มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่2 บทที่ 40 จัสมินอาบโลหิต (2)

        แม้ว่าจำนวนร้านค้าในเมืองไม้ขจีจะมีน้อยนิดอยู่บ้าง ทว่ายังสามารถนับได้ว่ามีสินค้าจำเป็นอยู่ครบถ้วน หยุนเช่อเร่งฝีเท้า สองคิ้วขมวดแนบแน่น พร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปภายในร้านขายยาอย่างรวดเร็ว

        “เถ้าแก่ ท่านมีดอกโคมม่วงกับผลทรายเหล็กบ้างหรือไม่?” หยุนเช่อกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่เข้าไปภายในร้านยา พร้อมทั้งกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วทั้งบริเวณร้าน

        จากการมอง เถ้าแก่ร้านยาเพียงเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างเล็กและมีทีท่าเบื่อหน่าย สมุนไพรที่หยุนเช่อถามหา คือสมุนไพรพื้นฐานที่สุดในบรรดาตัวยาสมุนไพร ดอกโคมม่วงสามารถบรรเทาไข้ ผลทรายเหล็กสามารถสกัดเป็นตัวยาฟื้นฟูพลังลมปราณคุณภาพต่ำที่สุดได้ ทั้งสองสิ่งสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปและมีราคาย่อมเยา เถ้าแก่ร้านขายยาตอบกลับอย่างเฉื่อยชาว่า “มีอยู่ เจ้าต้องการเท่าไร?

        “อย่างละห้าชั่ง!” หยุนเช่อกล่าวอย่างรวดเร็วร้านยาจัดแจงห่อตัวยาทั้งสองเสร็จเรียบร้อยพร้อมโยนให้แก่ชายหนุ่ม “ทั้งหมดรวมเป็นยี่สิบเหรียญเหลือง”

        เมื่อวางเหรียญลงบนโต๊ะ หยุนเช่อรีบร้อนจากไป ชายหนุ่มเร่งเดินทางไปประตูเมืองทิศใต้โดยไม่หยุดยั้ง

        เซียวป้าผู้สะกดรอยตามชายหนุ่มมามิได้เร่งรีบกระทำการอันใด กลับกัน มันเดินตามหยุนเช่ออย่างเงียบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

        ทางออกประตูเมืองไม้ขจีปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกมันอย่างรวดเร็ว ทางทิศใต้ของไม้ขจีเป็นเขตภูเขาอันกว้างขวาง เรียกว่า เทือกเขามังกรแดง เทือกเขานี้อาศัยเต็มไปด้วยสัตว์อสูรลมปราณหลากชนิด เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย แม้กระทั่งหน่วยทหารของเมืองไม้ขจีและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งมีฝีมือในระดับหนึ่ง ยังไม่กล้าท่องเที่ยวเข้าไปภายในส่วนลึก เพียงแต่สำรวจอยู่บริเวณรอบนอกของเทือกเขาเท่านั้น เมื่อมีผู้เดินทางเข้าไปภายในส่วนลึกของขุนเขามังกรแดง ส่วนมากเผชิญพบกับสัตว์อสูรลมปราณชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ลงเอยด้วยการหลบหนีด้วยอัตราการรอดชีวิตที่น้อยนิด สาเหตุที่มันถูกขนานนามว่าเทือกเขามังกรแดง สืบเนื่องจากส่วนลึกที่สุดภายในเทือกเขา ปรากฏมังกรไฟยักษ์อาศัยอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้

        ทว่า นี่ล้วนเป็นเพียงตำนานที่ไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้มาก่อน มังกรเป็นสัตว์อสูรลมปราณชั้นสูง ดังนั้น แม้แต่มังกรระดับต่ำที่สุดยังคงนับได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง หากมันมีชีวิตอยู่จริงๆ ความเป็นไปได้ในการรอดชีวิตของผู้พบเห็นมันนั้นแทบเท่ากับศูนย์

        เมื่อเข้าสู่เขตเทือกเขามังกรแดง หยุนเช่อสูดลมหายใจลึก มือขวาโอบรัดถุงบรรจุยาสมุนไพรทั้งสองถุงที่ถูกซื้อมาจากร้านขายยาไว้ที่หน้าอก มือซ้ายประทับลงบนถุงยาพร้อมทั้งไข่มุกพิษสวรรค์ที่เปล่งประกายจากภายในฝ่ามือ… ทันใดนั้นเอง ยาสมุนไพรในฝ่ามือของชายหนุ่มย่อยสลายกลายเป็นชิ้นส่วนเล็กมากมายมหาศาล เมื่อหยุนเช่อยกฝ่ามือซ้ายขึ้น สิ่งที่เหลืออยู่บนฝ่ามือมีเพียงผงสีม่วงเข้มเล็กละเอียดเพียงเท่านั้น

