มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 95 การแก้แค้นของเฉินเสวียนเสวียน

        ลู่เป๋าเหยียนไม่มีวันคบกับเธอ ไม่อย่างนั้น เขาคงขอคบหรือไม่ก็แต่งงานกันไปแล้ว เพราะลู่เป๋าเหยียนไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเธอ เธอกับเขาจึงมีเพียงแค่ข่าวซุบซิบออกมาไม่หยุดหย่อน

        นี่คือสิ่งที่ซูเจี่ยนอันต้องการจะสื่อ

        หานรั่วซียอมรับว่าซูเจี่ยนอันพูดแทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง ดวงตาคู่งามฉายความไม่พอใจ เธอกำมือตัวเองแน่นอย่างอดกลั้น ก่อนจะค่อยๆ คลายออกช้าๆ

        หลายปีมานี้ เพื่อจะได้คบกับลู่เป๋าเหยียน เธอพยายามเป็นอย่างมาก

        เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีหญิงสาวคนไหนได้มาอยู่เคียงข้างลู่เป๋าเหยียน เธอจึงค่อยๆ เข้าใกล้เขาอย่างชาญฉลาด จนมากพอที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าพวกเธอสนิทสนมกัน แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็ต้องระวังไม่ให้ลู่เป๋าเหยียนรู้สึกรำคาญใจหรือรังเกียจเธอ มีแต่วิธีนี้เท่านั้น เธอถึงมีตัวตนอยู่ในชีวิตของเขาได้

        แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เธอหวัง สื่อทุกสำนักพากันลงข่าวว่าเธอคือแฟนสาวของลู่เป๋าเหยียน คือว่าที่คุณนายของตระกูลลู่ ไม่ว่าจะเจรจาสัญญาโฆษณาอะไรก็ตาม ก็ไม่มีใครคิดมายุ่มย่ามกับเธออีก ผู้บริหารแต่ละคนต่างพากันเอาอกเอาใจเธอเพื่อหวังจะประจบลู่เป๋าเหยียน

        เธอคิดมาโดยตลอดว่า คงมีสักวันที่เธอกับลู่เป๋าเหยียนจะได้อยู่ครองคู่กันเสียที

        ทว่าจู่ๆ เขากลับต้องแต่งงาน

        ตอนแรกเธอก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไร เพราะลู่เป๋าเหยียนกับซูเจี่ยนอันไม่ได้ชอบพอกัน เธอยังคงมีโอกาส

        แต่ซูเจี่ยนอันกลับไม่ได้ว่าง่ายอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ภายนอกของเธอดูเหมือนคนไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร แต่ภายในกลับแข็งแกร่งและเย่อหยิ่งยิ่งกว่าเธอเสียที

        เป็นแบบนี้ก็ดี ได้คู่แข่งที่ทัดเทียมกันการแข่งขันถึงจะสนุก

        “เสวียนเสวียน” หานรั่วซีสวมแว่นกันแดดดังเดิม “พวกเราอย่ารบกวนคุณนายลู่อีกเลย นี่ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว พวกเราควรทำบุญทำทาน อย่าเข้าไปรบกวนเวลาแสนสุขของเธอเลยจะดีกว่า ซูเจี่ยนอัน คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะเถียงกันที่นี่ ฉันไม่มีวันยอมแพ้เรื่องลู่เป๋าเหยียนแน่ ระวังตัวเอาไว้แล้วกัน”

        ซูเจี่ยนอันยิ้มสีหน้านิ่ง

        “คิดจะทำอะไรก็เชิญ”

        หานรั่วซียิ้มเย็น ก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างมั่นใจ

        “ว้าว” ลั่วเสี่ยวซีตบไหล่ซูเจี่ยนอันเบาๆ “นึกไม่ถึงว่าเธอก็โหดเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดพวกผู้กำกับในวงการยังต้องเกรงใจหานรั่วซีเลย นี่เธอตัดสินใจจะแย่งลู่เป๋าเหยียนกับคนแบบนี้จริงๆ เหรอ”

