มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 111 ฉันต้องการเธอ

        บอกคนอื่นว่าพวกเรา…ตั้งใจจะมีลูกกันเร็วๆ นี้?

        พวงแก้มของซูเจี่ยนอันแดงระเรื่อ เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมาก่อนจะพูดอย่างดุๆ

        “ครูอนุบาลโรงเรียนนายไม่เคยสอนหรือไงว่าโกหกคนอื่นมันไม่ดี! แล้วก็ อีกหน่อยอย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ!”

        ได้ยินบ่อยๆ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด

        เข้าใจผิดว่าเธอกับเขาก็มีสิทธิ์ครอบครองความสุขที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

        หลังหานรั่วซีกลับไปแล้ว พวกนักข่าวจึงหันมาจับจ้องลู่เป๋าเหยียนและซูเจี่ยนอันไม่วางตา เสิ่นเยว่ชวนกับมู่ซือเจวี๋ยและพรรคพวกที่อายุไล่เลี่ยกันเดินเข้ามาหา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนิทกับลู่เป๋าเหยียน

        เสิ่นเยว่ชวนช่วยแนะนำคนกลุ่มนั้นให้ซูเจี่ยนอันรู้จัก ทุกคนยิ้มตอบรับและพากันเรียกเธอว่าอาซ้อกันใหญ่ ซูเจี่ยนอันรู้สึกไม่ชินก็จริง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร

        เพราะว่าเธอคือภรรยาของลู่เป๋าเหยียน ผู้ชายพวกนี้เลยเรียกเธอว่า อาซ้อ

        เธอจึงยิ้มรับอย่างไม่ปฏิเสธ

        “เดิมทีพวกเราพนันกันว่าลู่เป๋าเหยียนคงเป็นคงสุดท้ายในกลุ่มที่จะแต่งงาน ไม่นึกเลยว่าเขาจะแต่งงานเป็นคนแรกซะงั้น” เริ่มมีคนเผาลู่เป๋าเหยียน “รักกันเงียบๆ ไม่ทันไรก็ได้แต่งงานซะแล้ว”

        ทุกคนใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการมอมเหล้าลู่เป๋าเหยียน ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังช่วยดื่มแทนซูเจี่ยนอันตลอด

        ก่อนหน้านี้ลู่เป๋าเหยียนก็ดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควร ตอนนี้ต้องมาดื่มอีกหลายแก้วจนซูเจี่ยนอันเริ่มเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอจึงดึงชายเสื้อเขาเล็กน้อย

        “ไม่เป็นไร” ลู่เป๋าเหยียนมองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ฉันไม่เมาง่ายขนาดนั้น”

        ซูเจี่ยนอันอาจไม่รู้ แต่บรรดาเพื่อนของเขารู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนยอมที่จะดื่มเอง ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นพวกเขามากกว่าที่จะถูกลู่เป๋าเหยียนมอมเหล้า

        แม้จะไม่รู้ว่าทำไมลู่เป๋าเหยียนถึงยอมดื่มง่ายๆ แบบนี้ แต่นี่ถือเป็นโอกาสงามที่หาได้ยาก ดังนั้นพวกเพื่อนๆ ของลู่เป๋าเหยียนจึงยิ่งคึกคัก จนคนอื่นในงานก็เริ่มเข้ามาร่วมวงขอชนแก้วกับลู่เป๋าเหยียนกันใหญ่

        ซูเจี่ยนอันเห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดี เธอจึงฉวยโอกาสลากลู่เป๋าเหยียนออกมา

        “พวกเรากลับกันเถอะ”

        ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะดูนาฬิกา เขานิ่งไปสักพักก่อนตอบ

        “ยังเร็วไป”

        ปฏิกิริยาของเขาดูตอบสนองช้าลง นั่นหมายความว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงานแล้ว ซูเจี่ยนอันกลัวว่าหากลู่เป๋าเหยียนดื่มมากกว่านี้จะเกิดเรื่อง เธอจึงบังคับให้เขานั่งลง

        “นั่งอยู่ตรงนี้เฉยๆ นะ ฉันจะไปหาเสิ่นเยว่ชวน”

