มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่5 บทที่ 133 ผ่านตรงสู่วังชั้นใน

         “ท่านเจ้าวังฉิน มาที่นี่มีธุระอันใด?” อาจารย์ฉีรีบตรงเข้าไปรับรองและสอบถามอย่างกระตือรือร้น

        ฉินอู๋ซางหัวเราะโดยไม่ตอบ กลับเบนสายตาไปหาหยุนเช่อ หลังจากใช้สายตาสำรวจชายหนุ่มแล้วจึงกล่าวออกมาว่า “หยุนเช่อ เจ้าเพิ่งพูดว่าจะท้าประลองกับมู่หรงอี้ในอีกสามเดือนให้หลัง เป็นเรื่องจริงหรือ? ถ้าเจ้าพลั้งปากพูดออกไปโดยมิได้คิดให้ถี่ถ้วน เจ้าถอนคำพูดตอนนี้ก็ยังไม่สาย”

        เรื่องที่ฉินอู๋ซางเรียกชื่อของมันได้อย่างถูกต้องนั้น หยุนเช่อไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพยักหน้ารับและกล่าวตอบว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งมู่หรงอี้ยังตอบตกลงแล้ว เมื่อท่านเจ้าวังฉินก็อยู่ที่นี่ ข้าขอรบกวนให้ท่านช่วยเป็นพยานให้กับเราด้วย ในวังยุทธ์วายุครามแห่งนี้ ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เป็นพยานได้มากกว่าท่านเจ้าวังฉินแล้ว”

        หลังจากศิษย์ใหม่ได้ทราบฐานะเจ้าวังของฉินอู๋ซางแล้ว พวกมันส่วนใหญ่ล้วนแสดงสีหน้านับถือเลื่อมใส ทว่าสีหน้าของหยุนเช่อไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย แววตาของชายหนุ่มสงบนิ่ง สุ้มเสียงมิได้อ่อนน้อม ทว่าก็มิได้แข็งกร้าว ประโยคที่ว่า “ข้าขอรบกวนให้ท่านช่วยเป็นพยานให้กับเราด้วย” นั้นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ราวกับมิได้กำลังพูดคุยอยู่กับจ้าววังยุทธ์วายุครามที่มีอำนาจสะเทือนฟ้าดิน หากทว่าพูดกับคนธรรมดาที่เดินสวนกันตามท้องถนน ปฏิกิริยาโต้ตอบเช่นนี้ทำให้ฉินอู๋ซางรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย เขาพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะและกล่าว “เจ้ามีระดับชั้นลมปราณก่อตั้งขั้นที่สิบ แต่กลับท้าประลองกับผู้อยู่ชั้นปราณแท้ขั้นที่เก้า ตลอดหลายปีที่ข้าอยู่ที่วังยุทธ์วายุครามแห่งนี้ เพิ่งเคยได้พบเห็นเรื่องน่าสนใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไม่เลวเลยเจ้าหนุ่ม นับว่าเจ้ามีทั้งความกล้าและความมุ่งมั่น ถ้าเจ้ามั่นใจว่าไม่ได้พูดเล่น ข้าก็ยินดีที่จะเป็นพยานให้”

        “มู่หรงอี้ เจ้าก็เพิ่งตอบตกลงเช่นกัน เรื่องนี้เจ้ามีคำถามอื่นอีกหรือไม่?” ฉินอู๋ซางเอ่ยถามมู่หรงอี้

        มู่หรงอี้หัวเราะ หากแต่เป็นการหัวเราะอย่างดูแคลนยิ่ง มันตอบอย่างเคารพ “เรียนท่านจ้าววัง แม้ว่าการตอบตกลงประลองกับมุสิกตัวเล็กตัวหนึ่งจะนับว่าเสียเกียรติไปบ้าง แต่อย่างไรมันก็ทำร้ายลูกผู้น้องของข้าก่อน หลังจากซีคงตู๋ห้ามมิให้ข้าล้างแค้นให้กับลูกผู้น้องของข้า แต่มันยังคงมาให้ข้ารังแกถึงที่ ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยอมรับ และเมื่อมีท่านจ้าววังเป็นพยานให้ด้วยตนเอง ข้าก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะกลับคำหลังจากถูกข้าทุบตีจนน่วม!”

