มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่6 บทที่ 154 ความจริง

         “องค์หญิงชางเยว่ (จันทราคราม)…นางกลับเป็นถึง…องค์หญิงชางเยว่จริงๆ…” หยุนเช่อพึมพำอย่างซึมเซา ด้วยฐานะประชากรแห่งอาณาจักรวายุคราม แน่นอนว่าหยุนเช่อย่อมไม่มีทางไม่ทราบถึงชื่อเรียกขององค์หญิงชางเยว่ จักรพรรดิวายุครามองค์ปัจจุบัน ชางว่านเฮ่อมีพระราชโอรสเจ็ดพระองค์และพระราชธิดาหนึ่งพระองค์ องค์ชายรัชทายาทคือ “องค์ชายรัชทายาทมังกรคราม”ชางหลินและพระราชธิดาเพียงองค์เดียวคือ “องค์หญิงจันทราคราม”ชางเยว่ เมื่อชายหนุ่มยังอายุเยาว์ ตัวตนของพระจักรพรรดิและองค์หญิงล้วนไม่ต่างอันใดกับตำนาน แม้ว่าหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีเคยคาดฝันจินตนาการเป็นครั้งคราวว่าจักรพรรดิและองค์หญิงนั้นเป็นเช่นไร ทว่า ชายหนุ่มมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งกลับสามารถพบพานได้จริงๆ

        เด็กชายโดยทั่วไปมักมีจินตนาการพิเศษต่อ“องค์หญิง”เสมอ เนื่องเพราะคำว่าองค์หญิง เปรียบดั่งสัญลักษณ์ของความสูงศักดิ์ ความงามสง่า และความงดงาม เครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ไร้มลทินและความสูงส่งที่สุดของอิสตรีทั้งหลาย หยุนเช่อไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลานเสวี่ยหลอจะเป็นถึงองค์หญิงชางเยว่ที่ตนเองเคยคิดฝันและจินตนาการถึงนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อตอนยังเป็นทารก เช่นเดียวกับที่บุรุษอื่นๆล้วนใฝ่ฝันถึง

        หยุนเช่อแน่ใจว่าศักดิ์ฐานะที่แท้จริงของหลานเสวี่ยหลอย่อมต้องสูงส่งอย่างยิ่ง ทว่ายังมิเคยคาดเดาว่านางอาจเป็นถึงองค์หญิง เนื่องเพราะองค์หญิงถือกำเนิดจากราชวงศ์ ทั้งยังเป็นถึงพระธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระจักรพรรดิ แน่นอนว่านางย่อมต้องมีบุคลิกที่แสดงถึงการเป็นผู้ถูกเอาอกเอาใจและเย่อหยิ่งยโส ทว่า ชายหนุ่มกลับไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกนี้จากหลานเสวี่ยหลอได้เลย มีเพียงความนุ่มนวลอ่อนโยนและใจดีมีเมตตาเท่านั้น หญิงสาวปรารถนาดีต่อทุกผู้คน มิเคยอวดตนถือดี ทั้งยังไม่มีทางดูแคลนหรือมีอคติต่อผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อเห็นผู้อื่นประสบปัญหา ความคิดแรกของนางคือการยื่นมือช่วยเหลือ…การวางตัวเช่นนี้นับว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากองค์หญิงชางเยว่ที่ตนเคยจินตนาการถึง นางถึงกับทั้งใกล้ชิดสนิทสนม ทั้งอ่อนโยนนุ่มนวลยิ่งกว่าธิดาจากตระกูลขุนนางทั่วไปเสียด้วยซ้ำ

        นางคือองค์หญิงจันทราคราม….แต่ข้าเป็นเพียงคนพเนจรที่ไร้ซึ่งภูมิหลัง อิทธิพลหรือเชื้อสายตระกูลอันโดดเด่นที่มาจากเมืองเมฆาล่อง เหตุใดนางจึงปฏิบัติต่อข้าอย่างดียิ่งถึงเพียงนี้?

        “เมื่อนางเป็นถึงองค์หญิงจันทราคราม เหตุใดนางจึงไปยังเมืองจันทร์เสี้ยว?” หยุนเช่อกล่าวถามอย่างเลื่อนลอย

        ฉินอู๋โหย่วมิได้ตอบคำโดยตรง ทว่ากล่าวถามกลับ “หยุนเช่อ เจ้าทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์วายุครามหรือไม่?