        ลู่เป๋าเหยียนนวดขมับเล็กน้อยก่อนจะดึงมือซูเจี่ยนอันไว้

        “เธอจะไปนานไหม”

        เขาเริ่มพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมยังจับมือเธอไว้แน่น ซูเจี่ยนอันปลอบใจเขาราวกับปลอบเด็กน้อย

        “ห้านาที”

        “ได้” ลู่เป๋าเหยียนมองนาฬิกาพลางจับเวลา “ถ้าห้านาทีแล้วเธอยังไม่กลับมา ฉันจะไปหาเธอเอง”

        ซูเจี่ยนอันรีบวิ่งออกไปทันที เสิ่นเยว่ชวนกับมู่ซือเจวี๋ยเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แถมหน้าตาก็โดดเด่นกว่าคนอื่น เธอกวาดตามองแวบเดียวก็เห็นพวกเขา เธอจึงรีบเดินตรงไปหาก่อนจะได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันว่า อย่างไรวันนี้ก็ต้องมอมเหล้าลู่เป๋าเหยียนจนเมาให้ได้

        นี่มัน…เพื่อนทรยศชัดๆ

        เสิ่นเยว่ชวนสังเกตเห็นซูเจี่ยนอัน ก่อนจะถามอย่างสงสัย

        “บอสลู่ของคุณล่ะ”

        “เขาเมาแล้ว” ซูเจี่ยนอันตอบ “คุณช่วยเรียกอาเฉียนให้ขับรถมาที่หน้าโรงแรมหน่อยสิ ฉันกับเขาคงต้องกลับก่อน ฝากดูแลทางนี้ด้วยนะ”

        พูดจบซูเจี่ยนอันก็เดินจากไป มู่ซือเจวี๋ยเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้

        “ไม่เลวนี่ ก่อนไปยังฝากฝังเรื่องงานกับนายอีก”

        “งานปีนี้เธอมีส่วนร่วมในการวางแผนงานด้วย” เสิ่นเยว่ชวนเอ่ย “เห็นตัวเล็กๆ ผอมๆ แบบนี้ เอาเข้าจริงๆ เอาเรื่องอยู่นะ”

        ตอนที่ซูเจี่ยนอันเดินกลับไป ในขณะที่ลู่เป๋าเหยียนยังนั่งจ้องนาฬิกาข้อมืออยู่เหมือนเดิม เมื่อเขาเห็นเธอก็แย้มยิ้มออกมา

        “สี่นาทีสิบเจ็ดวิ”

        เขาคงเมาแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเรื่องติงต๊องแบบนี้

        ซูเจี่ยนอันเข้าไปประคองเขา

        “ที่เหลือฉันฝากให้เสิ่นเยว่ชวนช่วยดูแลแทนแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะนะ”

        ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตามองเธอนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ

        “…ได้สิ”

        เขาลุกขึ้นก่อนจะเข้ามาโอบเอวเธออย่างทุกที และเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป

        อาเฉียนลงมาช่วยเปิดประตูรถให้ ลู่เป๋าเหยียนยังคงมีสติอยู่บ้าง เขาบอกให้ซูเจี่ยนอันขึ้นรถก่อนอย่างเป็นสุภาพบุรุษ

        เมื่อซูเจี่ยนอันเขยิบตัวนั่งดีแล้วก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่หัวไหล่ขวา เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของไวน์แดงและลมหายใจอุ่นๆ ของเขา เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่า ลู่เป๋าเหยียนกำลังเอนตัวซบลงบนไหล่เธอ ดวงตาของเขาปิดสนิท ดูท่าจะหลับไปแล้ว

        เขาคงเหนื่อยมากสินะ เหมือนเมื่อสองครั้งก่อนที่เขาซบไหล่เธอเพราะเหนื่อยจนถึงขีดจำกัด

        “กลับบ้านกันเถอะค่ะอาเฉียน” ซูเจี่ยนอันพูดเสียงเบา

        ในรถที่เงียบสนิท เธออดหันไปมองลู่เป๋าเหยียนไม่ได้

        ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาคมคายจนคนมองอดใจเต้นไม่ได้ ซูเจี่ยนอันนึกไปถึงวันที่เธอเจอลู่เป๋าเหยียนครั้งแรก

