มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่8 บทที่ 238 ลบตำนานเสียก็หมดเรื่อง

        “เจ้า…สามหาว!” ชายกลางคนหน้าขาวไร้เคราหัวเราะ “ในยุทธภพ ทุกคนล้วนบอกว่าเจ้าคือพวกคลั่งสังหารคนเลือดเย็นไร้หัวใจ เดิมทีข้ายังไม่เชื่อ อย่างน้อยกองทัพก็ยังแต่งตั้งเจ้าเป็นโหวยุทธ์ผู้กล้าหาญและภักดี บ่งบอกได้ชัดว่าเจ้าต้องมีส่วนที่ยังดีงามอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ ข้าคิดผิดไป มีตาหามีแววไม่ สามหาวอวดดี ฆ่าพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน ซ่อนใจเป็นพิษ…ข้าหมายถึงเจ้า เย่ชิงหยู!

        ชายกลางคนหน้าขาวไร้เคราผู้นี้น่าจะเป็นเบื้องสูงของพรรคเหล่านั้น ท่าทีไม่ธรรมดา ตอนอายุน้อยน่าจะเป็นหนุ่มรูปงาม โมโหคราวนี้เพราะอำนาจค้ำคอล้วนๆ

        เย่ชิงหยูกลับเม้มปากอย่างเบื่อหน่าย

        แค่ด่าผ่านลมปากใครเล่าจะทำไม่ได้

        ถ้าแค่ด่าแล้วแก้ปัญหาได้ จะมีตำแหน่งทูตถือดาบลาดตระเวนไว้ทำซากอะไรเล่า?

        อีกทั้งคืนนี้ เย่ชิงหยูก็ไม่อยากพูดคุยเหตุผลอะไรกับคนพวกนี้ทั้งนั้น

        ใช้ส้นเท้าคิดแล้วก็รู้ว่า กระบวนอักขระเตือนภัยอันนั้นถูกทำลายแล้ว สองสามคนนี้ที่มาไวที่สุดและรีบร้อนที่สุด ต้องเกี่ยวข้องกับค่ายทหารปลอมพวกนี้แน่นอน มิใช่คนดีแน่นอน หนำซ้ำยังมีหน้ามาใช้วิธีเช่นนี้คุกคามและขู่คนอื่น พวกชาวยุทธ์คิดว่าจะเอาวิธีแบบยุทธภพมาเล่นที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ?

        “ไม่บอกชื่อก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียจะคนไหนก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว รอจับพวกแกไปไต่สวนดูสักทีก็รู้แล้ว” เย่ชิงหยูขี้คร้านจะทุ่มเถียงกับคนพวกนี้เต็มที

        “ฮ่าๆๆๆ เจ้านี่มันบ้า ข้ามาที่นี่เพื่อจับตัวเจ้าไปไงล่ะ เย่ชิงหยู

        ชูไป๋เม่ยหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ไหว คนอื่นกลัวว่าเจ้าเป็นโหวเหย่ แต่ข้าไม่กลัว อยากจะเอาฐานันดรโหวมากำราบคนจากยุทธภพเช่นข้า เย่ชิงหยูเจ้าคิดฝันเฟื่องเกินไปแล้ว

        ชายกลางคนอีกสองคนหัวเราะบ้าง

        ทางด้านการฝึกวรยุทธ์ของพรรคย่อมต้องละเอียดลออยิ่งกว่ายอดฝีมือจากกองทหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องวิธีการและทักษะยิบย่อย ยอดฝีมือกองทหารไม่อาจเทียบเคียงได้ อาทิ ทักษะการสังเกตการณ์ที่แตกต่างกัน ชายกลางคนสองคนนี้เป็นผู้อาวุโสของพรรคระดับสูงในสามพรรคสามกลุ่ม ขนานนามมานานปี มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเย่ชิงหยูที่หลายผู้หลายนามให้นามว่าตำนาน อยู่แค่น้ำพุวิญญาณตาที่สามสิบเท่านั้น คนรุ่นหลังที่มีพลังแค่เล็กน้อยจะสร้างคลื่นลูกใหญ่ได้ที่ไหน…