        “ดีมาก” ฉินอู๋ซางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นก็เรียบร้อย เวลาประลองจะเป็นสิบโมงเช้าของอีกสามเดือนนับจากนี้ สถานที่ประลองคือที่แห่งนี้ ในเวลานั้นข้าจะมาดูด้วยตนเอง หยุนเช่อ ถ้าเจ้าแพ้เจ้าต้องไม่ปฏิเสธ ไม่ว่ามู่หรงอี้จะลงโทษเจ้าอย่างไร และห้ามเจ้าให้ใครขัดขวางเขาเป็นอันขาด นี่คือคำที่เจ้าเพิ่งกล่าวด้วยตนเอง ไม่อาจกลับคำ”

        “แน่นอน” หยุนเช่อตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหรี่ตามองมู่หรงอี้และพูด “แล้วถ้าข้าชนะล่ะ?

        “เจ้าชนะ? ฮ่าฮ่า…….ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มู่หรงอี้หัวเราะลั่น เหล่าผู้ชมรอบข้างก็ต่างหัวเราะเสียงดังสนั่น ศิษย์ใหม่ที่อยู่ระดับปราณก่อตั้งท้าประลองกับมู่หรงอี้แห่งวังยุทธ์ชั้นใน….และยังคิดจะชนะ? นี่เป็นเรื่องตลกที่ใหญ่สุดในใต้ฟ้านี้เป็นแน่

        มู่หรงอี้หัวเราะจนตัวโยน หายใจไม่ทันไปชั่วครู่ จนเวลาผ่านไปนาน มันจึงเริ่มพูดอย่างตะกุกตะกักสลับกับหัวเราะ “ข้าแพ้? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….ข้าจะแพ้? ถ้าข้า…แพ้ ข้าจะยอมรับบทลงโทษจากเจ้า! ไม่ว่าเจ้าสั่งให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

        “ข้าไม่ต้องการ” หยุนเช่อที่เผยสีหน้าดูถูกก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน “ถ้าเจ้าแพ้ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ายอมรับสามเงื่อนไข สามเงื่อนไขที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธเป็นอันขาด เจ้ากล้าหรือไม่?

        “กล้า! ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้าทำ! อย่าว่าแต่สามข้อ แม้จะสามสิบหรือสามร้อยข้อข้าก็ไม่ปฏิเสธ” มู่หรงอี้ตะโกนออกทันทีโดยไม่ลังเล จะให้เชื่อว่าหยุนเช่ออาจเอาชนะตนเองได้ มันยินยอมเชื่อว่าหมูปีนต้นไม้ได้ยังจะดีกว่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ก่อเกิดความสงสัยในใจของมัน คือการที่จ้าววังฉินอู๋ซางอยู่ๆกลับให้ความสนใจเป็นพยานให้กับเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตนเองเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเป็นการท้าประลองไร้ความหมายที่ถูกเริ่มขึ้นโดยคนโง่เขลาคนหนึ่ง

        “ดีมาก” ฉินอู๋ซางผงกศีรษะรับด้วยใบหน้าเปี่ยมแววสุภาพอ่อนโยน “หลายปีมานี้ วังยุทธ์วายุครามเราสงบสุขและรักษาขนบธรรมเนียมมาตลอด หลายปีมาแล้วที่ไม่มีการท้าประลองด้วยระดับฝีมือที่ห่างกันข้ามระดับชั้นเช่นนี้ เวลาสามเดือนสามารถก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงมากหลาย อาจบางทีสามเดือนหลังจากนี้ เจ้าอาจมีความสามารถต่อกรกับมู่หรงอี้ขึ้นมาได้ นี่ล้วนไม่มีผู้ใดสามารถแน่ใจได้ นับว่าทำให้ผู้คนต้องตั้งตารอคอยจริงๆ หยุนเช่อ เจ้าเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบพลังยุทธ์ของกลุ่มนี้ นี่หมายความว่าเจ้ามีพื้นฐานที่ดี ในการประลองทดสอบทักษะยุทธ์ เจ้ากลับสามารถก้าวข้ามขอบเขตของตนเองและเอาชนะเฟิงเยว่ได้ นี่หมายความว่าเจ้าเปี่ยมด้วยพรสวรรค์เชิงยุทธ์ และวันนี้ เจ้าท้าประลองกับมู่หรงอี้ นี่หมายความว่าเจ้าเป็นบุคคลที่มีทั้งความอหังการและความกล้าหาญ คุณลักษณะสำคัญทั้งสามประการที่เจ้าได้แสดงให้ประจักษ์นี้พิสูจน์ว่าเจ้ามีคุณสมบัติเป็นศิษย์คนสำคัญที่วังยุทธ์วายุครามเราต้องบ่มเพาะ”

