มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 94 การเผชิญหน้าของศัตรู

        วันถัดมา ซูเจี่ยนอันตื่นเช้ากว่าปกติ เธอพลิกตัวไปมาพยายามข่มตาหลับอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะมองนาฬิกา

        เจ็ดโมงสี่สิบห้านาที

        ถ้าออกจากห้องตอนนี้ คงได้เจอกับลู่เป๋าเหยียนสินะ

        เธอเปิดประตูห้องออกไป แล้วก็เป็นไปตามคาด ลู่เป๋าเหยียนเองก็เพิ่งออกจากห้องของตนเช่นเดียวกัน เขาพาดเสื้อสูทไว้กับแขนอย่างสบายๆ ท่อนขายาวก้าวตรงไปยังบันไดทางลงพลางติดกระดุมแขนเสื้อ

        กิริยาที่ไม่เชื่องช้าแต่ก็ไม่ได้ดูรีบร้อนนั้นไม่ว่าใครก็ทำได้ แต่เมื่อเจ้าของอากัปกิริยาคือลู่เป๋าเหยียน กลับทำให้ทุกอย่างดูสง่างามและดึงดูดสายตาคนมองไปหมด

        กอปรกับใบหน้าหล่อเหลาได้รูปของเขาด้วยแล้ว ช่างเป็นภาพที่ทำให้คนมองลืมหายใจเอาได้ง่ายๆ

        ซูเจี่ยนอันยืนเพ้ออยู่สักพักก่อนจะดึงสติกลับมาได้ ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะทักทายเพื่อทำลายความอึดอัดที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างไรดี ลู่เป๋าเหยียนก็เดินผ่านหน้าเธอไปสีหน้านิ่ง โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

        “…”

        เฮ้จะเก๊กอะไรนักหนาเนี่ยตาบ้า

        ได้ จะเล่นสงครามเย็นใช่ไหม ถึงอย่างไรพวกเธอก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วนี่

        ซูเจี่ยนอันเดินกลับเข้าไปนอนในห้องอย่างโมโห ต่อให้ท้องร้องหิวแค่ไหนเธอก็ไม่ยอมลงไปกินข้าว จนกระทั่งเก้าโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ลู่เป๋าเหยียนออกไปบริษัทแล้ว เธอถึงยอมลงไปข้างล่าง

        หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าลู่เป๋าเหยียนรู้ว่าเธอตื่นแล้ว เขาคงมาเรียกเธอไปกินข้าวสินะ

        เธอรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก ซูเจี่ยนอันไม่อยากนอนอยู่เฉยๆ ที่บ้านอีกต่อไป เลยสะพายกระเป๋าและขับรถออกไปข้างนอก หลังขับรถวนรอบหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ชมนกชมไม้จนพอใจแล้ว ซูเจี่ยนอันก็โทรหาลั่วเสี่ยวซี

        “ว้าว ทำไมว่างโทรหาฉันได้ล่ะ” เสียงของลั่วเสี่ยวซีดูหอบเหมือนกำลังออกกำลังกายอะไรอยู่สักอย่าง “เธอไม่ไปช่วยงานบอสลู่ที่บริษัทแล้วหรือไง”

        “เธอลางานได้หรือเปล่า” ซูเจี่ยนอันพูดเสียงเบา “ออกมาเจอกันหน่อยสิ”

        พวกเธอคบกันมาเป็นสิบปี ลั่วเสี่ยวซีรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของซูเจี่ยนอันทันที

        “ได้ งั้นเจอกันที่เก่า เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วตามไป”

        “อืม” ซูเจี่ยนอันตอบก่อนจะดึงบูลทูธออก และขับรถออกจากหมู่บ้านไป

        พวกเธอทั้งสองคนถึงคาเฟ่เวลาไล่เลี่ยกัน

        ลั่วเสี่ยวซีมองซูเจี่ยนอันอยู่นาน สายตาของซูเจี่ยนอันในวันนี้ดูไม่ค่อยสดใส เธอหลุบตาลงพลางใช้นิ้วเรียวเขี่ยโต๊ะวนไปวนมา ราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี

        ลั่วเสี่ยวซีจึงถามขึ้นตรงๆ ว่า “เธอกับลู่เป๋าเหยียนมีอะไรกันหรือเปล่า”