        หยุนเช่อครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนผงกศีรษะเบาๆ “ข้าทราบเพียงเล็กน้อย ศิษย์พี่ซีคงเคยกล่าวให้ข้าฟังอย่างคร่าวๆ คล้ายว่าพระจักรพรรดิทรงประชวรหนัก ขณะที่รัชทายาทชางหลินและองค์ชายสามชางชว่อกำลังตระเตรียมตะลุมบอนเพื่อช่วงชิงบัลลังก์มังกร พวกมันต่างพากันสุมหัวรวมกับพรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตามลำดับ”

        เมื่อชายหนุ่มกล่าวถึงตอนนี้ หัวใจของชายหนุ่มบีบรัดตัว พระจักรพรรดิทรงประชวรหนัก…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดในส่วนลึกของนัยน์ตาหญิงสาวจึงมักซุกซ่อนแววเศร้าหมองไว้อย่างลึกล้ำ นี่เองคือสาเหตุ

        “ถูกต้อง” ฉินอู๋โหย่วผงกศีรษะรับ จากนั้นจึงวกเข้าสู่รายละเอียด

        “ราวสามปีที่แล้ว องค์จักรพรรดิทรงประชวรกะทันหันและไม่สามารถหายเป็นปกติได้ และไม่มีหมอคนใดในพระราชวังมีวิธีรักษา ข้าได้เชื้อเชิญหมอเทวดาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งนามกู่ชิวหงมา หลังจากตรวจและรักษาองค์จักรพรรดิ บทสรุปคือองค์จักรพรรดิได้ทรงงานมากเกินไปมานานหลายปีและมีอาการประชวรซ่อนอยู่ทั่วพระวรกาย เมื่อถูกความเย็นแทรกซึม อาการประชวรที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดได้แสดงอาการออกมาและได้ทำลายชีพจรชีวิตของพระองค์ทำให้พลังชีวิตของพระองค์อ่อนแออย่างมาก การทำลายชีพจรชีวิตไม่สามารถรักษาด้วยยาชนิดใดชนิดหนึ่งไม่มีวิธีอื่นยกเว้นได้รับการเสริมบำรุงตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยวัตถุบำรุงกำลังชั้นดีเท่านั้น”

        “พระอาการประชวรเป็นมานานแค่ไหนแล้ว? ถึงกับสามารถทำลายชีพจรชีวิตได้?” หยุนเช่อขมวดคิ้วมุ่นในทันที โรคประหลาดแบบนี้มีอยู่จริงๆ?

        “เหล่าแพทย์ฝีมือเยี่ยมหลายสิบคนทั่วทั้งอาณาจักรต่างถูกเชื้อเชิญมา พวกมันทั้งหมดล้วนลงความเห็นว่าพระจักรพรรดิมิได้ปรากฏพระอาการประชวรอันใด เพียงแต่พระวรกายกลับไร้สิ้นเรี่ยวแรง ผลสรุปเช่นนี้เป็นตัวพิสูจน์ว่าการวินิจฉัยของหมอเทวดากู่ชิวหงล้วนเป็นความจริง ทั้งกู่ชิวหงเองเคยกล่าวก่อนหน้านี้ ความเสียหายของชีพจรชีวิตล้วนไม่อาจรักษาเยียวยาได้ หากพระจักรพรรดิทรงบำรุงพระวรกายอย่างดี เช่นนั้นพระองค์อาจสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกห้าปีเป็นอย่างมาก ด้วยฐานะหมอเทวดามือหนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุคราม กู่ชิวหงไม่เคยพูดจาไร้แก่นสารเรื่องวิชาการแพทย์ ตอนนี้ผ่านมาเป็นเวลาสามปีแล้ว เดือนก่อน พี่ชายของข้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิ เมื่อท่านพี่กลับออกมา มันกล่าวว่าสีพระพักตร์ของพระองค์ย่ำแย่ยิ่ง ลมหายใจอ่อนโรย ไม่ต้องพูดถึงอีกสองปี แค่ปีเดียวยังไม่ทราบพระองค์สามารถรอดพ้นได้หรือไม่?

