มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 52 กวางขาวสิ้นเขากวางไร้น้ำยา หงส์ฟ้าแกร่งกล้าถมนภา

        พลังแบบนี้ น่ากลัวเกินไป!

        สำนักกวางขาวเล็กๆ แห่งนี้ มีพวกประหลาดเหนือมนุษย์อยู่จริงๆ หรือ?

        และดูแล้วอายุเขาก็ไม่ได้มาก น่าจะประมาณสิบสามสิบสี่เห็นจะได้ คำนวณแล้วก็เป็นศิษย์ปีหนึ่งของสำนักกวางขาวเหมือนกัน…พอคิดมากเข้ายิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก

        หากศิษย์พี่สวี่เกอลงมือเองล่ะ จะชนะได้หรือเปล่า?

        สี่หน่อเงียบชะงัด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่เชื่อมั่นเต็มร้อยในตัวศิษย์พี่ผู้อัจฉริยะมากความสามารถหลายทาง

        “ฮ่าๆ โล่งเปลาะ โคตรโล่งใจเลย!

        “เย่ชิงหยูไม่เสียชื่อที่เป็นราชามารเย่ แข็งแกร่งเรืองอำนาจ ฮ่าๆ ยืนให้เขาต่อยแท้ๆ สุดท้ายคนต่อยกลับแขนแหลกหมดซะนี่

        “เป็นไงเล่ายอมหรือยังนี่แหละพลังที่แท้จริงของสำนักกวางขาวโว้ย!

        “ราชามารเย่เป็นพันธมิตรเรานับแต่นี้เป็นต้นไปแล้ว!

        “ใช่แล้ว นี่สิลูกผู้ชายที่แท้จริง ฮึ เจ้าฉินอู๋ซวงที่เขาว่าเป็นอันดับหนึ่งของปีหนึ่ง วันๆ อยู่แต่เบื้องสูง แต่พอสำนักหงส์ฟ้ามากลับไม่เคยเห็นเขาออกหน้าให้พวกเราเลยสักที!

        เหล่านักเรียนกวางขาวปลาบปลื้มยินดี

        พวกเขาภาคภูมิใจนัก ต่างก็เดินเข้าหอสมุดไปอย่างอกผายไหล่ผึ่ง

        คราวนี้เอง สี่หน่อจากสำนักหงส์ฟ้าก็ไม่กล้าไปขัดขวางอีกเลย

        

        เย่ชิงหยูเดินเข้ามาในหอสมุดคลังแสง

        เขาคุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งกว่าอะไรดี รู้ได้ทันทีว่าข่าวคราวการฝึกฝนที่เขาต้องการอยู่ส่วนไหน ถึงได้เดินตรงไปยังชั้นสาม

        ขณะที่ก้าวเหยียบพื้นชั้นสามนั้นเอง เด็กหนุ่มหล่อเหลางามสง่า ผิวขาวดั่งหยก ผมดำยาวก็เดินมาชนไหล่เขา

        เขาคนนี้ผิวเนื้อสกาวราวหยก คิ้วและนัยน์ตางดงาม พลังอุดม มุมปากเชิดขึ้นเล็กน้อย มีรังสีที่ถึงแม้มิได้โกรธทว่าก็น่าเกรงขาม อณูร่างดั่งผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ซื่อสัตย์จริงใจ มือถือพัดสีขาว เดินลงบันไดมาอย่างแช่มช้า

        เย่ชิงหยูอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปมอง

        คนๆ นี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดูจากอาภรณ์แล้วเห็นจะเป็นศิษย์สำนักหงส์ฟ้า อายุไม่ต่างกับเขามาก ทว่าพลังแกร่งยิ่ง ต้องเข้าอาณาน้ำพุวิญญาณแล้วแน่นอน แกร่งเสียยิ่งกว่าฉินอู๋ซวงมากนัก…หรือจะเป็นสวี่เกอที่พวกศิษย์หงส์ฟ้าพูดถึงนั่นกัน?