        ชูไป๋เม่ยเป็นอัจฉริยะที่กำเนิดมาทีหลังของพรรคตะวันตกมหาวารี หลายปีก่อนหน้านี้ได้ผ่านอาณาน้ำพุวิญญาณตาที่ห้าสิบไปแล้ว ระดับการฝึกก็ก้าวหน้าขึ้นทุกที ผลการต่อสู้ในยุทธภพทำให้ชาวยุทธ์มากมายหวาดกลัว ยากจะหาคนวัยเดียวกันที่ต่อกรกับเขาได้ นับประสาอะไรกับเจ้าสามหาวเย่ชิงหยูที่มีพลังน้ำพุวิญญาณแค่สามสิบตากัน

        เย่ชิงหยูผู้นี้ ไม่รู้ว่ามีชื่อขนาดนั้นได้อย่างไร

        แต่ว่าก็บ้าเกินไปจริงๆ

        ก็ดี วันนี้ทำลายตำนานเล็กๆ ของทัพโยวเยี่ยนแห่งนี้เสีย ให้กองทัพรู้ไว้ว่าอะไรคือพลังที่แท้จริงของชาวพรรคแห่งยุทธภพ หลีกเลี่ยงพวกทหารปลาซิวปลาสร้อยไม่ให้คิดว่าแค่เอาชนะพรรคเสวียนเสวียน คุณชายห้าพิษ แล้วจะคว่ำทั้งสามพรรคสามกลุ่มได้เสีย

        อีกด้าน

        “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”

        เย่ชิงหยูส่ายหน้า เขาขยับร่างกายช้าๆ สองสามครั้ง

        ภาพมายามังกรหิมะสามสิบตนประหนึ่งเส้นแสงเอ่อท้นคำรามก้องจากร่างกาย สี่ทิศทางมีไอเย็นแผ่ขจาย เสียงครวญแห่งมังกรดังเป็นระลอก เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวเลือนหายสะเทือนทั้งอากาศธาตุ ยิ่งนานยิ่งชัดเจนขึ้น รังสีรอบกายเย่ชิงหยูประหนึ่งคลื่นทะเลยามเริ่มก่อตัว มหาศาลและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนดินถล่มกำลังก่อตัว ค่อยๆ สั่งสมและระเบิดออก ค่อยๆ โน้มไปในทางที่ไร้เทียมทาน!

        ชูไป๋เม่ยหัวเราะเย็น

        “พลังของเจ้าแค่อาณาน้ำพุวิญญาณตาที่สามสิบ นับได้ว่าแกร่งแล้ว แต่เทียบกับข้ามันยังเร็วไปชาติกว่า” คิ้วขาวเลิกขึ้นยามยิ้มเหยียดยาม “ไอปริศนาปราณน้ำแข็ง หาดูง่ายเหลือเกิน น่าเสียดายอีกอย่าง…” เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ดีดนิ้วอย่างผ่าเผย เปลวเพลิงสีส้มแดงผุดออกมาจากปลายนิ้ว เอ่ยเย้ยเยาะ “น่าเสียดายที่พลังภายในของข้าดันเป็นพลังไฟที่กำราบน้ำแข็งของเจ้าได้พอดี!