        หยุนเช่อ “ …… ”

        “หลังจากชีพจรชีวิตของพระจักรพรรดิประสบความเสียหายและทรงมิอาจลุกขึ้นจากพระแท่นบรรทมได้ ทั่วทั้งวังหลวงพลันบังเกิดมรสุม รัชทายาทชางหลินเริ่มต้นกระตุ้นเตือนจากทางด้านข้างเพื่อให้พระจักรพรรดิทรงสละราชสมบัติ ส่วนองค์ชายสามชางชว่อเพิ่มพูนความมุ่งมาดปรารถนาต่อบัลลังก์จักรพรรดิ ทั้งสองประมือกันอย่างลับๆในตอนแรก ทว่าเมื่อการต่อสู้ขยายวง ล้วนกลับกลายเป็นการเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย ทุกผู้คนในนครหลวงวายุครามต่างรับรู้โดยทั่วกัน องค์รัชทายาทได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ด องค์ชายสามได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายสี่ องค์ชายห้า และองค์ชายหก ทั้งสองฝ่ายใช้ทุกวิถีทางเพื่อยึดกุมอำนาจในวังหลวง กระทั่งถึงขั้นค่อยๆกลืนกินศูนย์กลางอำนาจของพระจักรพรรดิทีละเล็กทีละน้อย พวกมันทั้งสองล้วนคู่คี่ก้ำกึ่งกันตลอดมา ยังไม่มีฝ่ายใดสามารถสะกดข่มอีกฝ่ายได้โดยสิ้นเชิง”

        “เดิมที การต่อสู้ประเภทนี้เพื่อชิงราชบัลลังก์ล้วนเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งในวังหลวง มักเกิดขึ้นในช่วงก่อนการผลัดเปลี่ยนบัลลังก์ของจักรพรรดิองค์ใหม่ บทโหมโรงชนิดนี้ล้วนต้องบรรเลงออกมา พระจักรพรรดิทรงปล่อยให้มันเกิดขึ้นและไม่ใส่ใจเสมอมา ทว่า ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า เพียงเพื่อสะกดข่มฝ่ายพลพรรคขององค์ชายสามชางชว่อ องค์ชายใหญ่ชางหลินถึงกับยืมมือพรรคตระกูลเซี่ยว เพื่อตอบโต้ต่อฝีมือนี้ องค์ชายสามชางชว่อกลับดึงมือของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเข้ามาเช่นกัน”

        “เฮ้อ” ฉินอู๋โหย่วทอดถอนหายใจยาวนานพร้อมกล่าวว่า “พรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่างซุกซ่อนความปรารถนาของพวกมันมาอย่างยาวนาน หมายตาสิทธิอำนาจที่สามารถครอบครองทั่วหล้า พระราชวงศ์ล้วนรับมือกับพวกมันอย่างระมัดระวังยิ่งตลอดมา ทั้งราชวงศ์วายุครามเองมีสัมพันธภาพที่ดีกับหมู่บ้านกระบี่สวรรค์อยู่บ้าง เมื่อมีหมู่บ้านกระบี่สวรรค์ขัดขวางพวกมัน พรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนไม่มีความกล้าในการยึดอำนาจราชวงศ์วายุครามเช่นกัน แต่ทว่า การที่พวกมันยึดอำนาจโดยตรง กับการที่พระราชวงศ์ยินยอมหยิบยืมอิทธิพลของพวกมันล้วนเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างหลังนี้ พวกมันสามารถปล่อยให้อิทธิพลของพวกมันแทรกซึมเข้ามาในพระราชวงศ์ทีละเล็กทีละน้อยผ่านทางองค์ชายชางหลินและองค์ชายชางชว่อ เมื่อถึงเวลา แม้ว่าสกุลของพระราชวงศ์จะยังคงเป็นสกุลชาง ทว่าผู้กุมอำนาจหลักอาจเป็นพรรคตระกูลเซี่ยวหรือตระกูลอัคคีผลาญฟ้า กระทั่งหมู่บ้านกระบี่สวรรค์เองยังไม่อาจเอ่ยปากได้”

        “หากเป็นเช่นนั้น ยิ่งมีโอกาสสูงที่พรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเป็นผู้เริ่มต้นล่อลวงชางหลินและชางชว่อก่อน” หยุนเช่อกล่าวอย่างเยือกเย็น