        ทว่าเมื่อเย่ชิงหยูมองกลับไปนั้นเอง คนชุดขาวหล่อเหลาก็หันกลับมามองเขาด้วยเช่นกัน

        แววตานั้นทั้งตะลึงและใฝ่สู้ ทว่าก็แค่พริบตานั้นเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้อย่างดีเยี่ยม ก่อนหันหลังจากไปตามทาง

        เย่ชิงหยูเองก็แปลกใจเล็กน้อย

        เมื่อครู่นั้น เขารู้สึกถึงพลังภายในในตันเถียนฮึกเหิมขึ้นมา มีอำนาจที่ดึงดูดพลังอย่างยากจะควบคุม ปรารถนายิ่งนักที่จะสู้ศึกสักตั้ง

        เด็กหนุ่มชุดขาวจากไป

        เย่ชิงหยูก็หันหน้ากลับมา

        เขาสืบหาข้อมูลที่ตนต้องการต่อ ไร้กะจิตกะใจจะแบ่งไปคิดเรื่องอื่น

        เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว ก็เป็นเพียงละครฆ่าเวลาเล็กๆ เท่านั้น

        

         “พูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้าประมือกับเขาแล้วใช่ไหมเตี่ยนอี้บุรุษชุดขาวไขว้มือไว้ด้านหลัง เดินบนทางแผ่นหินเล็กๆ ช้าๆ มิเร่งรีบ ตาปราดมองทิวทัศน์รอบด้านอย่างไม่ใส่ใจ

        “ใช่ขอรับ ศิษย์พี่สวี่ศิษย์สำนักหงส์ฟ้าตาเล็กเดินตามหลังอย่างกระมิดกระเมี้ยน สีหน้าเคารพ

        แน่นอนว่ามาพร้อมกับสามคนที่เหลือด้วยเช่นกัน

        “รู้ประวัติศิษย์สำนักกวางขาวคนนี้ไหม?” ศิษย์ชุดขาวถามเสียงเบา

        “ข้าถามมาแล้ว เขาชื่อเย่ชิงหยู เป็นชนชั้นล่างยากจน แต่ยินมาว่าวรยุทธ์เยี่ยมยอด พลังเหนือคนแต่กำเนิด ทำเรื่องทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ ไม่เคยกังวลหรือลังเล เพราะเหตุนั้นถึงได้ฉายาจากนักเรียนสำนักกวางขาวว่าราชามารเย่

        เตี่ยนอี้ตอบละล่ำละลั่ก

        ในเวลาอันน้อยนิดกลับสืบฟังเรื่องราวของเย่ชิงหยูมาได้ไม่ต่ำกว่าแปดจากสิบ เตี่ยนอี้ผู้นี้แม้พลังจะไม่แข็งแกร่ง ทว่าไหวพริบฉับไว มีสัญชาตญาณสูง นี่เองก็เป็นสาเหตุที่ดาวดวงเด่นของปีหนึ่งสวี่เกอยอมให้เขาเป็นผู้ติดตามมา

        “ราชามารเย่?” หนุ่มชุดขาวหยุดเดินลง ราวว่ามีความคิดบางอย่าง เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง น่าสนใจเหมือนกันนี่ คนๆ นี้สามารถดึงดูดพลังภายในของข้าให้ฮึกเหิมได้ ต้องแกร่งมากแน่แล้ว…ฮะๆ คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าสำนักอันดับรั้งท้ายอย่างกวางขาว ที่นับวันจะยิ่งตกต่ำลงเหวเข้าไปทุกที กลับให้กำเนิดต้นกล้าน่าสนใจเพียงนี้ขึ้นมาได้!