        “ในฐานะรองจ้าววังยุทธ์ ข้าต้องการเห็นจริงๆว่า หลังสามเดือนผ่านไป เจ้าจะงัดเอาฝีมือใดมาต่อกรกับมู่หรงอี้ได้ มู่หรงอี้ฝึกตนในวังยุทธ์ชั้นในมาตลอด ดังนั้น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในช่วงเวลาสามเดือนนี้ หยุนเช่อ เจ้าไม่จำเป็นต้องมารายงานตัววันพรุ่งนี้ ระยะเวลาสามเดือนนับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แม้เจ้าจะเป็นศิษย์วังยุทธ์วายุครามอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม ทว่าเจ้ามิใช่ศิษย์ของวังยุทธ์ชั้นใดชั้นหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งศิษย์วังยุทธ์ชั้นนอก ชั้นกลาง หรือวังยุทธ์ชั้นใน แต่เจ้าสามารถเข้าออกวังยุทธ์ทั้งสามชั้นได้อย่างอิสระ และยังสามารถใช้ทรัพยากรของวังยุทธ์ชั้นในได้อย่างเต็มที่ ห้องพักของเจ้าจะถูกจัดไว้ให้อยู่ในเขตวังยุทธ์ชั้นในเช่นกัน”

        ชั่วขณะที่ฉินอู๋ซางกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา นอกจากตัวมันเองแล้ว กรามของทุกผู้คนต่างอ้าค้างด้วยความตกตะลึง แม้กระทั่งหยุนเช่อเองยังตื่นตระหนกอย่างยิ่ง..การอนุญาตศิษย์เข้าใหม่ ผู้มีพลังลมปราณเพียงชั้นปราณก่อตั้งให้สามารถใช้ทรัพยากรในวังยุทธ์ชั้นในได้อย่างไร้ข้อจำกัด ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของวังยุทธ์วายุคราม นี่นับเป็นครั้งแรกอย่างแท้จริง นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เหล่าศิษย์ใหม่ที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกเพียงสามารถใฝ่ฝันถึงเท่านั้น

        ฉินอู๋ซางไม่สนใจปฏิกิริยาของฝูงชนและกล่าวต่อ “ด้วยเหตุนี้ เจ้าและมู่หรงอี้จะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่เหมือนกันทั้งหมด ทั้งยังนับว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมระดับหนึ่งอีกด้วย สามเดือนหลังจากนี้ หากเจ้าชนะ เจ้าจะเข้าแทนที่ตำแหน่งของมู่หรงอี้ในลำดับเทพยุทธ์ และจะกลายเป็นศิษย์วังชั้นในอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าไม่เพียงถูกไล่ออกจากวังชั้นใน ภายหลังจากนั้นเจ้ายังจะไม่สามารถเข้าเป็นศิษย์วังชั้นในได้อีก แม้ว่าต่อไปเจ้าจะสามารถเพิ่มพูนพลังการฝึกฝนจนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ หยุนเช่อ เจ้ามีข้อโต้แย้งใดในข้อเสนอนี้หรือไม่?

        คำพูดตอนแรกของฉินอู๋ซางนับเป็นความกรุณาอย่างมากต่อหยุนเช่ออย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าคำพูดประโยคหลังกลับเพิ่มเงื่อนไขอันโหดร้ายอย่างยิ่งเข้าไป ดังนั้น ความไม่พอใจของผู้คนบางคนที่หยุนเช่อได้รับอนุญาตให้สามารถผ่านเข้าสู่วังยุทธ์ชั้นในได้ทันทีล้วนถูกกำจัดไป หยุนเช่อนับเป็นยอดอัจฉริยะที่สามารถเอาชัยต่อศิษย์วังยุทธ์ชั้นกลางได้ภายในวัยเพียงสิบหกปีเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะสามารถเข้าเป็นหนึ่งในศิษย์วังชั้นในหลังจากนี้ในไม่กี่ปีนับว่ามีความแน่นอน ทว่าหากชายหนุ่มเข้าร่วมเป็นศิษย์วังยุทธ์ชั้นในเป็นเวลาสามเดือนในตอนนี้และถูกโค่นพ่ายแพ้ แม้ว่าหลังจากนี้ชายหนุ่มจะมีสิทธิ์เข้าร่วมวังยุทธ์ชั้นใน หยุนเช่อเพียงสามารถรู้สึกสำนึกถึงความไร้ความสามารถและความผิดพลาดในอดีตของตนได้เท่านั้น

        หยุนเช่อเหลือบมองที่ฉินอู๋ซางและพยักหน้า “ได้ ข้าตกลง”

        หยุนเช่อเข้าใจ การที่เขาได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษนั้นย่อมต้องสืบเนื่องมาจากฉินอู๋โยวอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกัน หมายความว่านี่ล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับหลานเสวี่ยหลออย่างแน่นอน

