“เจ้า…สามหาว!” ชายกลางคนหน้าขาวไร้เคราหัวเราะ “ในยุทธภพ ทุกคนล้วนบอกว่าเจ้าคือพวกคลั่งสังหารคนเลือดเย็นไร้หัวใจ เดิมทีข้ายังไม่เชื่อ อย่างน้อยกองทัพก็ยังแต่งตั้งเจ้าเป็นโหวยุทธ์ผู้กล้าหาญและภักดี บ่งบอกได้ชัดว่าเจ้าต้องมีส่วนที่ยังดีงามอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ ข้าคิดผิดไป มีตาหามีแววไม่ สามหาวอวดดี ฆ่าพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน ซ่อนใจเป็นพิษ…ข้าหมายถึงเจ้า เย่ชิงหยู!”
ชายกลางคนหน้าขาวไร้เคราผู้นี้น่าจะเป็นเบื้องสูงของพรรคเหล่านั้น ท่าทีไม่ธรรมดา ตอนอายุน้อยน่าจะเป็นหนุ่มรูปงาม โมโหคราวนี้เพราะอำนาจค้ำคอล้วนๆ
เย่ชิงหยูกลับเม้มปากอย่างเบื่อหน่าย
แค่ด่าผ่านลมปากใครเล่าจะทำไม่ได้
ถ้าแค่ด่าแล้วแก้ปัญหาได้ จะมีตำแหน่งทูตถือดาบลาดตระเวนไว้ทำซากอะไรเล่า?
อีกทั้งคืนนี้ เย่ชิงหยูก็ไม่อยากพูดคุยเหตุผลอะไรกับคนพวกนี้ทั้งนั้น
ใช้ส้นเท้าคิดแล้วก็รู้ว่า กระบวนอักขระเตือนภัยอันนั้นถูกทำลายแล้ว สองสามคนนี้ที่มาไวที่สุดและรีบร้อนที่สุด ต้องเกี่ยวข้องกับค่ายทหารปลอมพวกนี้แน่นอน มิใช่คนดีแน่นอน หนำซ้ำยังมีหน้ามาใช้วิธีเช่นนี้คุกคามและขู่คนอื่น พวกชาวยุทธ์คิดว่าจะเอาวิธีแบบยุทธภพมาเล่นที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ?
“ไม่บอกชื่อก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียจะคนไหนก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว รอจับพวกแกไปไต่สวนดูสักทีก็รู้แล้ว” เย่ชิงหยูขี้คร้านจะทุ่มเถียงกับคนพวกนี้เต็มที
“ฮ่าๆๆๆ เจ้านี่มันบ้า ข้ามาที่นี่เพื่อจับตัวเจ้าไปไงล่ะ เย่ชิงหยู”
ชูไป๋เม่ยหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ไหว คนอื่นกลัวว่าเจ้าเป็นโหวเหย่ แต่ข้าไม่กลัว อยากจะเอาฐานันดรโหวมากำราบคนจากยุทธภพเช่นข้า เย่ชิงหยูเจ้าคิดฝันเฟื่องเกินไปแล้ว
ชายกลางคนอีกสองคนหัวเราะบ้าง
ทางด้านการฝึกวรยุทธ์ของพรรคย่อมต้องละเอียดลออยิ่งกว่ายอดฝีมือจากกองทหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องวิธีการและทักษะยิบย่อย ยอดฝีมือกองทหารไม่อาจเทียบเคียงได้ อาทิ ทักษะการสังเกตการณ์ที่แตกต่างกัน ชายกลางคนสองคนนี้เป็นผู้อาวุโสของพรรคระดับสูงในสามพรรคสามกลุ่ม ขนานนามมานานปี มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเย่ชิงหยูที่หลายผู้หลายนามให้นามว่าตำนาน อยู่แค่น้ำพุวิญญาณตาที่สามสิบเท่านั้น คนรุ่นหลังที่มีพลังแค่เล็กน้อยจะสร้างคลื่นลูกใหญ่ได้ที่ไหน…