        “ศิษย์พี่สวี่ ถ้างั้นเรื่องในคราวนี้…เตี่ยนอี้ลองเชิงอย่างระมัดระวัง เขามีสิ่งที่อยากจะพูด

        สวี่เกอยกมือปรามเบาๆ เขาว่า ข้ารู้ว่าเจ้าอยากพูดอะไร แต่ข้าแนะนำว่าให้เจ้าหยุดความคิดในใจเจ้าเสีย เจ้าเทียบชั้นไม่ได้หรอก ข้าเองยังไม่อยากประมือกับเขาชั่วคราวเลย…มาสำนักกวางขาวครานี้ พวกเรายังมีเรื่องอื่นต้องสะสาง อย่าก่อเรื่องก่อราว มิเช่นนั้นแล้วหากอาจารย์เฉินลงโทษขึ้นมา ใครก็ขวางหน้าท่านไม่ได้

        เตี่ยนอี้ผงกหัวรวดเร็ว ไม่กล้าพูดอะไรอีก

        ใจเขาครุ่นคิดหาแผนจะกู้หน้าตัวเองกลับคืนมา ทว่าแม้แต่สวี่เกอยังเอ่ยว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับราชามารเย่นั่น ดูท่าแล้วศัตรูจะน่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้หลายขุม สุดท้ายจึงล้มเลิกใจคิดแก้แค้นนั่นเสีย

        หลายวันต่อจากนี้คงต้องเก็บอาการเสียบ้าง อย่างไรก็อยู่ในเขตแดนคนอื่น หากระรานทำร้าย สุดท้ายคนที่จะแย่คือตัวเอง สำนักกวางขาวแม้จะอ่อนแอ ทว่าการมีคนโหดเหี้ยมโผล่มาคนสองคนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

        สวี่เกอยืนมองภูผาจำลองพ่นวารีไกลๆ ไม่อาจรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด เด็กหนุ่มมิปริปากสักคำเดียว

        เตี่ยนอี้และอีกสามคนยืนคอยอย่างนิ่งเงียบ

        จวบจนผ่านไปสิบนาทีแล้วนั่น เขาถึงเหมือนจะนึกอะไรออก

        เพียงเห็นเขาแบมือออกกว้าง เนื้อหนังมังสาขาวผ่องเสมือนหยก เมื่อกระตุ้นพลังภายใน กลุ่มแสงสีเงินอ่อนจางก็ไหลเวียนอยู่บนฝ่ามือ จากเดิมที่จางนักเป็นมันวาวเพริศพริ้ง ไอสีเงินพลันพราวโรจน์ ดั่งจันทราสุกสกาวสองดวงลุกโชน

        เตี่ยนอี้เห็นภาพนั้นแล้วใจก็เต้นระรัวไม่เป็นส่ำ ตะลึงไปชั่วขณะ

        “ยินดีกับศิษย์พี่สวี่ด้วยขอรับ ในที่สุดก็บรรลุถึง ‘รอยจันทร์เพ็ญ’ สำนักหงส์ฟ้านับแต่ปีสองลงมา ก็ไม่เหลือใครเก่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่านอีกแล้วขอรับเตี่ยนอี้ยกยอในพลัน

        เขารู้ดีว่าสวี่เกอฝึกฝนกระบวนยุทธ์รอยจันทร์เพ็ญมาครึ่งปี แต่ไม่อาจลุถึงแก่นแท้ได้ทั้งหมด ใครจะนึกเล่าว่าพอมาถึงสำนักกวางขาว กลับเข้าใจทะลุปรุโปร่งขึ้นมากะทันหัน

        “ก็แค่สำเร็จเล็กๆ เท่านั้นน่า ฮ่าๆสวี่เกอยากนักจะปิดบังความดีใจไว้ได้

        เขาไม่มีทางไม่ดีใจ

        เพราะเมื่อครึ่งปีก่อน ตอน ‘มหาพิธีเลือกทักษะเด็กหนุ่มได้พยายามโต้เถียงสุดกำลังเพื่อจะเลือกฝึกรอยจันทร์เพ็ญ กระบวนต่อสู้ที่อำนาจบาตรใหญ่แต่ยากเย็นแสนเข็ญ ความจริงแล้วได้เอาตัวเผชิญความเสี่ยงมากมาย ความสำเร็จในการฝึกแม้จะกำจัดคู่แข่งในวัยเดียวกันได้ ทว่าหากไม่รีบสัมฤทธิ์เสีย ยังหน่วงเวลาต่อไป ก็อาจถูกคู่ต่อสู้ โค่นได้โดยง่าย