        วันนั้นแม่ปลุกเธอตั้งแต่เช้า

        “เจี่ยนอัน วันนี้แม่จะพาหนูไปเจอคุณน้ากับพี่ชายอีกคนหนึ่งที่บ้านเก่าของคุณยาย”

        ซุเจี่ยนอันนั่งสะลึมสะลือไปตลอดทางจนถึงบ้านเก่า เธอยกมือขยี้ตาก่อนจะเห็นภาพของคุณน้ารูปร่างผอมท่านหนึ่งกับเด็กชายวัยรุ่นรูปร่างสูงโปร่ง วินาทีนั้นเธอก็ตื่นขึ้นเต็มตา

        ก่อนที่จะได้พบลู่เป๋าเหยียน เธอคิดมาโดยตลอดว่าผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกคือพี่ชายของเธอ คงไม่มีใครหล่อกว่าเขาอีกแล้ว

        แต่แล้วจู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป เขากับพี่ชายมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ทั้งคู่แม้จะยังเป็นแค่วัยรุ่นแต่ก็มีรูปร่างที่สูงใหญ่ นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก ริมฝีปากบางที่ไม่ค่อยเอ่ยคำพูดมากนัก รูปหน้าที่ดูเย็นชาทว่าหล่อเหลา จนบางครั้งเธอก็แอบรู้สึกว่าเขาหล่อกว่าพี่ชายเธอเสียอีก!

        เธอรีบปล่อยมือจากแม่และวิ่งตรงเข้าไปหาลู่เป๋าเหยียน ก่อนจะเงยหน้ามองเขาพลางเอ่ย

        “พี่คะ พี่หล่อเหมือนพี่ชายหนูเลย”

        เธออุตส่าห์ชมทั้งที อย่างน้อยเขาก็ควรพูดขอบคุณใช่ไหมแต่ลู่เป๋าเหยียนกลับมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ราวกับไม่ชอบใจที่อยู่ๆ ใครก็ไม่รู้มาทักเขาแบบนี้

        เธอในวัยสิบขวบนั้นถูกเลี้ยงมาราวกับเจ้าหญิง ไม่ว่าใครก็พากันโอ๋อย่างรักใคร่ พวกเด็กผู้ชายต่างพยายามเข้าใกล้เธอ เอาใจเธอ ซูอี้เฉิงเองยิ่งตามใจเธอเข้าไปใหญ่ แต่แล้วทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เป๋าเหยียน เขากลับเมินเธอเสียอย่างนั้น

        แต่เพราะแม่บอกเธอว่า ที่บ้านของเขาเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นทำให้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี แม่บอกให้เธอช่วยเล่นเป็นเพื่อนเขาทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เธอจึงยอมให้อภัยเขา ไม่คิดเล็กคิดน้อยอีกต่อไป

        ขนาดเธอเองยังอดชื่นชมในความใจดีของตัวเองไม่ได้ แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับไม่สนใจไยดีเธอแม้แต่น้อย

        ตอนนั้นสภาพจิตใจของเขาคงแย่มากแน่ๆ

        พอเธอยิ้มร่าทักทายเขาไปแบบนั้น เขาคงรู้สึกรำคาญใจ

        นี่เป็นเหตุผลที่เมื่อโตขึ้น ไม่ว่าถังอวี้หลันจะชวนเธอไปที่บ้านกี่ครั้ง เธอก็ไม่กล้าตอบรับเพื่อไปเจอหน้าลู่เป๋าเหยียน เธอกลัวที่จะต้องเห็นสีหน้าเย็นชาไม่สนใจไยดีของเขาอีกครั้ง

        สี่สิบนาทีให้หลัง พวกเธอก็กลับมาถึงบ้าน ซูเจี่ยนอันหยุดความคิดเรื่องเก่าๆ ไว้แค่นั้น ก่อนจะเขย่าตัวลู่เป๋าเหยียนเบาๆ

        “ตื่นเถอะ ถึงบ้านแล้ว”

        ผ่านไปสักพักลู่เป๋าเหยียนถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ซูเจี่ยนอันกลัวว่าเขาจะหลับไปอีกครั้งจึงรีบเอ่ย