        มือที่กำลังวาดโต๊ะหยุดลงทันที ซูเจี่ยนอันมองลั่วเสี่ยวซีอย่างแปลกใจ

        “ทำไมเธอถึงเดาว่าฉันกับตานั่นมีปัญหากันล่ะ ไม่คิดว่าฉันมีปัญหาเรื่องงานบ้างหรือไง”

        “เฮอะ” ลั่วเสี่ยวซีดื่มชานมของตนก่อนเอ่ย “ถ้างานเธอมีปัญหาป่านนี้เธอคงไปขลุกอยู่กับศพในห้องเย็นของเธอแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้นอกจากลู่เป๋าเหยียนแล้วจะมีใครทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้อีกล่ะ”

        ซูเจี่ยนอันก้มหน้า ก่อนจะเริ่มเขี่ยโต๊ะอีกรอบ

        “เธอยังดูออกเลย แล้วทำไมเขาถึงดูไม่ออกกันนะ เสี่ยวซี เธอว่า…ถ้าฉันสารภาพกับเขาไปเลยตรงๆ ฉันกับเขาจะเป็นยังไง”

        “คุณพระ…”

        ลั่วเสี่ยวซีตกใจจนแทบจะกลิ้งตกจากโซฟา

        ตอนสิบขวบซูเจี่ยนอันเริ่มสนใจในตัวลู่เป๋าเหยียน พออายุสิบหกก็เริ่มรู้ตัวว่าชอบเขา หลังจากนั้นก็ได้แต่งงานกันตอนอายุยี่สิบสี่…เวลากว่าสิบสี่ปี ที่ซูเจี่ยนอันก็ซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้ ขนาดเพื่อนสนิทที่สุดอย่างเธอยังไม่คิดจะบอก

        คนที่ไม่รู้จักเพื่อนเธอคนนี้ดีอาจจะคิดว่าซูเจี่ยนอันเป็นคนจืดจาง ตั้งแต่ม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัย หนุ่มๆ ที่ตามจีบซูเจี่ยนอันมีเป็นขบวน แต่ทุกครั้งเพื่อนเธอจะปฏิเสธพวกเขาอย่างนุ่มนวลทว่าเด็ดขาด ทุกครั้งที่ได้รับจดหมายรักก็มักจะคืนเจ้าของไปโดยไม่เปิดอ่านสักนิด

        ยิ่งซูเจี่ยนอันเป็นแบบนั้น ผู้ชายที่ตามจีบก็ยิ่งเยอะขึ้น จนพวกผู้หญิงเริ่มอิจฉา และแอบนินทาลับหลังว่าซูเจี่ยนอันเป็นคนถือตัวและหวังสูง

        แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสายวิทย์ที่ใช้สมการเป็นตัวพิสูจน์ความรักของพวกเขา หรือคุณชายไฮโซที่ขับรถสปอร์ตมาพร้อมช่อดอกกุหลาบ เพื่อนเธอคนนี้ก็ปฏิเสธด้วยท่าทีเดียวกันหมด ใช่ว่าจะสนใจแต่คนรวยเสียที่ไหน

        ทุกครั้งที่ซูเจี่ยนอันได้ยินคำนินทาลับหลังเหล่านี้ เธอก็มักจะสวนกลับอย่างไม่ไว้หน้า นานวันเข้า ผู้หญิงพวกนั้นจึงเริ่มเชื่อว่า ซูเจี่ยนอันคงไม่คิดจะคบใครจริงๆ และได้รู้ว่าหญิงสาวที่ภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรอย่างซูเจี่ยนอัน แท้ที่จริงแล้วเป็นคนทะนงตัวขนาดไหน

        มีเพียงลั่วเสี่ยวซีเท่านั้นที่รู้ว่า ซูเจี่ยนอันนั้นหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนมากพอๆ กับความรักที่มีต่อลู่เป๋าเหยียน