        สวี่เกอเคยคิดว่าทั้งพรสวรรค์และกำลังของตัวเองนั้นจะสำเร็จรอยจันทร์เพ็ญได้ไม่ยาก แต่กลับใช้เวลาถึงครึ่งปีในการฝึกก็ยังไม่อาจเข้าใจถ่องแท้ เกือบจะได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้เสียแล้ว

        หากไม่มีคนเบื้องสูงชี้แนะให้เขาฉวยโอกาสตอนที่ศิษย์สำนักหงส์ฟ้าเยี่ยมเยียนสำนักกวางขาวนี้หาสารบันทึกเนื้อหาในการฝึกฝน นำมาแก้ไขปัญหาค้ำคอนั่นจนหมด น่ากลัวว่าตอนนี้ตนคงยังเดินวนเวียนอยู่กับความปราชัยอยู่เลยกระมัง

        “เพียงแต่รอยจันทร์เพ็ญนี้เป็นเคล็ดวรยุทธ์ขั้นสูงและลึกล้ำนัก สำนักหงส์ฟ้าไม่มีสารบันทึกอธิบายการฝึกไว้เลย ทำไมหอสมุดคลังแสงในสำนักเล็กๆ อย่างกวางขาวกลับมีเบาะแสเสียได้?

        สวี่เกอฉงนสงสัย คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

        ทว่าสารบันทึกฝึกฝนนั้นเลิศล้ำยิ่งนัก เด็กหนุ่มอ่านเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายความมืดมนและความฉงนทั้งหมดได้ สำเร็จวิชาในทันทีทันใด สวี่เกอก้มหน้าลงมองรอยจันทร์เพ็ญทั้งสองเส้นในมือตน ใจสำราญหาใดเปรียบ

        

        หลายวันถัดมา สถานการณ์ทั้งหมดเข้าสู่ความสงบ

        แม่หญิงน้อยซ่งเสี่ยวจวินไม่ปรากฏตัว กลุ่มนักเรียนชั้นสูงก็ไม่กล้ามาตอแยเย่ชิงหยูอีก นอกจากการฝึกแล้ว เด็กหนุ่มก็จะผลาญเวลาไปกับการหาข้อมูลการฝึกที่ตนต้องรู้ในหอสมุดคลังแสง

        เวินหว่านไปแล้ว เย่ชิงหยูไม่มีอาจารย์ที่ใกล้ชิดหลงเหลืออยู่เลย ผนวกรวมกับเรื่องศึกสิบสังเวียนสามเดือนก่อนนู้นแล้ว อาจารย์ที่ชาติกำเนิดเป็นชนชั้นสูงก็เปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อเขา ไม่ค่อยอยากจะแยแสเท่าไรนัก ถึงจะไปขอให้ชี้แนะอย่างนอบน้อมแล้วก็ตามที พวกนั้นก็ทำปิดหูปิดตาไม่สนใจ

        เย่ชิงหยูหงุดหงิดนัก เลิกคิดจะไปขอความรู้จากอาจารย์ของสำนักอย่างเด็ดขาด และมาควานหาคำตอบเอาเองจากคัมภีร์ทุกประเภทในหอสมุดคลังแสง

        ดีที่บัตรผ่านซึ่งหัวหน้าหมวดหวังมอบให้เขามานั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้อ่านหรือสำรวจทุกเล่มที่ต้องการได้เท่านั้น ยังสามารถไปสืบค้นที่หอสมุดสาธารณะในเขตปีสองได้อีกด้วย

        ความจำเขาดีจนน่ากลัว สติปัญญาก็มากแทบบ้า ยังมีวิชาควบคุมลมหายใจลึกลับนั่นเป็นทัพหน้าอีก เคล็ดวรยุทธ์และวิชายุทธ์มากมายเพียงใด ขอแค่มีคัมภีร์ให้อ่าน เย่ชิงหยูก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง พัฒนารวดเร็วจนน่าทึ่งได้เหมือนกันหมด