        “ถูกต้อง” ฉินอู๋โหย่วผงกศีรษะ “พระจักรพรรดิทรงขุ่นแค้นอย่างยิ่งยวดเมื่อทรงทราบเรื่องราวนี้ ทว่านี่นับว่าสายเกินไป เนื่องเพราะในเวลานั้น ไม่ว่าองค์รัชทายาทชางหลินหรือองค์ชายสามชางชว่อ อิทธิพลอำนาจของทั้งสองต่างแพร่กระจายไปทั่ววังหลวง แม้ว่าพระองค์จะเป็นทั้งพระบิดาและพระจักรพรรดิ หากพระองค์กลับไม่สามารถบีบบังคับอันใดพวกมันได้อีกแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงพรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าซึ่งลอบช่วยเหลือพวกมันอย่างลับๆในอีกทางหนึ่ง ทั้งหมดนี้เกินเลยถึงขั้นที่หากพระจักรพรรดิมิได้ครอบครองศูนย์กลางอำนาจอันหยั่งรากฝังลึก และปราศจากการปกป้องจากหมู่บ้านกระบี่สวรรค์ องค์รัชทายาทชางหลินและองค์ชายสามชางชว่ออาจบีบคั้นพระองค์สละราชบัลลังก์ไปนานแล้ว”

        กล่าวถึงตอนนี้ ใบหน้าของฉินอู๋โหย่วเปี่ยมด้วยโทสะอัดอั้น หลังจากสงบจิตระงับใจ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดรวดร้าว “หลายปีมานี้ รัชทายาทชางหลินและองค์ชายสามชางชว่อกลับกลายเป็นบุคคลสำคัญในวังหลวง ขณะที่พระจักรพรรดินอนทอดพระวรกายบนแท่นบรรทมตลอดเวลา จนผู้คนแทบลืมเลือนพระองค์ไป ในบรรดาราชบุตรทั้งเจ็ดและราชธิดาอีกหนึ่งพระองค์ เพียงผู้เดียวที่ห่วงใยและเคียงข้างพระองค์จนถึงที่สุดอย่างแท้จริง เพียงหลงเหลือพระราชธิดาของพระองค์ องค์หญิงชางเยว่เพียงผู้เดียว เฮ้อ…. สามปีมานี้ นับว่าหนักหนาสาหัสสำหรับนางจริงๆ ยังนับเป็นโชคดีที่นางเป็นสตรีที่ปราศจากพลังอำนาจและไม่เป็นอุปสรรคต่อผู้ใด มิเช่นนั้น นางอาจได้รับคำสั่งลอบสังหารจากองค์ชายชางหลินหรือองค์ชายชางชว่อไปแล้ว”

        “นางต้องการขัดขวางองค์ชายชางหลินและองค์ชายชางชว่อจากการเชื้อเชิญสุนัขป่าเข้ามาในวังหลวง?” หยุนเช่อกล่าวอย่างเคร่งเครียด

        “นางเคยพยายามแล้ว หากต้องล้มเลิก เนื่องเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถขัดขวางเรื่องราวทั้งหมดได้” ฉินอู๋โหย่วสั่นศีรษะอย่างเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึก “ในการต่อสู้นี้ วังหลวงวายุครามยืนอยู่ตรงกลาง และเพียงทุ่มเทเพื่อพระจักรพรรดิเพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน เราเพียงเป็นผู้หนุนหลังเพียงหนึ่งเดียวขององค์หญิงชางเยว่ อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเหล่าศิษย์วังยุทธ์ทั้งหลาย พวกเราล้วนไม่สามารถควบคุมได้ ในบรรดาเหล่าศิษย์วังยุทธ์ชั้นในทั้งหนึ่งร้อยคนแล้ว มากกว่าครึ่งล้วนถูกผูกไว้ใต้ธงของรัชทายาทชางหลินและองค์ชายชางชว่อเรียบร้อยแล้ว นี่หมายรวมถึงลำดับเทพยุทธ์ที่สอง เฟิงปู้ฝาน และลำดับเทพยุทธ์ที่สาม ฟางเฟยหลงอีกด้วย”