        กลิ่นอายร้อนและเดือดพล่านไหลมาตามเพลิงสีส้มแดง อบอวลกระจัดกระจายจากร่างชูไป๋เม่ย

        ด้านหลังเขา ชายกลางคนจากพรรคทั้งสองหัวเราะเบาๆ เป็นเชิงเยาะเย้ย

        อีกด้าน

        ใบหน้าของเย่ชิงหยูเผยแววเยาะเย้ย

        “เปลวไฟกำราบน้ำแข็งได้งั้นหรือ?” เขาเปิดปาก ฟันขาวดั่งหิมะสะท้อนแสงราวกับคมดาบ “ไอ้ปัญญาอ่อนที่ไหนบอกแกมาวะ? อ้อ แกต้องกำลังคิดว่าสามสิบน้ำพุวิญญาณไม่มากพออยู่แน่ๆ แล้วตอนนี้เล่า…”

        เอ่ยไม่ทันจบ

        เย่ชิงหยูเปิดขีดจำกัดแรกแห่งเทพเจ้าไร้ขีดสุด

        ตูม!

        แรงลมระเบิดและทวีจำนวน

        พลังลมปราณพลังสู้ของเย่ชิงหยูเพิ่มขึ้นทวีคูณ

        “กร๊าซซซ”

        สุรเสียงแห่งมังกรดั่งระฆังเวหา ดังก้องทั่วทั้งสี่ทิศ สะเทือนถึงแก้วหู

        รังสีของเขาเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งไร้ปรานี

        หากบอกว่าก่อนหน้านี้รังสีเด็กหนุ่มเหมือนน้ำท่วมคลื่นทะเลแล้วล่ะก็ ตอนนี้คงกลายเป็นคลื่นสาดซัดอย่างบ้าคลั่งกับทะเลที่ร้องโหยหวนอย่างแน่นอน ไอเย็นรอบด้านกระจัดกระจายออกไปรวดเร็วอย่างที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกที่ที่มันปกคลุมจะถูกแช่แข็ง ฝุ่นควันและเศษหญ้าที่ล่องลอยกลางอากาศถูกแช่แข็งร่วงหล่นลงพื้น ราวกับอากาศก็แข็งตัวไปด้วย

        หวือ!

        ลมแรงแกร่งกล้าตรงเข้าบดขยี้ชูไป๋เม่ยและอีกสองคน

        “เป็นไปได้อย่างไร…” ชูไป๋เม่ยเบิกตากว้าง

        ชายกลางคนสองคนข้างหลังเขาก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

        พลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว?

        นี่…ล้อกันเล่นใช่ไหม?

        รายละเอียดปลีกย่อยอันลึกซึ้งของพรรคชั้นสูง ชั้นวรยุทธ์ประหลาดทุกอย่างไม่เป็นกลุ่มก้อน แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีวิชาน่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย วิชาที่ทำให้พลังของคนๆ หนึ่งเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าในพริบตา…หรือว่าจะเป็นวิชามารที่ผลาญพลังแห่งชีวิต เจ้า…เย่ชิงหยูมันบ้าไปแล้วหรือ?

        วินาทีที่พวกเขาตะลึงลานอยู่นั้นเอง เย่ชิงหยูเริ่มจู่โจม

        ร่างกายแวบหาย ก้าวสองสามก้าวก็มาถึงหน้าชูไป๋เม่ย

        ฝ่ามือเงื้อขึ้นมา ดั่งอัสนีบาตกราดฟาด

        ชูไป๋เม่ยตะโกนก้อง ระเบิดพลังเปลวไฟท่วมทั้งตัว

        ร่างของเขาถูกกำบังไฟสีส้มแดงโอบล้อมดั่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดขึ้นจากไฟ สองขาหนักอึ้ง สองแขนยกขึ้น มือซ้ายไขว้มือขวา กิริยาลื่นไหล ดูเหมือนเชื่องช้า แต่ความจริงแล้วไวอย่างที่สุด ฝ่ามือชั้นแล้วชั้นเล่าราวกับกวนอิมพันมือ เปลวเพลิงซ้ำๆ แวบเดียวก็กลายเป็นฝ่ามือไฟทั่วอากาศธาตุ

        “ฝ่ามือพันเพลิง!

        “ชูไป๋เม่ยใช้กระบวนยุทธ์เลื่องชื่อของตัวเองตั้งแต่แรกเลย!