        “แล้วทำไมจะไม่ล่ะ” ซูเจี่ยนอันตอบ “เพราะว่าเธอคือดาราดัง ผู้กำกับทุกคนต่างพากันเกรงใจ ฉันเลยจะต้องประเคนสามีตัวเองให้เธอด้วยหรือไง ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ”

        “แต่ตอนนี้เธอดูจะเสียเปรียบนะ” ลั่วเสี่ยวซีร้อนใจ “เธอกับบอสลู่กำลังทำสงครามเย็นกัน ถ้าหานรั่วซีเข้าไปปลอบใจลู่เป๋าเหยียนสักหน่อย ก็คง…”

        “ใครบอกว่าฉันเสียเปรียบ?” ซูเจี่ยนอันแขวนชุดนอนที่ลั่วเสี่ยวซีเลือกกลับเข้าที่เดิม แล้วหยิบชุดนอนสีดำสุดเซ็กซี่ขึ้นมา “ฉันกับลู่เป๋าเหยียนอยู่บ้านเดียวกัน ห้องนอนก็ห่างกันไม่ถึงสิบเมตร พวกเราเจอหน้ากันทุกวันเช้าเย็น แถมยังจดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนต่างรู้จักฉันในฐานะคุณนายลู่…ฉันได้เปรียบกว่าเห็นๆ”

        ลั่วเสี่ยวซีเบิกตากว้างมองชุดที่ซูเจี่ยนอันหยิบขึ้นมา พลางอุทานเบาๆ

        “เจี่ยนอัน เธอกะสู้ตายเลยใช่ไหมเนี่ย”

        ซูเจี่ยนอันกัดฟันอย่างแน่วแน่ ก่อนจะถือชุดนอนที่ว่าไปชำระเงิน

        เมื่อทั้งสองคนออกมาจากห้าง แต่ละคนก็หิ้วถุงช็อปปิ้งน้อยใหญ่กันเต็มมือ ลั่วเสี่ยวซีบอกให้ซูเจี่ยนอันรออยู่ที่ริมถนน ก่อนที่จะเดินไปเอารถที่จอดไว้

        วันนี้แดดค่อนข้างแรง ซูเจี่ยนอันจึงเดินไปหลบอยู่ในร่ม ไม่นานก็เห็นเฟอร์รารีสีแดงคู่ใจของลั่วเสี่ยวซีขับตรงมา เธอเดินเข้าไปหา ก่อนจะวางของเอาไว้ที่หลังรถ และขึ้นรถไป

        “พวกเราไป…”

        เธอพูดยังไม่ทันจบ โครม! รถของลั่วเสี่ยวซีถูกบางอย่างชนเข้าอย่างจัง ทำให้ซูเจี่ยนอันถลาตัวไปด้านหน้าจนเกือบจะตกจากรถ หน้าผากเธอกระแทกกับคอนโซลหน้าอย่างแรง

        เธอรู้ซึ้งแล้วว่าอาการมึนงงจนเห็นดาวเป็นอย่างไร แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือบริเวณข้อศอกขวาของเธอที่ตอนนี้เจ็บไปหมด

        “เจี่ยนอัน!” ลั่วเสี่ยวซีตกใจจนหน้าซีด เธอรีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก ก่อนจะเข้าไปประคองซูเจี่ยนอัน

        “เธอเจ็บตรงไหนไหม?

        ซูเจี่ยนอันยกมือห้ามไม่ให้ลั่วเสี่ยวซีแตะเธอ ก่อนจะประคองแขนขวาตัวเองแล้วลุกขึ้นมานั่งให้ตรง หน้าผากมนของเธอเขียวช้ำเป็นวง

        “ไม่เป็นไร กระดูกไม่หัก”

        “เจ็บขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก!”