        และความรักเหล่านั้น ก็ยิ่งทำให้เพื่อนเธอคนนี้รู้สึกว่าตัวเองด้อยคุณค่า

        ซูเจี่ยนอันมักจะรู้สึกว่าตัวเองกับลู่เป๋าเหยียนนั้นอยู่คนละชั้น จึงไม่เคยคาดหวังว่าตนกับลู่เป๋าเหยียนจะได้คบกัน เลยได้เก็บความลับเรื่องที่ตัวเองชอบลู่เป๋าเหยียนเอาไว้ ต่อให้แต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนแล้วก็ตาม ซูเจี่ยนอันก็มักจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ปลายทางของการแต่งงานในครั้งนี้ก็คือการหย่าร้าง

        แต่ตอนนี้ ซูเจี่ยนอันกลับบอกว่าจะสารภาพรักกับลู่เป๋าเหยียน

        ลั่วเสี่ยวซีเบิกตากว้างอย่างตกใจ “ทำไมอยู่ดีๆ คิดจะสารภาพล่ะ เพี้ยนไปแล้วเหรอเธอ”

        ซูเจี่ยนอันนิ่งไปสักพักก่อนตอบ

        “เปล่า ฉันแค่เริ่มโลภแล้วล่ะ ตอนที่แอบชอบเขา ฉันคิดเสมอว่าแค่ได้เห็นเขาในนิตยสารก็เพียงพอแล้ว ตอนที่ได้แต่งงานกัน ฉันก็แค่คิดว่า ได้อยู่ร่วมชายคากับเขาทุกวันแบบนี้ก็พอใจแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ฉันเริ่มรู้จักคำว่าหึงหวง ฉันไม่อยากหย่ากับเขา ฉันอยากจะเป็นภรรยาของเขา อยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต…”

        “แต่ก่อน ฉันสามารถเมินเฉยเรื่องข่าวฉาวของเขากับหานรั่วซีได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเขากำลังอยู่กับคนอื่น”

        ตลอดการอธิบาย ซูเจี่ยนอันดูกังวลใจ ราวกับว่าตัวเองทำเรื่องอะไรผิดไป แต่ก็ไม่อยากขอโทษ ไม่อยากยอมรับว่าเป็นความผิดของตน

        ลั่วเสี่ยวซีถอนหายใจ “ที่เธอเป็นแบบนี้เขาไม่เรียกว่าโลภ แต่เพราะเธอชอบเขามากต่างหาก”

        “เมื่อวานพวกฉันเจอกับหานรั่วซีโดยบังเอิญ ก็เลยทะเลาะกัน” ซูเจี่ยนอันคนชานมในแก้ว พลางมองน้ำชาที่ไหลเวียนวนไปมาในนั้น “แต่งงานกันมาสามเดือนกว่า สงครามเย็นทั้งสองครั้งที่เกิดขึ้นก็เพราะหานรั่วซีเป็นต้นเหตุ หานรั่วซี…มักจะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม”

        ลั่วเสี่ยวซีนิ่งคิดก่อนตอบ “เอาจริงๆ ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอจะสารภาพ ดูฉันเป็นตัวอย่างสิ สารภาพรักกับพี่ชายเธอแล้วเป็นไง โดนเขาปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จนพ่อด่าฉันอยู่ทุกวันนี้ที่ทำให้เขาต้องขายหน้า สรุปนะ ฉันว่าเธอค่อยๆ ทำให้เขาเคยชินที่มีเธออยู่ข้างกายดีกว่า รออยู่นิ่งๆ จนกว่าอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหว แล้วค่อยจัดการเขาซะ! ง่ายแค่นี้เอง! ส่วนหานรั่วซีน่ะเหรอ ฉันว่าเธอจัดการได้แน่”

        ให้ลู่เป๋าเหยียนเป็นคนเข้าหาเธอก่อนคงจะยาก…

        หลังนั่งพักผ่อนกันอยู่สักพัก ลั่วเสี่ยวซีก็ลากซูเจี่ยนอันไปช้อปปิ้ง

        “เป็นถึงคุณนายตระกูลใหญ่โต แต่ไม่รู้จักช้อปปิ้งบ้างเลย ไม่เกรงใจเงินมหาศาลของลู่เป๋าเหยียนบ้างหรือไง” ลั่วเสี่ยวซีอบรมเพื่อนของตนน้ำเสียงจริงจัง “เชื่อฉัน คนแบบลู่เป๋าเหยียน เกิดใหม่อีกสิบชาติก็ยังใช้เงินไม่หมด ถ้าเธอใช้เงินของเขาซื้ออะไรบ้าง เขาจะยิ่งรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ ว่าแต่ เขาได้ให้บัตรเครดิตหรือบัตรเสริมอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า”