        การที่ท่านรองเจ้าวังยุทธ์ออกหน้าด้วยตนเองเพื่อมัน ทั้งยังละเมิดธรรมเนียมปฏิบัติเก่าก่อนในการอนุญาตมันผ่านเข้าสู่วังยุทธ์ชั้นในล้วนไม่เคยปรากฏมาก่อน ….หยุนเช่อแน่ใจว่ากระทั่งฉินอู๋โยวที่เป็นพี่น้องแท้ ๆ ของฉินอู๋ซาง ฉินอู๋ซางยังไม่อาจตัดสินใจเช่นนี้เพื่อฉินอู๋โยว เช่นนั้นแล้ว คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ หลานเสวี่ยหลอ

        สถานะและเบื้องหลังของหลานเสวี่่ยหลอ แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่…

        “นี่……ใช่ไม่เหมาะสมเกินไปหรือไม่? สำหรับคนต่ำต้อยอย่างหยุนเช่อผู้นี้ มันมีอาศัยอะไรเข้าสู่วังยุทธ์ชั้นใน? นี่ล้วนไม่ต่างอันมดกับการอนุญาตคนชั้นต่ำเข้าถ้ำของหมาป่าหรือสิงโต!” มู่หรงอี้พูดขณะที่คิ้วของมันขมวดมุ่น

        “มู่หรงอี้ เจ้ามีข้อโต้แย้งอันใด?” ฉินอู๋ซางมองมู่หรงอี้อย่างเมินเฉย น้ำเสียงของมันสงบนิ่งเยือกเย็นเป็นปกติ ทว่ากลับแฝงด้วยแรงกดดันที่ทำให้ผู้คนใจเต้นระรัว

        มู่หรงอี้พลันใจสั่นสะท้านพร้อมทั้งรีบกล่าวว่า “ไม่! ศิษย์ไม่กล้าสงสัยในการตัดสินใจของเจ้าวังฉิน ศิษย์เพียงแต่….เพียงแต่กังวลว่าชื่อเสียงของวังยุทธ์ชั้นในจะเป็นมลทินเพราะเด็กที่มีระดับชั้นลมปราณก่อตั้งคนนี้”

        “เรื่องนี้ยุติแต่เพียงนี้ ภายในสามเดือนนี้ ต้องไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างเจ้าทั้งสอง เอาละ ดำเนินการสอบคัดเลือกต่อได้ ผู้อาวุโสฉี ข้าขอให้ท่านดูแลการทดสอบประเมินทักษะยุทธ์ของกลุ่มนี้ด้วยตนเอง ซีคงตู้ นำทางหยุนเช่อเข้าไปวังชั้นใน และช่วยมันจัดการที่พักอาศัย ขณะที่เจ้าสะสางเรื่องเหล่านี้ คำสั่งของข้าจะถูกถ่ายทอดผ่านหินสื่อสารเข้าสู่วังยุทธ์ชั้นในในทันที”

        หลังจากจบคำพูด ฉินอู๋ซางจ้องมองเข้าไปในตาของหยุนเช่ออย่างล้ำลึกและเตรียมที่จากไป หยุนเช่อพลันกล่าวออกว่า “เจ้าวังฉิน ศิษย์มีข้อขอร้อง”

        ฉินอู๋ซางรับรองสถานภาพหยุนเช่อในฐานะศิษย์วังยุทธ์วายุคราม หยุนเช่อจึงรู้สึกว่าต้องเรียกแทนตนเองเป็นศิษย์วังยุทธ์เช่นกัน ฉินอู๋ซางหมุนกายกลับมาก่อนกล่าวว่า “ข้อขอร้องอันใด?

        จากการจ้องตาเมื่อครู่ หยุนเช่อคล้ายได้รับคำใบ้ถึงหยุนเสี่ยวฝานผู้ที่ถูกโจมตีโดยฟงเยว่ ชายหนุ่มกล่าวว่า “ในการประเมินพลัง หยุนเสี่ยวฝานยังมิได้แสดงความสามารถของมันอย่างเต็มที่ มันถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสด้วยเจตนาร้ายของโดยฟงเยว่และไม่สามารถที่จะทำการประเมินต่อได้ หยุนเสี่ยวฝานเพิ่งอายุสิบห้าปี แต่มันเดินทางไกลมาที่นี่ด้วยตัวเอง หากมันต้องล้มเลิกการทดสอบประเมินเพียงเพราะเรื่องนี้ นี่นับว่าโหดร้ายทารุณและไม่ยุติธรรมจนเกินไป ดังนั้นศิษย์ขอร้องท่านเจ้าวังฉินให้โอกาสมันได้ทำการทดสอบหลังจากรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี”