        “พวกเราถึงบ้านแล้ว ลงจากรถกันเถอะนะ”

        พูดจบเธอก็ลงไปก่อน อาเฉียนถามเธอว่า

        “คุณผู้หญิงจะให้ผมเรียกลุงสวีมาช่วยไหมครับ”

        ซูเจี่ยนอันไม่ทันได้ตอบ ลู่เป๋าเหยียนก็ลงจากรถและโถมร่างเข้ามาก่อนจะพูดเสียงเบาที่ข้างหูเธอ

        “อย่าเรียกคนอื่น ฉันต้องการแค่เธอ”

        น้ำเสียงของเขาปนความขบขัน ซูเจี่ยนอันรู้ว่าเขาจงใจแกล้งเธอ ลู่เป๋าเหยียนคงเมาแล้วจริงๆ ว่าแล้วเธอก็เข้าไปประคองเขา

        “โอเค งั้นนายรีบเข้าไปในบ้านกับฉัน”

        ลู่เป๋าเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ซูเจี่ยนอันเห็นแล้วอดบ่นในใจไม่ได้ว่า ทำไมตานี่เมาแล้วถึงทำตัวอย่างกับเด็กน้อยแบบนี้เนี่ย

        เธอประคองเขาให้เข้าไปในบ้าน ลุงสวีกับป้าหลิวเห็นดังนั้นก็ทำท่าจะเข้ามาช่วย แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับรัดเอวเธอไว้แน่น เธอจึงรีบเอ่ย

        “ลุงสวีไปพักผ่อนเถอะค่ะ เขาดื่มมาเยอะมากก็จริง แต่ไม่เมาขนาดนั้น หนูจัดการไหวค่ะ”

        ไม่รอให้ลุงสวีได้พูดอะไร ลู่เป๋าเหยียนก็ลากเธอขึ้นไปข้างบนซะแล้ว

        ตอนที่เดินผ่านห้องนอนเธอ เขาไม่แม้แต่จะหยุดฝีเท้าสักนิด เขาลากเธอเดินตรงไปที่ห้องนอนของเขา ก่อนจะเปิดประตูด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนคนเมาสักนิด

        ปัง! เสียงปิดประตุดังขึ้น ซูเจี่ยนอันกำลังจะไล่ให้เขาไปอาบน้ำ แต่เขากลับดันตัวเธอให้ชิดประตูห้องก่อนจะจ้องตาเธออย่างลึกซึ้ง

        “ละ ลู่เป๋าเหยียน?” ซูเจี่ยนอันชักไม่มั่นใจ นี่เขาคิดจะทำอะไร?

        จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ก้มหน้าลงมาจูบเธอ

        ลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ลิ้นที่ยังคงมีรสชาติของไวน์แดงหลงเหลืออยู่ เขาเชยคางเธอให้รับสัมผัสอย่างช้าๆ และดูดดื่ม ซูเจี่ยนอันชักจะสงสัยว่าเขาสร่างเมาแล้วหรือเปล่า

        ซูเจี่ยนอันเริ่มดิ้นขัดขืน แต่ลู่เป๋าเหยียนกดไหล่เธอไว้ ก่อนจะจูบใบหูของเธอและพูดกล่อม

        “อยู่นิ่งๆ นะเจี่ยนอัน อย่าไปไหน”

        เขายังเรียกชื่อเธอได้ นั่นหมายความว่ายังพอมีสติอยู่บ้าง ซูเจี่ยนอันผลักเขาให้ออกห่างเล็กน้อย

        “ไปอาบน้ำ”

        “ไม่เอา” ลู่เป๋าเหยียนเถียงเธออย่างกับเด็กๆ ก่อนจะรวบตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเอาแต่ใจ เขาจูบเธออีกครั้ง พลางเอ่ยเรียกชื่อเธอไม่หยุด

        ซูเจี่ยนอันอยากจะร้องไห้ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ได้เมามากก็จริง แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่มีก็มากพอที่จะทำให้เขาทำอะไรอย่างขาดสติ ความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขาหายไปกว่าครึ่ง เขาถึงได้ทำตัวเอาแต่ใจอย่างกับเด็กน้อยแบบนี้

