เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวด้วยความจริงอย่างจริงจัง หลิวเฟินฟังแล้วสับสนงุนงงเหลือเกิน
“คุณน้าหลิว คุณน้ารู้แค่ว่าจะไม่มีบ้านฝานคนไหนมารบกวนเสี่ยวหลานอีกก็พอครับ ฝานเจิ้นชวนทำความผิด ทางหน่วยงานจะจัดการเขาเอง ตอนนี้เขาปกป้องตัวเองยังยากด้วยซ้ำ”
โจวเฉิงอธิบายอย่างตรงไปตรงมา หลิวเฟินเข้าใจแล้ว!
อามิตตาพุทธ เธอคิดถูกจริงๆ ว่าให้เซี่ยเสี่ยวหลานแต่งงานไปเขตเหอตงไม่ได้เด็ดขาด โจวเฉิงเป็นเด็กดีขนาดนี้ เสี่ยวหลานจะแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนได้อย่างไร? หลิวเฟินแยกไม่ออกว่าฝานเจิ้นชวนมีอำนาจหรือโจวเฉิงตำแหน่งสูงกว่ากัน ทว่าเธอเลือกลูกเขยโดยไม่ได้สนใจสิ่งนี้ ต้องยึดความประสงค์ของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นหลัก และค่อยพิจารณาว่าคุณธรรมจรรยาของฝ่ายชายเป็นเช่นไร ยังต้องพูดถึงคุณธรรมจรรยาของโจวเฉิงอีกหรือ เขาคือผู้มีพระคุณของหลิวหย่งเชียวนะ เสี่ยวหลานเองก็ชอบเขาด้วย
หลิวเฟินไม่ถามว่าหลิวฟางเป็นอย่างไรแม้แต่คำเดียว
เธอผิดหวังในตัวน้องสาวคนนี้อย่างรุนแรง เมื่อกระต่ายตื่นมันมักจะกัดคนทั้งนั้น หลิวฟางจะยกเซี่ยเสี่ยวหลานให้ตระกูลฝาน แตะต้องโดนเกล็ดใต้คาง [1] ของหลิวเฟินคนซื่อ มาบอกว่าเป็นน้าแท้ๆ อะไรกัน ถ้าอย่างนั้นเธอที่เป็นป้าคนนี้ก็สามารถแนะนำชายแก่กว่ายี่สิบปีให้เหลียงฮวน แถมตกลงเรื่องการแต่งงานเรียบร้อยโดยปิดบังบ้านเหลียงได้สินะ?
หลิวฟางไม่เห็นว่าเสี่ยวหลานเป็นหลานสาว แต่ถือว่าเป็นสิ่งของที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ได้ แล้วทำไมหลิวเฟินต้องเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาด้วยเล่า
จะใช้มีดทิ่มแทงหลิวเฟินก็ได้ เธออดทนจนชินชาแล้ว แต่ใช้มีดแตะเซี่ยเสี่ยวหลานแม้เพียงนิดเดียวไม่ได้ หลิวเฟินคิดว่าตอนอยู่ตระกูลเซี่ยทำให้เสี่ยวหลานต้องลำบากหนักหนาเพราะเธอไร้ประโยชน์ จึงปฏิบัติต่อลูกสาวอย่างยินยอมเชื่อฟัง… ใส่ใจห่วงใยหน่อยเป็นอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานคือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเธอนี่นา!
สิ่งที่น่าขายหน้ายิ่งกว่าคือ โจวเฉิงรับรู้เรื่องนี้เช่นกัน หลิวเฟินโมโหเหลือทน กลัวโจวเฉิงคิดว่าญาติพี่น้องฝ่ายหญิงไม่มีชิ้นดีสักคน และอาจดูแคลนเสี่ยวหลานได้
“ต่อไปนี้ไม่ต้องติดต่อกับน้าของลูกนะ เจอกันหน้ากัน ก็ไม่ต้องทักทายเธอด้วย เรื่องนี้แม่เป็นคนพูดเอง ต่อให้ตากับยายลูกโกรธเคืองอยู่ในโลกหน้า พอแม่ตายค่อยอธิบายกับพวกเขาในโลกหน้าด้วยตัวแม่เอง!”