        ดอกโคมม่วงไม่มีคุณสมบัติใดที่เป็นพิษ ผลทรายเหล็กเองก็ไม่ ดังนั้น แม้จะย่อยผสมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ก็ไม่มีพิษร้ายอันใด แม้มันจะมีพิษ พิษธรรมดาทั่วไปลักษณะนี้เพียงสามารถส่งผลเล็กน้อยต่อบุคคลที่บรรลุระดับลมปราณจิตเพียงเท่านั้น กระทั่งอาจไม่มีผลอันใดเลยด้วยซ้ำ

        ทว่า ผงยาที่เกิดจากการผสมผสานส่วนประกอบบางอย่างในดอกโคมม่วงและผลทรายเหล็กกลับระคายเคืองต่อดวงตาอย่างมาก หากสัมผัสถูกดวงตาเมื่อใด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีระดับลมปราณถึงขั้นไหน มันจะสูญเสียการมองเห็นไประยะหนึ่ง

        หยุนเช่อกำผงยาบนฝ่ามือพร้อมหันหลังกลับจ้องมองไปยังเซียวป้า ผู้ซึ่งปรากฏตัวราวกับภูตพรายห่างออกไปจากเบื้องหลังของชายหนุ่มไม่เกินสิบเมตร

        เซียวป้าแปลกใจเล็กน้อยที่หยุนเช่อสามารถรับรู้ถึงมันได้ มันจ้องมองไปทางหยุนเช่ออย่างสมเพชพร้อมทั้งกล่าวเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคือเซียวเช่อ ใช่หรือไม่เจ้าเศษสวะที่ถูกเตะกระเด็นออกจากตระกูลเซียว!”

        “ผิดแล้ว ชื่อของข้าคือหยุนเช่อ!” หยุนเช่อสบสายตากับมันอย่างปลอดโปร่ง บนใบหน้าไม่ปรากฏร่องรอยของความหวาดหวั่นใดๆ

        “เฮอะ!!” เซียวป้าไม่ให้ความสนใจอันใดต่อนามที่แท้จริงของหยุนเช่อ ทั้งไม่สังเกตสนใจถึงสีหน้าอันปลอดโปร่งสบาย เมื่อต้องจัดการกับเศษสวะเส้นลมปราณพิกลพิการเยี่ยงนี้ ยังต้องกังวลสนใจอันใดให้มากความ “ข้าได้รับคำสั่งจากนายน้อยให้ส่งเจ้าไปพบยมบาล! ชาติหน้า จำไว้ว่าจงอย่าได้ก่อเรื่องราวใหญ่โตที่เจ้าไม่อาจรับผิดชอบไหว!”

        เมื่อจบคำพูด ดาบสั้นเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเซียวป้า มันตวัดมือขวาอย่างรวดเร็วส่งดาบเข้าหาหยุนเช่อ ปรากฏเสียงหวีดบาดแก้วหู บังเกิดรอยแยกในอากาศตามทิศทางการวาดมือ…เซียวกวงหยุนต้องการให้มันทำลายโฉมหน้าของหยุนเช่อพร้อมทั้งตัดลิ้นชายหนุ่ม ทว่า สำหรับกับเซียวป้า แน่นอนว่ามันไม่มีความอดทนในการสิ้นเปลืองเวลาของมันกับเศษสวะเช่นหยุนเช่อ มันเกียจคร้านถึงระดับที่ไม่ยอมแม้แต่จะแตะตัวหยุนเช่อ เพียงเหวี่ยงดาบสั้นมาเบื้องหน้าโดยมีคอหอยของหยุนเช่อเป็นเป้าหมาย

        หยุนเช่อหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเห็นดาบสั้นบนปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเซียวป้า เมื่อมันตวัดมือขวามาเบื้องหน้า หยุนเช่อต้องอกสั่นขวัญหาย…ชายหนุ่มเตรียมพร้อมสำหรับการติดตามและโจมตีของเซียวป้า ทว่า ชายหนุ่มคาดคิดไม่ถึงว่าบุคคลซึ่งมีพลังฝีมือบรรลุถึงขั้นลมปราณจิต จะใช้อาวุธต่อบุคคลไร้ความสามารถเช่นตนเอง! ทั้งยังต้องการกำจัดฆ่าหยุนเช่อด้วยการซัดดาบใส่!