        ซูเจี่ยนอันหยิบบัตรเสริมของแบล็กการ์ดขึ้นมา ก่อนจะอธิบายว่านี่คือค่าทำอาหารเย็นที่ลู่เป๋าเหยียนให้กับเธอ

        พรืด…ลั่วเสี่ยวซีหลุดขำจนตัวงอ

        “ซูเจี่ยนอัน ยัยซื่อบื้อ นี่มันบัตรเสริมของแบล็กการ์ดเลยนะ ลู่เป๋าเหยียนให้มันกับเธอ ความหมายของเขาคือให้เธอเอาไปใช้ได้ตามใจ เขาไม่มาสนหรอกว่าเธอจะรูดเป็นแสนหรือเป็นล้าน”

        ซูเจี่ยนอันนึกไปถึงตอนที่เธอจะคืนบัตรให้กับลู่เป๋าเหยียน แล้วเขาทำท่าไม่พอใจ

        หรือว่า…ลั่วเสี่ยวซีจะพูดถูก เพราะว่าเธอไม่รักษาน้ำใจเขา เขาก็เลยโกรธ?

        ตาบ้าเอ๊ย…

        “เลิกคิดๆ เอาเป็นว่าวันนี้เธอถูกใจอะไร ก็ซื้อมันให้หมด! เขาไม่สะทกสะท้านแน่นอน!”

        ลั่วเสี่ยวซีลากซูเจี่ยนอันเข้าไปในร้านขายชุดชั้นใน ก่อนจะตรงไปยังโซนชุดนอน

        “เธอจะซื้อชุดนอนงั้นเหรอ” ซูเจี่ยนอันถาม

        “เธอต่างหากที่จะซื้อ!” ลั่วเสี่ยวซีเลือกเสื้อผ้าบนราวพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบชุดนอนที่ทั้งบางทั้งสั้น แถมยังคอวีลึกส่งให้ซูเจี่ยนอัน

        “ตัวนี้เป็นไง วับๆ แวมๆ ดูเซ็กซี่น่าค้นหา คิดว่าจะถูกใจบอสลู่ของเธอไหม”

        ซูเจี่ยนอันเข้าใจทันทีว่าลั่วเสี่ยวซีต้องการทำอะไร หน้าของเธอแดงเป็นลูกตำลึงก่อนจะผลักมือเพื่อนของตนให้เก็บชุดเข้าที่

        “บ้าเหรอ ฉันกับเขา พวกเรา…”

        “ยังกลางวันแสกๆ อยู่แท้ๆ คุณนายลู่ก็เริ่มวางแผนว่าคืนนี้จะยั่วยวนสามียังไงแล้วเหรอคะ”

        เสียงประชดประชันของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ซูเจี่ยนอันรู้สึกคุ้นกับเสียงนี้ แต่นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใครจึงหันกลับไปมอง

        ที่แท้ก็เฉินเสวียนเสวียนกับหานรั่วซีนี่เอง

        หานรั่วซีรวบผมลอนของเธอ และสวมแว่นกันแดดกับมาสก์ปิดปากสีดำ เธออยู่ในชุดเรียบๆ ดูติดดิน หากมองไกลๆ คงไม่มีทางรู้ว่าเธอคือใคร เว้นแต่คนที่สนิทกันมากเท่านั้น

        ในทางกลับกัน เฉินเสวียนเสวียนกลับแต่งตัวหรูหราจัดเต็ม เธอยังคงมีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อในวันงานปาร์ตี้ที่พยายามหาเรื่องซูเจี่ยนอัน แถมยังดูถูกที่เธอเป็นเพียงแค่แพทย์นิติเวช

        ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ยัยนี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอซูเจี่ยนอันขมวดคิ้วมุ่นพลางคิดในใจ เธอกับลู่เป๋าเหยียนจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอจะยั่วยวนเขาตอนกลางวันหรือกลางคืน แล้วเฉินเสวียนเสวียนมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วยล่ะ