        “องค์หญิงชางเยว่รับรู้ว่านางไม่มีทางหยุดความทะเยอะทะยานขององ์ชายรัชทายาทและองค์ชายสามได้ อำนาจของนางนั้นช่างไร้ความหมายแม้ว่าจะได้รับความร่วมมือจากองค์จักรพรรดิมาโดยตลอด สองปีมาแล้วที่นางตอบสนองความปรารถนาอันเศร้าโศกขององค์จักรพรรดิที่เหลืออยู่ นางเข้าร่วมวังยุทธวายุครามในฐานะ “หลานเสวี่ยหลอ” หลังจากมาอยู่ได้หนึ่งเดือน นางออกจากวังยุทธ์แห่งนครหลวงพร้อมทั้งเดินทางไปยังวังยุทธ์สาขาหลักในเมืองต่างๆทั่วราชอาณาจักร เพื่อค้นหาบุคคลที่จะมาช่วยพระบิดาของนางให้สำเร็จดังที่ปรารถนาไว้”

        เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ ฉินอู๋โหย่วจับจ้องแน่วนิ่งไปยังหยุนเช่อ

        “เช่นนั้น ข้าก็คือบุคคลที่นางตามหา?” หยุนเช่อกล่าววาจาด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ความปรารถนาของพระบิดาของนางคืออะไร? เหตุใดข้าจึงได้รับเลือก? เหตุใดนางจึงคิดว่าข้าสามารถทำให้พระบิดาของนางสมหวังได้?

        “ศึกประลองยุทธ์จัดอันดับวายุคราม” ฉินอู๋โหย่วกล่าววาจาออกมาอย่างเยือกเย็น

        คำพูดเหล่านี้ สั่นสะเทือนจิตใจของหยุนเช่อขึ้นอย่างฉับพลันทันที ชายหนุ่มกล่าวว่า “หรือจะเป็น…”

        “เฮ้อออ~~” ฉินอู๋โหย่วถอนหายใจครั้งหนึ่ง หลังจากมันเอ่ยถึงการประลองจัดอันดับวายุครามขึ้นมา สีหน้าของมันคล้ายคนสิ้นหวัง มันลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างไม้ไผ่ สองมือของมันไพล่หลังและกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “เมื่อกล่าวถึงวังยุทธ์วายุครามแล้ว ไม่มีผู้ใดไม่ทราบว่าวังยุทธ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยราชวงศ์วายุคราม มันเป็นสถานฝึกยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรวายุครามแห่งนี้ ทั้งเป็นดินแดนในฝันของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหลายแหล่ในจักรวรรดิเรา แต่อย่างไรก็ตาม อาณาจักรของเราเต็มไปด้วยพรรคน้อยใหญ่มากมายเราต้นไม้ในป่า ทั้งยังเต็มไปด้วยผู้เข้มแข็งนับไม่ถ้วน ในสายตาของเหล่าพรรคใหญ่ทั้งหลาย วังยุทธ์วายุครามเราล้วนไม่ต่างอันใดกับตัวตลก”

        “การประลองจัดอันดับวายุคราม เดิมทีมันถูกจัดขึ้นทุกๆ สิบปี ต่อมาการประลองถูกร่นระยะเวลาลงเป็นทุกๆห้าปี เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน มันร่นเวลาลงอีกครั้งเป็นทุกสามปี นับจากครั้งแรกที่มีการประลองเจ้ายุทธ์วังฟ้าครามจวบจนถึงตอนนี้ มันถูกจัดขึ้นมารวมเก้าสิบเก้าครั้ง ราชวงศ์วายุครามนับว่าเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของดินแดน เป็นธรรมดาที่มันย่อมถูกเชิญให้เข้าร่วมทุกครา อย่างไรก็ตาม จากการประลองที่ผ่านมาเก้าสิบเก้าครั้ง ไม่มีผู้ใดจากราชวงศ์วายุครามที่ติดอันดับหนึ่งในร้อย แม้แต่เพียงผู้เดียว ช่างเป็นเรื่องตลกอันน่าสมเพช . และเมื่อจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เสด็จขึ้นครองราชย์ ความปรารถนาสูงสุดของพระองค์คือการได้เห็นคนจากราชวงศ์วายุครามแทรกเข้าไปเป็นหนึ่งในร้อยในการประลองจัดอันดับวายุครามภายในรัชสมัยของพระองค์ . . . แต่ผ่านมาเกือบยี่สิบปีนับแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ มีการประลองวายุครามครามจัดขึ้นหกครั้ง แต่ความหวังของพระองค์ไม่เคยเกิดขึ้นจริงจวบจนตอนนี้ชีวิตของพระองค์ช่างริบหรี่ มันนับเป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของพระองค์ เพื่อช่วยให้องค์จักรพรรดิสมหวัง องค์หญิงชางเยว่ ออกจากพระราชวังเพื่อค้นหาผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เพื่อเป็นตัวแทนเข้าประลองของราชวงศ์และสามารถติดอันดับหนึ่งในร้อยของการประลองวายุคราม หลังจากใช้เวลาสองปีในการเฟ้นหา นางเลือกท่าน”