        ด้วยระดับพลังลมปราณอันน้อยนิดภายในร่างกาย หยุนเช่อจะสามารถหลบหลีกดาบที่ถูกซัดมาจากบุคคลที่บรรลุระดับลมปราณจิตได้อย่างไร?

        เจ้าเซียวป้าผู้นี้เสียสติหรือไรมันถึงกระทำการผิดแปลกสามัญสำนึกคนปกติเช่นนี้! ถึงขั้นจงใจใช้อาวุธเพื่อสังหารบุคคลไร้พลังยุทธ์อย่างข้า มันไม่มีความรู้สึกละอายใจหากผู้คนรู้เรื่องนี้หรืออย่างไรกัน?…หยุนเช่อก่นด่าสาปแช่งภายในใจอย่างไร้ทางสู้ เมื่อเงาดาบสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาของตนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จิตใต้สำนึกของชายหนุ่มกระตุ้นให้ร่างกายพยายามหลบหลีกจากอาวุธ ทว่าเงื่อนไขทางกายภาพอันแสนเชื่องช้าไม่อนุญาตให้ชายหนุ่มทำสำเร็จ…

        ชั่วขณะที่ดาบสั้นกำลังจะตัดเข้าสู่คอหอยของหยุนเช่อ พลันปรากฏเงาสีแดงสะท้อนประกายขึ้นแวบหนึ่งดุจสายฟ้า พร้อมทั้งพุ่งตรงไปยังเซียวป้า…

        วี้ดดดดดดดด~~~~~~~

        ดาบสั้นเล่มนั้นมิได้ตัดผ่านลำคอของหยุนเช่อ ทว่ากลับอันตรธานหายไปเฉยๆ! ทันใด เบื้องหลังของเซียวป้า พลันปรากฏเงาร่างเล็กอันรางเลือน นางหันหลังให้กับหยุนเช่อ สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวชุดหนึ่ง เปิดเผยข้อเท้าและเรียวน่องงดงามปานสลักเสลาจากหยก เรือนผมสีแดงทิ้งตัวลงจรดสะโพก กอปรเป็นมนต์เสน่ห์เย้ายวนอย่างหาที่เปรียบมิได้

        และในมือขวาของนาง คือดาบสั้นที่เซียวป้าเขวี้ยงมายังหยุนเช่อ!

        เด็กหญิงผู้นี้…เสื้อผ้า…และผมสีแดง…อย่าบอกนะว่า…

        เซียวป้ายังคงอยู่ในท่าซัดขว้างดาบสั้น ทั่วทั้งร่างแข็งค้างอยู่ในท่าเดิมท่ามกลางความเงียบสงัดอันน่าหวาดผวา มันมิได้หันหลังกลับไป สีหน้าแววตาล้วนปราศจากการเปลี่ยนแปลง ประดุจดังมันถูกหยุดเวลาเอาไว้ ความเปลี่ยนแปลงเพียงหนึ่งเดียว คือลูกตาดำของมันที่หรี่เล็กลงเทียบเท่าหัวเข็ม คล้ายกับว่าชั่วขณะนั้น มันได้พบเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้…

        เมื่อสายลมพัดผ่าน ร่างกายที่ยืนหยัดอยู่ของเซียวป้าพลันร่วงกระจายลงเป็นชิ้นตามกระแสลมพัดผ่าน…ถูกต้อง! มันร่วงหล่นแตกกระจาย ประดุจดังตัวต่อเป็นชิ้นที่ร่วงหล่นลงพื้นในคราเดียว กลับกลายเป็นแอ่งเลือดผสมผเสกับชิ้นส่วนเล็กนับไม่ถ้วน

        เมื่อสายลมพัดเข้าหาใบหน้าของหยุนเช่อ ที่นำคือพามากลิ่นคาวโลหิตอันเข้มข้น ชายหนุ่มตกตะลึงจนร่างกายแข็งค้างอยู่กับที่ เมื่อหยุนเช่อจับจ้องมองเบื้องหลังของเด็กสาว ลูกนัยน์ตาของชายหนุ่มหดตัวอย่างรุนแรง ลมหายใจขาดห้วง แม้แต่หัวใจก็แทบหยุดเต้น