นานๆ ทีหลิวเฟินจะลั่นวาจาเด็ดเดี่ยวแบบนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวมารดาขุ่นเคืองจนเป็นผลเสียต่อร่างกาย รีบโอบบ่าของหลิวเฟินไว้ทันที
“เรื่องราวมันผ่านไปหมดแล้ว คนอย่างน้าเขาหัวสูง แม่คอยดูเถอะ ในอนาคตเขาจะต้องอิจฉาแม่บ่อยๆ เชียวล่ะ!”
สำหรับผู้หญิงจะเปรียบเทียบอะไร ไม่พ้นเปรียบสามีหรือบุตรชายหญิงหรอกหรือ
หากเปรียบเทียบการเลือกสามี หลิวเฟินไร้โชคนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากแต่งงานโดยการคลุมถุงชน ใครจะรู้ว่าได้เจอกับพวกคนร้ายกาจทั้งตระกูลเซี่ย?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กล้าพูดถึงประเด็นอื่น ทว่าหากจะเทียบบุตรสาว ด้วยไอคิวและอีคิวระดับนั้นของเหลียงฮวน ถ้าภายภาคหน้าสามารถอยู่ดีมีสุขกว่าเธอได้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะปาดคอลบบัญชีชีวิตนี้ทิ้งและเกิดใหม่เลย!
ชีวิตของเธอกับมารดามีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับหลิวฟางผู้จองหอง คนที่เธอเคยดูถูกในตอนแรกมีชีวิตสุขสบายขึ้นทุกวัน นั่นมันเจ็บแสบยิ่งกว่าตบหน้าหลิวฟางเสียอีก คนประเภทนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเคยพบเจอมาไม่น้อย ย่อมรู้ว่าควรรับมืออย่างไรเป็นธรรมดา
เซี่ยเสี่ยวหลานพาหลิวเฟินไปดูสุนัขทั้งสองตัว พร้อมแสดงการออกคำสั่งที่เพิ่งเรียนรู้เมื่อครู่ เมื่อหลิวเฟินเห็นสุนัขทั้งสองตัวนี้ว่านอนสอนง่ายมาก รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก นี่คือสุนัขที่ไหนกันเล่า ฉลาดเฉลียวสู้เด็กน้อยได้เลยทีเดียว
ยังไม่ทันรู้สึกโกรธ ก็นึกได้อีกครั้งว่าโจวเฉิงทำสิ่งที่ดีเพื่อเซี่ยเสี่ยวหลานมากมายขนาดนี้ ยิ่งมองโจวเฉิงยิ่งโปรดปราน
“เสี่ยวโจว เธอดูสิว่าตัวเองเป็นถึงข้าราชการใหญ่แบบนั้น ยังต้องมาทำเรื่องพวกนี้อีก…”
ความละเอียดลออเหมาะสมต่อสตรี ใครจะเทียบเทียมโจวเฉิงได้เล่า เซี่ยเสี่ยวหลานแค่ต่อสายหา เขารีบจากปักกิ่งมาโดยพลัน ไม่มีท่าทีวางมาดของคนเป็นข้าราชการแม้แต่นิดเดียว ตอนกินข้าวก็คีบอาหารให้เซี่ยเสี่ยวหลานก่อน อีกทั้งถกแขนเสื้อลงครัวเอง ทั้งที่เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง แล้วยังจะต้องการให้โจวเฉิงทำอะไรให้อีก?
เอาเป็นว่าเซี่ยต้าจวินไม่เคยทำกับเธอเช่นนี้เลย
หลิวหย่งกับหลี่เฟิ่งเหมยรักใคร่กลมเกลียวกันดี ทว่าตอนทั้งสองเพิ่งแต่งงานก็มีทะเลาะเบาะแว้งบ้าง และหลิวหย่งไม่ได้ถึงขั้นคีบอาหารให้หลี่เฟิ่งเหมยต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้
ส่วนหลิวฟางคบกับผู้มีสถานะสูงกว่าจนสมรสเข้าตระกูลเหลียง หากเหลียงปิ่งอันไม่ชอบเธอ หลิวฟางจะเข้าบ้านได้อย่างไร? แต่เมื่ออยู่นอกบ้าน หลิวฟางยังต้องปรนนิบัติเหลียงปิ่งอันอยู่ดี
พอมาถึงโจวกลับกลายเป็นกลับหัวกลับหางทั้งหมด หลิวเฟินจะไม่โปรดปรานชายหนุ่มคนนี้ได้หรือ?