        ลั่วเสี่ยวซีเดินลงจากรถอย่างโมโห ก็พบว่ารถด้านหลังก็คือรถของเฉินเสวียนเสวียน เธอนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ พลางมองมาด้วยความสะใจ

        “ฉันก็แค่อยากจะลองดูสักหน่อยว่า แลมโบกินีของฉันจะทนทานกว่าเฟอร์รารีของเธอรึเปล่า อ้อ วางใจได้ ฉันจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้เอง”

        “ไม่รู้หรือไงว่าซูเจี่ยนอันยังไม่ทันรัดเข็มขัด?!” ลั่วเสี่ยวซีโกรธจัด แววตาของเธอเต็มไปด้วยโทสะ

        “เฉินเสวียนเสวียน เรื่องนี้ฉันไม่ยอมให้จบง่ายๆ แน่!”

        เฉินเสวียนเสวียนนึกไม่ถึงว่าซูเจี่ยนอันจะบาดเจ็บ เธอหน้าซีดขาวอย่างใจหาย แต่ก่อนที่จะพูดอะไร ลั่วเสี่ยวซีก็ขับรถออกไปแล้ว

        ลั่วเสี่ยวซีช่วยรัดเข็มขัดให้ซูเจี่ยนอันทันทีที่ขึ้นรถ

        “ทนแป๊บนะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”

        เธอสตาร์ทรถ ก่อนที่เฟอร์รารีสีแดงจะเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว

        หลังจากเงียบกันไปสักพัก ลั่วเสี่ยวซีก็หันมาถามซูเจี่ยนอัน

        “จะโทรหาลู่เป๋าเหยียนสักหน่อยไหม”

        “ไม่ต้องหรอก” ซูเจี่ยนอันประคองแขนขวาของตน เธอเจ็บแขนจนหน้าเริ่มซีด

        “ฉันไม่ได้เจ็บหนักถึงขนาดแขนหักสักหน่อย เขาเองก็งานยุ่ง ช่างมันเถอะ”

        ลั่วเสี่ยวซีได้ยินดังนั้นจึงไม่โทรหาลู่เป๋าเหยียน เธอรีบขับรถพาซูเจี่ยนอันไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

        โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำราคาแพงที่วันธรรมดาคนไข้ค่อนข้างน้อย เพราะซูเจี่ยนอันเคยมาที่นี่แล้วสองครั้ง ผอ.และคุณหมออีกหลายคนต่างรู้จักเธอดี เมื่อเห็นสีหน้าขาวซีดของซูเจี่ยนอัน พวกเขาจึงรีบพาเธอไปตรวจร่างกายอย่างรวดเร็ว

        เฉินเสวียนเสวียนขับรถตามหลังลั่วเสี่ยวซีมาโดยตลอด เธอเห็นซูเจี่ยนอันเข้าโรงพยาบาลไป ก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ก่อนจะโทรหาหานรั่วซีและเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

        “ฉันไม่นึกว่าซูเจี่ยนอันจะยังไม่รัดเข็มขัด ฉันแค่อยากระบายความโกรธเท่านั้น ไม่นึกว่าเธอจะบาดเจ็บ”

        “เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เธอใจเย็นๆ ก่อน อย่ารน” หานรั่วซีกล่าว “ฉันอยู่ที่ตึกเครือลู่ เดี๋ยวจะลองดูท่าทีลู่เป๋าเหยียนให้ ส่วนเธอก็รีบไปขอโทษซูเจี่ยนอันซะ ถ้ายัยนั่นยอมยกโทษให้ก็คงไม่เป็นไร”

        หลังวางสาย หานรั่วซีก็เดินออกจากลิฟต์ ก่อนจะตรงไปยังออฟฟิศของลู่เป๋าเหยียน

        เดซี่ที่นั่งอยู่หน้าห้องลุกขึ้นต้อนรับ ก่อนจะห้ามไม่ให้หานรั่วซีเข้าไป

        “ท่านผอ.กำลังยุ่งค่ะคุณหาน”