        เสื้อผ้าที่สวมใส่และเส้นผมสีแดงเพลิงชี้ชัดว่านางคือเด็กสาวที่ชายหนุ่มได้พบเจอในคืนวันแต่งงานที่เขตภูเขาหลังตระกูลเซียว เด็กสาวผู้ซึ่งเข้าไปอยู่ในไข่มุกพิษสวรรค์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนางเข้าไปอยู่ในไข่มุกแล้ว นางไม่ได้สติมาตลอดเวลา…ทว่า ณ ขณะนี้ เด็กสาวกลับลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว นางออกจากไข่มุกพิษสวรรค์มาด้วยตนเอง ทั้งยังได้แสดงให้ชายหนุ่มเห็นฉากเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวที่สุดที่เคยพบมาบนดินแดนลมปราณฟ้านี้

        ชั่ว ณ วินาทีนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กสาวสามารถหยิบฉวยดาบสั้นที่เกือบจะตัดผ่านลำคอของหยุนเช่อ พุ่งตัวเข้าหาเซียวป้าและลงมือสังหาร…การกระทำทั้งหมดเพียงสามารถเห็นเป็นประกายแสงสีแดงที่คงอยู่เพียงชั่วเศษเสี้ยวของวินาทีเพียงเท่านั้น…ร่างกายของเซียวป้าถึงกับกลับกลายเป็นเศษเนื้อสับ การลงมือถึงขั้นนี้ จำต้องใช้การตวัดฟาดฟันอย่างน้อยหลายร้อยครั้ง…

        หรืออาจพูดได้ว่า เด็กสาวมิเพียงฉกฉวยดาบสั้นที่กำลังจะเชือดคอหอยของหยุนเช่อเมื่อครู่เท่านั้น นางยังสามารถใช้ดาบเล่มเดียวกันนั้นสับเฉือนเซียวป้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา

        นี่…นี่คือความสามารถของเด็กสาวคนหนึ่งอย่างนั้นรึ?

        ไม่! นี่คือความสามารถที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรมีได้เช่นนั้นหรือ?!!

        เคร้ง!

        “อุ๊…”

        ท่ามกลางความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดของหยุนเช่อ ดาบสั้นในมือของเด็กสาวพลันร่วงหล่นกระแทกพื้น พร้อมทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดประดุจดังสัตว์ตัวเล็กที่ถูกทำร้ายเปล่งออกมาจากริมฝีปาก ทันใดนั้นเอง ร่างกายของนางกลับค่อยขดตัวลงบนพื้นอย่างช้าๆ ร่างเล็กบอบบางของนางสั่นสะท้าน ดุจดังถูกเคลือบคลุมด้วยน้ำแข็งจากภายในร่างกาย…

        “พิษเทพสังหารอันน่าชัง…เราเจ้าหญิง…เหตุใด…จึงได้รับผลสะท้อนกลับ…ถึงเพียงนี้…แค่เพียงใช้พลังเล็กน้อยเพียงนี้เท่านั้น…อ๊า…”

        หยุนเช่อสืบเท้าเข้าใกล้อีกสองก้าวอย่างระมัดระวัง ทุกครั้งคราที่สายตาของชายหนุ่มเหลือบไปมองแอ่งเลือด ภายในใจของชายหนุ่มรู้สึกถึงคลื่นความเย็นยะเยือก…เด็กสาวผมแดงนี้เป็นใครกันแน่! เซียวป้าเป็นคนจากพรรคตระกูลเซียว พลังยุทธ์ขั้นต่ำของมันล้วนไม่ต่ำกว่าระดับลมปราณจิต! ถึงขั้นที่ไม่มีผู้ใดในเมืองเมฆาล่องสามารถเป็นคู่มือของมันได้ ทว่าเด็กสาวนางนี้กลับสามารถสังหารมันได้ภายในพริบตา!

        นี่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การมาถึงดินแดนลมปราณฟ้า ที่หยุนเช่อถูกทำให้แตกตื่นอย่างแท้จริง เมื่อชายหนุ่มมองไปยังภาพเบื้องหน้า ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นสิ่งเหนือจินตนาการ…เหนือกว่าจินตนาการอื่นใดของชีวิตทั้งสองชาติภพของตนเอง!!