        ” . . .อย่างนี้นี่เอง . . . . . มันเป็นเช่นนี้เอง ”

        หยุนเช่อไขปริศนาว่าเหตุใดหลานเสวี่ยหลอจึงปฏิบัติดีต่อมันเป็นพิเศษ กระทั่งถึงขั้นยอมเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงมาช่วยมัน หลังจากที่มันรู้ความจริง มันไม่อาจเอ่ยออกมาได้ว่าภายในใจของตนเป็นความรู้สึกเช่นใด

        ” ราชวงศ์วายุคราม มีเคล็ดวิชาลับสืบทอดมาในราชวงศ์ เรียกว่าเคล็ดวิชาลับใจราชันย์ ‘ มีเพียงทายาทของราชวงศ์ผู้มีจิตใจเมตตาและบริสุทธิ์จึงสามารถฝึกฝน จากบรรดาองค์ชายหกพระองค์และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ องค์หญิงชางเยว่เพียงเป็นผู้เดียวที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาลับใจราชันย์จนสำเร็จ’ ด้วย ‘ เคล็ดวิชาลับใจราชันย์ ‘ ท่านจะสามารถหยั่งรู้ดวงชะตาและโชควาสนาของบุคคลได้ในระดับหนึ่ง องค์หญิงชางเยว่สมควรมองทะลุถึงเห็นโชคชะตาและวาสนาของเจ้าจาก ‘ เคล็ดวิชาลับใจราชันย์’ ประกอบกับความสามารถอันน่าตระหนกของเจ้าที่เมืองจันทร์เสี้ยว ทำให้นางตัดสินใจเลือกเจ้าโดยไม่ลังเล”

        หยุนเช่อ: ……

        “ตอนนี้ เจ้าเข้าใจคำว่า “ความตั้งมั่นแน่วแน่” ของข้าแล้วหรือไม่ ?” ฉินอู๋โหย่วหันกลับมากล่าวอย่างจริงจัง

        “ข้านับว่าทำความเข้าใจต่อเรื่องราวเบื้องต้นแล้ว อย่างน้อย ข้าจะเป็นตัวแทนของราชวงศ์วายุครามเข้าร่วมประลองจ้าวยุทธ์วายุครามเพื่อนาง” หยุนเช่อสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ไม่มีใครทราบถึงสิ่งที่มันกำลังคิด

        “ไม่ แค่จุดนี้ยังไม่สามารถตัดสินถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ในใจของเจ้าได้จริง ๆ อย่างไรเสีย การเข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับวายุคราม ผลลัพธ์มีเพียงสำเร็จหรือล้มเหลวเพียงเท่านั้น ทั้งยังไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงถึงความเป็นความตายอันใด” ฉินอู๋โหย่วกล่าวต่อ “สองปีก่อน การเฟ้นหาบุคคลที่เหมาะสมเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่องค์หญิงชางเยว่ออกจากเมืองหลวงไป แต่เหตุผลสำคัญที่สุด…คือเพื่อหลบหนีจากบุคคลที่น่ากลัว”

        “ผู้ใด ?” หยุนเช่อยกศีรษะขึ้น

        “อันดับที่สี่ในการประลองยุทธจัดอันดับวายุครามครั้งก่อน ——– บุตรคนโตของหัวหน้าพรรคอัคคีผลาญฟ้าเฟินต้วนหุน นายน้อยแห่งพรรคอัคคีผลาญฟ้า ——— เฟินเจวี๋ยเฉิง”

         

Author aradeer