        เย่ชิงหยูเองก็ชอบวิธีฝึกแบบนี้ หลีกเลี่ยงนักเรียนคนอื่น ไม่ต้องเอาพลังกายพลังใจไปเสียกับการรับมือกับพวกหาพวกสะสมกำลังนั่นดี

        พริบตาก็ผ่านไปอีกสิบวัน

        วันนี้อากาศแจ่มใส พระอาทิตย์เจิดจ้า

        คาบเช้าของเย่ชิงหยูจบลงแล้ว เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดยาว เครื่องแบบสะอาดสะอ้าน แบกหอกพร้อมปลอกไว้บนหลัง ตรงไปยังห้องกิจการการศึกษาของปีหนึ่ง เตรียมยื่นเรื่องการพิจารณาเลื่อนชั้นสู่ปีสอง

        เรื่องที่ศิษย์ปีหนึ่งจำเป็นต้องเรียน เขาได้เรียนหมดสิ้นแล้ว

        เข้าสู่ปีสองเมื่อใด นอกจากการฝึกพลังภายในกายของตนแล้ว นักเรียนยังสามารถสัมผัสปาฏิหาริย์ของกระบวนอักขระและอาวุธอักขระทั้งสองประเภท ถึงแม้จะไว้เพื่อช่วยเสริมทักษะฝีมือ แต่ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เติมเต็มพลังกายในตัวนักยุทธ์เองด้วยเช่นกัน

        และเป็นส่วนที่เย่ชิงหยูอยากเร่งเรียนให้ไวที่สุด

        ระหว่างทางพบนักเรียนสำนักเดียวกันไม่น้อย พวกเขามองเห็นเย่ชิงหยูเดินผ่านมา มีทั้งคนที่ก้มหัวก้าวผ่านไปไวๆ และเอ่ยทักทายอย่างกลัว ๆ กลุ่มศิษย์คนยากรวมตัวกัน อยากจะเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่เข้ามาใกล้…

        ในบรรดาศิษย์ปีหนึ่งทั้งหมดแล้ว เย่ชิงหยูเป็นหนึ่งในคนพิเศษที่สุดอย่างแน่แท้

        ท่ามกลางการรับรู้ของเด็กนักเรียน เขาก็เหมือนกับราชามารเย่

        ทางเดินบนแผ่นหินแตกแขนงออกเป็นทางสายเล็กๆ ทางบากบั่นตรงไปห้องกิจการการศึกษา ต้องผ่านลานแสดงยุทธ์พอดิบพอดี

        เย่ชิงหยูหันหน้าไปมองปราดหนึ่ง

        ในศึกวันนั้นเขาปรากฏพร้อมหอกคู่กายได้เลือกสังเวียน ทลายศิลาแหวกอากาศธาตุ เกือบจะทำให้ที่นี่กลายเป็นซากปรักหักพัง ทว่าอัตราการซ่อมบำรุงของสำนักกวางขาวนั้นสูงมาก บัดนี้ที่นี่หวนกลับสู่สภาพเดิม โอฬารกว้างใหญ่ สังเวียนที่ตั้งตระหง่านล้วนเป็นระเบียบและสะอาด

        ทว่ากลางลานนั้น กลับมีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่

        บนสังเวียนหมายเลขหนึ่ง มีธงสีขาวและสีน้ำเงินปักปลิวไสวกลางสายลมยามเช้า แต่ละผืนล้วนยาวนัก เขียนด้วยหมึกแดงชาดเป็นอักษรสองบรรทัด อักษรแดงดั่งศาสตราคมกริบ อบอวลด้วยจิตสังหาร

        “กวางขาวสิ้นเขากวางไร้น้ำยา หงส์ฟ้าแกร่งกล้าถมนภา”

Author เทพมารุต