โจวเฉิงได้รับการยอมรับจากว่าที่แม่ยาย คิดแค่ว่าโอกาสที่ตนเองจะได้แต่งงานกับภรรยาเพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น เขาจะวางท่ามัจจุราชโจวต่อหน้าหลิวเฟินเพื่ออะไร วางอำนาจแล้วจะได้แต่งงานหรือ? เส้นทางที่เขาเลือกนี้ถูกต้องแล้ว ถ้าอยากได้บุตรสาวของผู้อื่นมาครอง ก็ต้องปฏิบัติต่อหลิวเฟินที่เป็นญาติผู้ใหญ่จากใจจริง
จะปฏิบัติดุจดั่งมารดาก็ยังไม่เหมาะสม ท่าทีที่โจวเฉิงปฏิบัติต่อมารดาของเขาไม่ได้ระมัดระวังขนาดนี้ด้วยซ้ำ มารดาบังเกิดเกล้าเคืองลูกชายได้หรือ!
“น้าหลิว ผมไม่ใช่ข้าราชการใหญ่โตอะไรหรอก ผมเป็นแค่เจ้าหน้าที่ธรรมดา ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าผมในหน่วยงานมีอยู่ถมเถไป ผมก็ต้องรับคำสั่งจากคนอื่นเหมือนกัน ไม่ว่าผมจะมีตำแหน่งอะไรในอนาคต อย่างไรเสียเสี่ยวหลานก็คือผู้บังคับบัญชาที่แท้จริงของผม จุดนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงครับ!”
คำพูดไม่กี่ประโยคของโจวเฉิง ทำเอาหลิวฟางยิ้มแย้มเบิกบานด้วยความปลาบปลื้ม
ปากหวานเสียเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับสงสัยว่าคนคนนี้เรียนรู้กระบวนท่ามาจากไหน คนที่หลงกลเข้าไปไม่ได้มีเพียงมารดาของเธอ กระทั่งตัวเธอเองได้ฟังแล้วยังรู้สึกสบายใจ หลิวเฟินกุลีกุจอจะหุงหาอาหารต้อนรับโจวเฉิง เวลาโจวเฉิงอยู่บ้านมีคุณป้าผู้ดูแลคอยทำอาหารให้ด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นก็ยินดีมากที่จะก่อไฟให้หลิวเฟินในครัวบ้านย่าอวี๋
หากแม่เขารับรู้ต้องร้องไห้แทบขาดใจแน่ เขาว่ากันว่ามีภรรยาแล้วลืมมารดา นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งภรรยา ดูท่าโจวเฉิงเกือบลืมว่าตนเองแซ่โจวแล้ว คนไม่รู้คงนึกว่าเขาเป็นบุตรชายของหลิวเฟิน
“เสี่ยวหลาน ในบ้านไม่เหลือซีอิ๊วแล้ว ลูกไปตักซีอิ๊วกลับมาหน่อย”
“ได้จ้า”
หลิวเฟินทำอาหารได้ครึ่งหนึ่ง ก็พบว่าซีอิ๊วหมดแล้ว
ทำไมถึงพูดว่า ‘ตักซีอิ๊ว’ น่ะหรือ ซีอิ๊วในปัจจุบันล้วนจำหน่ายปริมาณมากโดยไม่มีการบรรจุ ในปี 84 ซีอิ๊วหนึ่งชั่งราคาเพียง 1 เหมา 6 เฟิน แค่มีขวดก็ไปตักที่ร้านขายอาหารแห้งได้
เซี่ยเสี่ยวหลานคว้าขวดซีอิ๊วมา โจวเฉิงกำลังมองเธอ หลิวเฟินนึกถึงคำพูดของพี่สะใภ้ และรีบอนุญาตให้โจวเฉิงตามไปด้วยอีกคน
“ไข่ไก่ในบ้านหมดแล้วเหมือนกัน เสี่ยวโจวก็ไปด้วยสิ ช่วยเสี่ยวหลานหิ้วไข่กลับมาหน่อย”
โจวเฉิงตอบรับด้วยเสียงสดใสฟังชัดเป็นพิเศษ ดีอกดีใจยิ่งกว่าถูกผู้บังคับบัญชาขานชื่อชื่นชมขณะฝึกซ้อม
โจวเฉิงแย่งขวดซีอิ๊วไปจากมือของเซี่ยเสี่ยวหลานอีกด้วย ราวกับขวดแก้วขวดหนึ่งจะทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเหนื่อยล้า พอทั้งสองเพิ่งก้าวพ้นประตูบ้าน เซี่ยเสี่ยวหลานก็หยิกเนื้อนิ่มบริเวณเอวของเขา
“เรียนลิ้นลมมาจากไหนกันนี่ แม่ฉันถูกเธอกล่อมจนเกือบเชื่อทุกอย่างแล้ว!”