        เธอรู้แล้วว่าจะปลอบเขาอย่างไรดี ว่าแล้วเธอก็โอบแขนรอบคอเขา ก่อนจะจูบเขาตอบกลับไปเพื่อซึมซับแอลกอฮอล์จากริมฝีปากของเขาเข้ามาแทน จนเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็จะเมาแล้วเหมือนกัน

        ลู่เป๋าเหยียนเผลอมือปล่อยเล็กน้อยตามคาด เธอจึงรีบใช้โอกาสนี้พูดขึ้นว่า

        “นายไปอาบน้ำก่อนดีไหม ฉันไม่หนีไปไหนหรอก”

        เขานิ่งคิดอยู่สักพักก่อนจะปล่อยมือจากเธออย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะมองสำรวจสีหน้าเธออยู่อย่างนั้น คงเพราะไม่เห็นว่าเธอกำลังโกหก ในที่สุดเขาจึงตอบ

        “ก็ได้” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป

        ตอนที่เธอหยิบชุดนอนของเขาออกมาวางไว้ เสียงน้ำไหลก็ดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูเมานิดๆ ของลู่เป๋าเหยียน

        “เจี่ยนอัน?

        “ฉันอยู่ข้างนอก” เธอรีบตอบทันที เพราะกลัวเขาจะออกมา

        “ดีมาก รอฉันก่อนนะเด็กดี เดี๋ยวฉันจะรีบออกไปหา” ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย

        “อย่าหนีไปไหนนะ ฉันรู้นะ”

        ซูเจี่ยนอันอดขำไม่ได้ นี่ตกลงเขาเมาจริงหรือว่ามีสติดีครบร้อยกันเนี่ย?

        ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเสียงน้ำก็หยุดลง เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง เธอจึงรีบตอบ

        “ชุดนอนอยู่ตรงนี้”

        เสียงเปิดประตูดังขึ้น ซูเจี่ยนอันสะดุ้งโหยง ดีที่เขาแค่โผล่หัวออกมาก่อนจะมองเธอยิ้มๆ

        “เธอถือชุดนอนของฉันไว้ทำไมจะช่วยใส่ให้ฉันเหรอ?

        “โรคจิต” ซูเจี่ยนอันยัดชุดนอนใส่มือเขา ก่อนจะปิดประตูดังปัง

        ลู่เป๋าเหยียนสวมชุดนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินมึนๆ มาหาเธอทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่

        “ผมนายยังเปียกอยู่เลย”

        เขายื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอราวกับเสกมันออกมา

        “เช็ดให้หน่อย”

        ตานี่กลายเป็นเด็กน้อยแสนเอาแต่ใจไปแล้วจริงๆ ด้วย แต่ซูเจี่ยนอันกล้าปฏิเสธเสียที่ไหน เธอรับผ้าเช็ดตัวผืนนั้นก่อนจะกดตัวให้เขานั่งลง

        “ลู่เป๋าเหยียน ตกลงนายเมาหรือไม่เมาเนี่ย”

        “แล้วมันต่างกันยังไง” ลู่เป๋าเหยียนถามย้อน

        ซูเจี่ยนอันนิ่งคิด ที่จริงมันก็ไม่ต่างกันเท่าไร ถ้าเขาเมาแล้ว เธอก็ต้องดูแลเขา แต่ถ้าเขาไม่ได้เมา นี่ก็คือคำสั่งของเขาที่ต่อให้เธอต้องการปฏิเสธ เขาก็จะคิดทุกวิถีทางทำให้เธอยอมทำตามจนได้

        สรุปคือ เขาจะเมาหรือไม่เมาเธอก็ต้องปรนนิบัติเขาอยู่ดี

        เธอถอนหายใจก่อนจะช่วยเป่าผมเขาให้แห้ง ขณะนั้นเองซูเจี่ยนอันก็คิดเรื่องดีๆ ออก

        ปกติเขามักจะทำผมอยู่ทรงเดียว ถ้าวันนี้เธอลองจัดทรงใหม่ เสยผมเขาไปข้างหลังให้หมด เขาจะดูน่าเกลียดขึ้นสักนิดไหมนะ?

Author สายลมสงบ