        หานรั่วซีขยับแว่นกันแดดของตนเล็กน้อยก่อนเอ่ย

        “บอกเขาว่าฉันมาหา”

        เดซี่กดโทรศัพท์แจ้งตามที่หานรั่วซีบอก ลู่เป๋าเหยียนจึงอนุญาตให้หานรั่วซีเข้าไปได้

        “คุณจะช่วยบอกเลขาหน่อยได้ไหม ว่าไม่ต้องห้ามฉันแบบนี้ทุกครั้งก็ได้” หานรั่วซีนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของลู่เป๋าเหยียนก่อนจะพูดอย่างติดตลก

        “เวลาของพวกเรามีค่า รายได้เป็นล้านเข้าบัญชีคุณในทุกๆ วินาที ส่วนฉันเองแค่ปรากฏตัวบนเวทีเพียงนาทีเดียว ก็ได้เงินไม่ต่ำกว่าหกแสน”

        “มันเป็นกฎ บางครั้งก็ไม่สะดวกที่จะให้เธอเข้ามาเลย” ลู่เป๋าเหยียนปิดเอกสารในมือ

        “มาหาฉันมีอะไร”

        หานรั่วซีเห็นท่าทีของลู่เป๋าเหยียนแล้ว คาดว่าเขาคงยังไม่รู้เรื่องซูเจี่ยนอันบาดเจ็บเป็นแน่ จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป

        “สัญญาของฉันกับบริษัทใกล้จะหมดลงแล้ว…”

        “เรื่องต่อสัญญาให้เธอไปคุยกับผู้จัดการ” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “มีข้อเสนออะไรก็ลองเสนอมา ทางเราจะพยายามให้ความร่วมมือ”

        “เอเจนซีอีกหลายบริษัทต่างพากันติดต่อฉัน” หานรั่วซีพูดพลางขยับแว่นกันแดดในมือ

        “คุณก็รู้ว่าฉันสามารถหากำไรให้บริษัทมากขนาดไหน จะไม่เอ่ยคำขอร้องให้ฉันอยู่ต่อสักหน่อยเหรอ” เธอพูดแหย่อย่างทีเล่นทีจริง

        แต่ลู่เป๋าเหยียนก็แค่ยิ้มตอบ “ไม่ว่าบริษัทอื่นจะยื่นข้อเสนอที่ดีแค่ไหน แต่เครือลู่จะให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด เธออยู่ที่นี่มานานจนมีทีมที่ไว้ใจ ถ้าไปเซ็นสัญญากับที่ใหม่ เธอจะต้องสร้างทีมงานใหม่หมด เธอรู้ดีว่าถ้าย้ายบริษัทจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง รั่วซี ฉันคิดมาโดยตลอดว่าเธอเป็นคนฉลาด”

        “คุณรู้อยู่แล้วว่ายังไงฉันก็ต่อสัญญา” รอยยิ้มเย่อหยิ่งของหานรั่วซีกลายเป็นยิ้มเยาะตัวเอง

        ถ้าเธอไม่อยาก พวกเราก็ไม่อาจรั้งไว้ได้ หมดสัญญาเมื่อไรเธอก็จะเป็นอิสระ สิทธิ์ในการเลือกเป็นของเธอ”

        เขาไม่กลัวว่าเธอจะออกจากบริษัทสักนิด ถึงจะไม่มีเธอ เขาก็สามารถปั้นหานรั่วซีคนใหม่มาทดแทนได้ไม่ยาก หานรั่วซีพูดเสียงเบา

        “งั้นฉันขอตัวก่อน ความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า”

        “ไม่เปลี่ยน” ลู่เป๋าเหยียนตอบเสียงเรียบ “ทำงานร่วมกันมาตั้งหลายปี ฉันกับเธอคงไม่เลิกเป็นเพื่อนกันเพียงเพราะเรื่องแค่นี้”

        “เพื่อน?