“ฉันแค่พูดความจริง เธอคือหัวหน้าของฉัน ตอนนี้หัวหน้ามีคำสั่งอะไรครับ?”
โจวเฉิงก้มหน้ามองเธอ ริมฝีปากยกขึ้น ไม่รู้ว่าทำไม ยามได้อยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลาน เขามีความสุขมากเหลือเกิน อย่าว่าแต่ให้เขาออกไปตักซีอิ๊วหรือซื้อไข่ไก่ ต่อให้ใช้เขาหยิบจอบเสียมขึ้นมาขุดพื้นคุ้ยดิน คาดว่าเขาคงมีแรงกายที่ใช้ไม่หมดไม่สิ้น
เขาจูงมือเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเปิดเผย โต๋เต๋มายังร้านอาหารแห้ง และวางขวดซีอิ๊วไว้บนโต๊ะหน้าร้าน
“อาจ๊ะ ซีอิ๊วหนึ่งชั่ง กับไข่ไก่อีก 20 ใบจ้ะ”
ผู้คนที่มาซื้อของในร้านอาหารแห้งแห่งนี้คนไหนไม่ใช่ผู้อาศัยบ้านใกล้เรือนเคียงบ้าง โจวเฉิงดูไม่เข้ากับสถานที่ซึ่งมีผู้หญิงเป็นหลักนี้เลย เขาร่างกายสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งกำลังจับมือของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่
นี่คือชายหนุ่มคนนั้นที่ภรรยาหูหย่งไฉพูดถึงสินะ!
และมีเพียงหญิงสาวแสนสวยเซี่ยเสี่ยวหลานผู้นี้เท่านั้น ถึงจะหาคู่หมายหนึ่งในร้อยแบบนี้ได้ ธุระปะปังที่พวกผู้ชายต่างรำคาญที่จะการทำ ข้าราชอย่างเขาก็กำลังทำอยู่มิใช่หรือ? แถมเขายังทำอย่างสบายใจด้วย ณ เวลานี้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นที่อิจฉาตาร้อนของผู้หญิงทั้งร้านอาหารแห้ง!
“เธอคือเสี่ยวหลานที่อยู่บ้านย่าอวี๋สินะ คนรักเธอหล่อจริงๆ เลย พ่อหนุ่มอยู่หน่วยงานไหนล่ะ?”
ดูสิ มีคนเริ่มทักทายก่อนแล้ว ไม่ใช่เพราะต้องการแทรกกลางความสัมพันธ์ แต่อยากสอบถามเท่านั้น ว่าโจวเฉิงมีเพื่อนร่วมงานที่เหมาะสมจะแนะนำให้หรือเปล่า ด้วยอาชีพของโจวเฉิงนี้ ขอแค่ความประพฤติดีก็จะเป็นที่นิยม และแน่นอน หากหล่อได้สักครึ่งของโจวเฉิง นั่นยิ่งน่าพอใจเข้าไปใหญ่!
เชิงอรรถ
[1]逆鳞 เกล็ดใต้คาง ตามตำนานโบราณกล่าวว่า ใต้คางมังกรจะมีเกล็ดทรงจันทร์เสี้ยวสีขาวขนาดราวฝ่ามืออยู่ และเกล็ดนี้จะขึ้นย้อนสวนแนวกับเกล็ดอื่นบนกายของมังกร เป็นจุดที่บอบบางและหวงแหนของมังกร แค่มีใครโจมตีโดนบริเวณนั้น มังกรจะโมโหมาก จึงนำมาเปรียบเทียบถึง ของรักของหวงที่ไม่ให้ใครแตะต้อง เรื่องที่ไม่อนุญาตให้คนอื่นกล่าวถึง หรือขอบเขตที่ไม่ต้องการให้ใครรุกล้ำเข้ามา