        ทั้งสองคนใจสั่น

        วรยุทธ์ของพรรคตะวันตกมหาวารีนั้นเป็นอิสระและลึกซึ้ง เช่นฝ่ามือพันเพลิงท่านี้เป็นวิชายุทธ์ที่สูงล้ำเป็นอย่างมาก ในเวลาชั่วพริบตาก็กลายเป็นฝ่ามือนับไม่ถ้วนเพิ่มจำนวนซ้อนทับ พลังเพิ่มตาม แม้ว่าจะไม่มีผลเพิ่มหลายเท่าตัวในตอนเดียว แต่สามารถสำแดงฤทธิ์พลังต่อสู้ในกายตนเองได้อย่างเหนือชั้น

        ชูไป๋เม่ยได้ฉายาว่าจ้าวเปลวเพลิงก็เพราะกระบวนยุทธ์ฝ่ามือพันเพลิงนี้เอง ไม่รู้ว่าล้มยอดฝีมือที่ระดับสูงกว่าเขามาแล้วกี่คนต่อกี่คน

        วินาทีที่ใช้ท่านี้ออกมา ชายกลางคนทั้งสองนอกจากจะชื่นชมแล้วยังมั่นคงขึ้นด้วย

        แต่ว่า

        ต่อมา

        ฝ่ามือดั่งอัสนีบาตของเย่ชิงหยูประทับลงตรงกลางเปลวเพลิงนับพันนับหมื่นนั้นอย่างแม่นยำ

        นั่นคือฝ่ามือที่แท้จริงหนึ่งเดียวของชูไป๋เม่ย

        เย่ชิงหยูหาเจอแล้ว

        ไอเย็นพวยพุ่งทันใด

        เปลวไฟส้มแดงมากมายหายไปในแวบเดียว

        สิ่งที่พลอยหายไปด้วยก็คือพลังร้อนลวกผิวของไฟนั้นนั่นเอง

        สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความเย็นเยียบไร้สิ้นสุด

        มังกรเงินพันรอบกายเย่ชิงหยู ปุยหิมะเกล็ดน้ำแข็งประหนึ่งผีเสื้อโบยบิน ฝ่ามือของเขาปกคลุมด้วยสีขาวเงิน ตอนประทับบนฝ่ามือชูไป๋เม่ย ชั้นสีขาวเงินนั้นก็เหมือนเชื้อร้ายในกระดูกลุกลามเข้าสู่มือของชูไป๋เม่ย ตอนที่เจ้าตัวยังตื่นตระหนก มันก็เข้าไปในร่างกายแล้ว…

        ชูไป๋เม่ยถอยกรูดสุดชีวิต เขาต้องไปให้ห่าง

        แต่มือเขากลับติดนิ่ง ไม่มีทางหลุดจากฝ่ามือของเย่ชิงหยูได้เลย

        เขาอ้าปากจะร้องลั่น แต่น้ำค้างแข็งสีเงินได้ผนึกปากจมูกของเขาเอาไว้จนสนิทแล้ว ทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาไม่ได้

        พลังปราณไฟถูกกระตุ้นสุดกำลัง ใต้น้ำแข็งสีเงินสามารถเห็นไอแสงสีส้มแดงหรือก็คือเพลิงใต้ผิวที่อยากปะทุออกมา แต่ก็ไม่อาจทำลายผนึกน้ำค้างแข็งบางๆ ที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ทั้งร่างได้เลย…

        พริบตาเดียว ชูไป๋เม่ยก็กลายเป็นมนุษย์หิมะ

        เย่ชิงหยูละมือ

        “ไป๋เม่ย…หึๆ เพราะคิ้วขาวอย่างเดียวถึงได้อัปลักษณ์นัก ข้าช่วยให้แกขาวทั้งตัวแล้วนะ คราวนี้ก็ชื่อชูไป๋ไป๋ได้แล้ว เยี่ยมเลย” เย่ชิงหยูหัวเราะ เขาพอใจกับผลลัพธ์ของฝ่ามือนี้มาก