        หยุนเสี่ยวฝานผู้ที่ใบหน้าซีดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสสากรรจ์พลันยกศีรษะของมันขึ้นมองมาที่หยุนเช่ออย่างซาบซึ้งใจ ประกายตาของมันสั่นไหวอย่างรุนแรง

        ฉินอู๋ซางมองที่หยุนเสี่ยวฝานและพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม “เข้าใจแล้ว อืมม์ แม้ว่ามันจะยังเยาว์ มันมีพื้นฐานพลังฝีมือไม่เลวและสมควรมีความสำเร็จในอนาคต วังยุทธ์วายุครามของข้าเองย่อมไม่ยินยอมสูญเสียบุคคลที่มีพรสวรรค์ ซีคงตู๋ หลังจากนี้ ให้เจ้านำตัวหยุนเสี่ยวฝานไปหอโอสถเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หลังจากมันได้รับการรักษาแล้ว อู๋โหย่ว ข้าจะให้เจ้าทดสอบความสามารถการต่อสู้ของเขาโดยตรง, เช่นนี้เป็นอย่างไร?

        ฉินอู๋โหย่วหัวเราะเบาๆ “แน่นอนไม่มีปัญหา”

        ดวงตาของหยุนเสี่ยวฝานคลอด้วยหยาดน้ำ มันดิ้นรนลุกขึ้น มันกล่าววาจาในขณะที่พยายามข่มกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง “ขอบ…..ขอบพระคุณ ท่านเจ้าวังฉิน ขอบคุณท่านอาจารย์ฉิน….พี่หยุน ขอบคุณ…”

        หลังจากที่มันกล่าวคำพูดนี้ออกมา ความรู้สึกทั้งหมดของมันพลันผ่อนคลายลงพร้อมกับหมดสติลงในทันที

        ชั่วขณะนี้ ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี สายตาทั้งหมดของพวกมันต่างมองมาที่หยุนเช่อด้วยความนับถือยกย่องเป็นพิเศษขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

        ฉินอู๋โหย่วและฉินอู๋ซางจากไป มู่หรงอี้เองทอดทิ้งมู่หรงเย่ไว้เช่นกันหลังจากส่งสายตาดูถูกไปให้หยุนเช่อ หยุนเช่อพยุงร่างหยุนเสี่ยวฝานขึ้นมาติดตามหลังซีคงตู๋ไป หลังจากนำหยุนเสี่ยวฝานไปยังหอโอสถ ชายหนุ่มจึงติดตามสู่วังยุทธ์ชั้นใน

        “ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ดูจากท่าทางสงบเยือกเย็นของเจ้าแล้ว ดูไม่คล้ายคนปัญญาอ่อนเลยแม้แต่น้อย” ซีคงตู๋กล่าวอย่างสับสน

        “มีคำพูดว่า “เมื่อเข้าตาจน คนย่อมต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด””หยุนเช่อตอบ “แรงกดดันยิ่งหนักหน่วง แรงกระตุ้นยิ่งมากขึ้น”

        “เมื่อเข้าตาจน คนย่อมต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด? แต่ที่เจ้ากำลังทำคือวิ่งเข้าหาความตาย!” ซีคงตู๋ส่ายศีรษะและพูดต่อ “เจ้ารู้ความแตกต่างระหว่างมู่หรงอี้กับตัวเจ้าหรือไม่? เจ้าทั้งสองมีพลังวัตรห่างกันถึงหนึ่งระดับชั้น! ในเวลาเพียงสามเดือน แม้ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะระดับโลก ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการฝึกปรือที่สุด ในสามเดือน เจ้าเพียงสามารถปีนขึ้นมาได้อีกสองขั้นเท่านั้น ที่ยิ่งกว่านั้นคือในสามเดือน เงื่อนไขและสภาพแวดล้อมในการฝึกฝีมือของเจ้ากับมู่หรงอี้ล้วนไม่มีใดแตกต่าง มู่หรงอี้ไม่เพียงมีแหล่งทรัพยากรจากวังยุทธ์ชั้นใน มันยังได้รับการสนับสนุนทรัพยากรมหาศาลมากมายจากตระกูลของมันอีกด้วย ความเร็วการพัฒนาของมันเพียงสามารถรวดเร็วกว่าของเจ้า! เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะสามารถงัดฝีมืออันใดออกมาสู้กับมู่หรงอี้!”

         

Author aradeer