        หยุนเช่อสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบจิตใจ ชายหนุ่มกัดฟัน พร้อมทั้งกล่าวออกมาในที่สุด “แม่นางน้อย ท่าน…ฟื้นแล้ว?

        เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเช่อ ร่างกายของเด็กสาวพลันหยุดการสั่นสะท้าน นางยืนหยัดขึ้นพร้อมทั้งหมุนตัวกลับมา เปิดเผยใบหน้าที่ละเอียดอ่อนประดุจตุ๊กตาเคลือบ แม้ว่าจะเป็นใบหน้าที่บอบบางอ่อนเยาว์และงดงามอย่างไม่อาจเชื่อสายตา ทว่าขณะนี้กำลังแสดงให้เห็นถึงสีหน้าของความเจ็บปวด นางจับจ้องมองหยุนเช่อพร้อมกล่าวด้วยสุ้มเสียงไพเราะเย็นชาว่า “ไม่น่าเชื่อจริงๆ ไข่มุกพิษสวรรค์กลับเลือกนายเป็นคนธรรมดาเช่นเจ้า! อย่าบอกข้านะว่าจิตวิญญาณแห่งสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว?

        หากจะพูดอย่างเจาะจง นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเช่อได้เผชิญพบหน้านางอย่างแท้จริง แม้ว่าชายหนุ่มจะได้เข้าไปหานางภายในไข่มุกพิษสวรรค์วันละสองสามครั้งมาตลอด หากเมื่อหยุนเช่อจับจ้องมองเด็กสาวในครั้งนี้ ชายหนุ่มยังคงไม่สามารถเคลื่อนย้ายสายตาของตนออกจากนางได้ นี่ล้วนสืบเนื่องจากความงามอย่างถึงที่สุดของเด็กสาว นางถึงกับงดงามจนแทบสามารถขโมยวิญญาณของบุรุษไป ทุกเส้นสายบนใบหน้าขาวราวหิมะของนางทั้งละเอียดอ่อนและสมบูรณ์แบบเหนือใดเปรียบ เป็นความงดงามที่บรรลุเกินความสมบูรณ์แบบในโลกหล้า

        ดวงตาของนางสดใสสะท้อนประกายระยิบระยับประดุจนิล ทว่ากลับคงความลึกล้ำดุจห้วงนภา จากภายในแววตาของนาง หยุนเช่อสามารถมองเห็นประกายแห่งความหยิ่งทระนง…ทว่ามิใช่ความหยิ่งทระนงอันไร้แก่นสารและอวดโอ่ลำพองในอำนาจเช่นเซียวกวงหยุน หากกลับเป็นความเย่อหยิ่งทระนงตนจากส่วนลึกในจิตวิญญาณ คล้ายกับว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านางแล้ว จิตวิญญาณทั้งหลายในโลกหล้าเป็นเพียงมดปลวก สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนมีค่าเทียบเท่าฝุ่นผงธุลีเพียงเท่านั้น

         

        ………………………………

         

        ภายในโรงเตี๊ยม เมืองไม้ขจี

        อาหารเรียกน้ำย่อย รวมทั้งอาหารจานหลักล้วนถูกนำมาจัดวางเรียบร้อย ทว่าเซียวป้ากลับยังไม่กลับมา

        เซียวกวงหยุนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ มันหัวเราะขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “ลงมือกับเศษสวะชิ้นหนึ่ง ถึงกับใช้เวลามากมายถึงเพียงนี้ อืมมม หรือมันอาจจะหลงทางเนื่งจากความไม่คุ้นเคยเซียวจิ่ว ไปดูสิ

        “ขอรับ นายน้อย!” เซียวจิ่วรับคำสั่งพร้อมทั้งยืนขึ้นก้าวออกจากประตูโรงเตี๊ยม จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทิศทางที่เซียวป้าผ่านไปก่อนหน้านี้

         

         

         

————————-

*ค่าเงินของทวีปลมปราณฟ้าแบ่งออกเป็นสามระดับคือ เหรียญเหลือง เหรียญเขียว และเหรียญม่วง

เหรียญม่วง = 100 เหรียญเขียว = 10,000 เหรียญเหลือง

มูลค่าอ้างอิง รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อปีของดินแดนลมปราณฟ้าอยู่ที่ 30,000 เหรียญเหลือง หรือ 3 เหรียญม่วง

Author aradeer