        หานรั่วซีทวนย้ำคำพูดเขาก่อนจะยิ้มออกมา

        ลู่เป๋าเหยียนกำลังเตือนเธอ ว่าอย่างไรระหว่างเธอกับเขาก็เป็นได้แค่เพื่อน เธอเข้าใจความหมายของเขาดี

        หลายปีมานี้ มีแต่เธอเท่านั้นที่พยายามสร้างภาพอันใกล้ชิด ในความเป็นจริงแล้ว พวกเธอสองคนแม้แต่จูงมือกันสักครั้งก็ยังไม่เคย

        แล้วทำไมคนที่มาทีหลังอย่างซูเจี่ยนอัน กลับได้เป็นภรรยาของเขา ได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเขา

        เธอไม่มีวันยอมเด็ดขาด

        ตอนนั้นเอง มือถือของลู่เป๋าเหยียนก็ดังขึ้น เป็นสายของซูอี้เฉิง

        เขากับซูอี้เฉิงมักได้เจอกันเพราะเรื่องงาน เพราะฉะนั้นเวลาคุยกันจึงมักจะเป็นเรื่องธุรกิจ น้อยครั้งที่พวกเขาจะคุยกันเรื่องส่วนตัวทางโทรศัพท์แบบนี้ นอกเสียจากว่า…เป็นเรื่องของซูเจี่ยนอัน

        ลู่เป๋าเหยียนรับสายอย่างสงสัย น้ำเสียงที่กำลังข่มความโกรธเอาไว้ของซูอี้เฉิงดังขึ้น

        “ร้านอาหารแฟรนไชส์ของตระกูลเฉิน เคยถูกตรวจพบว่าไม่ผ่านมาตรฐานเรื่องความสะอาดใช่ไหม”

        “ใช่” ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว “แต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะตระกูลเฉินปิดปากพวกสื่อไว้อย่างดี เรื่องเลยไม่หลุดออกไป ทำไมอยู่ๆ นายถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?

        “ไม่มีอะไร” ซูอี้เฉิงตอบ “ก็แค่รู้สึกว่าวงการธุรกิจอาหารช่วงนี้ดูจะสงบไปนิด เลยอยากจะเห็นพวกเขาครึกครื้นกันสักหน่อย”

        ซูอี้เฉิงไม่ใช่คนว่างขนาดนั้น การทำเรื่องที่สามารถกลายเป็นศัตรูกับตระกูลเฉินแบบนี้ ซูอี้เฉิงคงไม่ทำลงไปโดยไร้เหตุผล

        ลู่เป๋าเหยียนชักสังหรณ์ใจไม่ดี

        “เกิดอะไรขึ้น?

        “เฉินเสวียนเสวียนขับรถชนเจี่ยนอันจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล”

        สายตาของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบ เขาวางสายก่อนจะรีบลุกขึ้น หานรั่วซีพอจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไร จึงรั้งเขาไว้

        “เป๋าเหยียน เสวียนเสวียนไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ว่าซูเจี่ยนอันยังไม่ได้รัดเข็มขัด คุณอย่า…”

        “คุณรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเจี่ยนอันได้รับบาดเจ็บ?” ลู่เป๋าเหยียนมองหานรั่วซีอย่างเยือกเย็น

        “แล้วทำไมไม่บอกผม?

        “ฉัน…” หานรั่วซีตอบ “ฉันมาเพื่อจะคุยกับคุณเรื่องต่อสัญญา”

        “ผู้จัดการจะเป็นคนไปคุยกับคุณเอง ต่อไปถ้าเป็นเรื่องงาน ไม่ต้องมาหาฉันอีก”

        สิ้นเสียงเย็นชาของเขา ลู่เป๋าเหยียนก็เดินออกไปจากห้องทำงาน หานรั่วซีมองตามเขาไป ก่อนจะกำหมัดแน่น

Author สายลมสงบ