        ขีดจำกัดแรกของเทพเจ้าไร้ขีดสุดเพิ่มพลังสู้หนึ่งเท่าตัว บวกกับเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ที่โจมตีครั้งเดียวก็ล้มชูไป๋เม่ยได้ นี่คือการสำแดงเดชอันถูกต้อง

        แต่สภาวะขีดจำกัดแรกนั้นคงอยู่ได้แค่เจ็ดนาทีครึ่งเท่านั้น

        ต้องรีบสู้ให้เสร็จ

        เย่ชิงหยูชำเลืองมองชายกลางคนสองคนที่เหลือ

        ฝ่ามือคว้าอากาศว่างเปล่า กระบี่ฉ่าวชางใสกระจ่างราวกับน้ำยามหน้าใบไม้ร่วงถูกเรียกออกมาจากโลกตันเถียน ส่องแสงประกายยามร่วงลงบนมือเย่ชิงหยู

        กระชากวิญญาณผ่าเวหา!

        เย่ชิงหยูใช้หนึ่งในสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ ด้ามกระบี่ฉ่าวชางมีแสงประหลาดกะพริบไหว เขาเป็นดั่งผีร้ายมาโผล่ตรงหน้าชายเครายาวในบัดดล

        ชายคนนี้ตกใจมาก เขาชักกระบี่ออกจากฝักด้านหลัง จะตั้งรับ…

        แต่เย่ชิงหยูไม่เปิดโอกาสให้

        เคร้ง!

        กระบี่ยาวปะทะกัน พลังผนึกเงียบงันก็ไล่เรียงไปตามแนวกระบี่ สะเทือนเข้าร่างชายกลางคน

        พลังภายในไพศาลแกร่งกล้าของเขากลายเป็นเงียบฉี่

        ความเงียบแค่นี้ เพียงพอให้ถึงแก่ชีวิต

        สลาตันคมกระบี่

        เมื่อความเย็นระเบิดออก กระบี่ฉ่าวชางกลายเป็นเงากระบี่ในพายุท่วมฟ้า ปกคลุมร่างชายคนนี้ไว้ในใจกลาง

        ก่อนหน้าที่พลังภายในหวนคืนสู่สภาพเดิม ร่างกายของเขาก็ถูกกระบี่อย่างน้อยยี่สิบกว่าเล่มไปแล้ว แม้ว่าจะมีการป้องกันตามธรรมชาติของกำลังภายใน แต่เงากระบี่นี้มิอาจฆ่าเขาแหลกลาญในพริบตาได้ เพียงแค่ทิ้งรอยแผลจากกระบี่ตื้นๆ รอยแล้วรอยเล่าบนร่าง แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะไอเย็นอันน่ากลัวกับพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าของเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ได้ล่วงเข้าร่างเขาตามบาดแผลไปแล้ว

        หากชายคนนี้สามารถกำจัดพลังน้ำแข็งในระดับความแกร่งของกำลังภายในเย่ชิงหยูในตอนนี้ไปได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์กลับเป็นพลังที่เขาไม่มีทางรับมือได้ เหมือนมีเข็มเงินทิ่มเส้นปราณ ผนึกเอาไว้ พลังปราณไม่อาจทำงานได้

        ชายกลางคนเครายาวที่อยู่ในสภาพนี้ ไม่ต่างกับนักยุทธ์อาณาพิภพเลยสักนิด

        เย่ชิงหยูเตะอกเขา ลอยละลิ่วเหมือนเตะท่อนไม้เน่าเปื่อย

        การบุกของชายหน้าขาวไร้เครามาช้าไป ช่วยชายกลางคนเครายาวไม่ทัน

        “ข้าจะฆ่าแก” เขาโกรธจัด นัยน์ตามีแววอาฆาต

Author เทพมารุต