออกไปไกล เม้มกัดริมฝีปากเบาๆ แววตาแสดงความชื่นชม

         

        นี่เป็นครั้งแรกที่แววตาฉายการยอมรับเด็กหนุ่มอย่างองค์ชาย เขาแสดงให้นางเห็นว่าตนไม่ได้ง่ายดายดังเช่นที่นางคิด

         

Author Glory Forever