        เธอกำลังคิดจะโต้กลับ แต่กลับถูกลั่วเสี่ยวซีรั้งเอาไว้

        รับมือกับคนพวกนี้ ลั่วเสี่ยวซีถนัดที่สุด

        “เสวียนเสวียน เธอคงอิจฉาที่เจี่ยนอันมีสามีแบบลู่เป๋าเหยียนล่ะสิ แต่ก็อย่างว่า เธอไม่อิจฉาสิแปลก เพราะขนาดพ่อแม่เธอพยายามเสนอขายเธอให้ใครต่อใคร ก็ไม่มีคนเอาสักที เธอเลยได้แต่อิจฉาคนอื่นไปวันๆ แบบนี้สินะ”

        เฉินเสวียนเสวียนกับลั่วเสี่ยวซีไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

        “ลั่วเสี่ยวซี เธอยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าเธอถูกซูอี้เฉิงปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จริงสิ เธอคงไม่รู้ว่าจางเหมยเป็นลูกสาวของคุณป้าฉันสินะ อีกไม่นานจางเหมยก็คงได้เป็นแฟนกับซูอี้เฉิง คนที่ควรจะต้องอิจฉาคนอื่นคือเธอต่างหาก!”

        ลั่วเสี่ยวซียิ้มเย็นก่อนจะสวนกลับ

        “การได้เป็นแฟนเขา ก็หมายความว่าใกล้ถูกเขาเขี่ยทิ้งไปทุกที เธอเคยเห็นผู้หญิงคนไหนคบกับเขาได้เกินครึ่งปีไหมล่ะอย่าแสดงความโง่ของตัวเองไปมากกว่านี่เลย มันน่าสมเพช”

        สีหน้าของเฉินเสวียนเสวียนเริ่มดูไม่ได้ หานรั่วซียกมือถอดแว่นกันแดดออก

        “คุณหนูลั่ว อย่างน้อยหญิงสาวพวกนั้นก็เคยได้เป็นแฟนกับซูอี้เฉิง ส่วนคุณไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักอย่าง คงไม่มีสิทธิ์มาดูถูกคนอื่นหรอกมั้งคะ”

        ลั่วเสี่ยวซีเลิกคิ้ว ดาราดังจะทำสงครามกับเธองั้นเหรอ คราวนี้ต้องคิดดีๆ หน่อยว่าจะรับมืออย่างไร

        “คุณหาน คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้” จู่ๆ ซูเจี่ยนอันก็พูดขึ้น “ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการคุณก็คิดหาทางสร้างข่าวซูบซิบกับลู่เป๋าเหยียน หลายปีมานี้ คุณหลอกแฟนคลับและคนในโลกอินเทอร์เน็ตได้ก็จริง แต่คุณหลอกตัวเองกับลู่เป๋าเหยียนได้หรือเปล่า”

        “ที่บอกฉันเรื่องเพชรนั่น คงเพราะอยากให้ฉันกับลู่เป๋าเหยียนเข้าใจผิดกันสินะคะ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีวันเป็นแบบนั้น ถ้าลู่เป๋าเหยียนชอบคุณจริงๆ คนนิสัยอย่างเขาคงแต่งงานกับคุณไปตั้งนานแล้ว เขาคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงของเขาไร้เกียรติแบบนี้ เขากับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน เรื่องนี้เขาบอกกับฉันด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเปลืองแรงมายุแยงให้พวกเราแตกกันหรอกค่ะ”

        “สิ่งที่คุณได้ยินมานั้นถูกต้อง พวกเราเคยตกลงกันว่าจะหย่าในอีกสองปีให้หลัง แต่เวลาสองปีถึงจะไม่นานนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ได้มากมาย สุดท้ายแล้วฉันกับลู่เป๋าเหยียนจะเป็นยังไง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่มีเรื่องหนึ่งนะคะ ที่ฉันมั่นใจมากว่ามันจะไม่เกิดขึ้น นั่นก็คือ ต่อให้พวกเราหย่ากันจริงๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่มีทางหันไปคบคุณ ในเรื่องนี้อย่างน้อยเสี่ยวซีกับพี่ชายฉันก็ยังคงมีทางเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนี้ น่าจะเป็นคุณมากกว่าจริงไหมคะ”

Author สายลมสงบ