ชูไป๋เม่ยเป็นอัจฉริยะที่กำเนิดมาทีหลังของพรรคตะวันตกมหาวารี หลายปีก่อนหน้านี้ได้ผ่านอาณาน้ำพุวิญญาณตาที่ห้าสิบไปแล้ว ระดับการฝึกก็ก้าวหน้าขึ้นทุกที ผลการต่อสู้ในยุทธภพทำให้ชาวยุทธ์มากมายหวาดกลัว ยากจะหาคนวัยเดียวกันที่ต่อกรกับเขาได้ นับประสาอะไรกับเจ้าสามหาวเย่ชิงหยูที่มีพลังน้ำพุวิญญาณแค่สามสิบตากัน
เย่ชิงหยูผู้นี้ ไม่รู้ว่ามีชื่อขนาดนั้นได้อย่างไร
แต่ว่าก็บ้าเกินไปจริงๆ
ก็ดี วันนี้ทำลายตำนานเล็กๆ ของทัพโยวเยี่ยนแห่งนี้เสีย ให้กองทัพรู้ไว้ว่าอะไรคือพลังที่แท้จริงของชาวพรรคแห่งยุทธภพ หลีกเลี่ยงพวกทหารปลาซิวปลาสร้อยไม่ให้คิดว่าแค่เอาชนะพรรคเสวียนเสวียน คุณชายห้าพิษ แล้วจะคว่ำทั้งสามพรรคสามกลุ่มได้เสีย
อีกด้าน
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
เย่ชิงหยูส่ายหน้า เขาขยับร่างกายช้าๆ สองสามครั้ง
ภาพมายามังกรหิมะสามสิบตนประหนึ่งเส้นแสงเอ่อท้นคำรามก้องจากร่างกาย สี่ทิศทางมีไอเย็นแผ่ขจาย เสียงครวญแห่งมังกรดังเป็นระลอก เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวเลือนหายสะเทือนทั้งอากาศธาตุ ยิ่งนานยิ่งชัดเจนขึ้น รังสีรอบกายเย่ชิงหยูประหนึ่งคลื่นทะเลยามเริ่มก่อตัว มหาศาลและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนดินถล่มกำลังก่อตัว ค่อยๆ สั่งสมและระเบิดออก ค่อยๆ โน้มไปในทางที่ไร้เทียมทาน!
ชูไป๋เม่ยหัวเราะเย็น
“พลังของเจ้าแค่อาณาน้ำพุวิญญาณตาที่สามสิบ นับได้ว่าแกร่งแล้ว แต่เทียบกับข้ามันยังเร็วไปชาติกว่า” คิ้วขาวเลิกขึ้นยามยิ้มเหยียดยาม “ไอปริศนาปราณน้ำแข็ง หาดูง่ายเหลือเกิน น่าเสียดายอีกอย่าง…” เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ดีดนิ้วอย่างผ่าเผย เปลวเพลิงสีส้มแดงผุดออกมาจากปลายนิ้ว เอ่ยเย้ยเยาะ “น่าเสียดายที่พลังภายในของข้าดันเป็นพลังไฟที่กำราบน้ำแข็งของเจ้าได้พอดี!”
กลิ่นอายร้อนและเดือดพล่านไหลมาตามเพลิงสีส้มแดง อบอวลกระจัดกระจายจากร่างชูไป๋เม่ย
ด้านหลังเขา ชายกลางคนจากพรรคทั้งสองหัวเราะเบาๆ เป็นเชิงเยาะเย้ย
อีกด้าน
ใบหน้าของเย่ชิงหยูเผยแววเยาะเย้ย
“เปลวไฟกำราบน้ำแข็งได้งั้นหรือ?” เขาเปิดปาก ฟันขาวดั่งหิมะสะท้อนแสงราวกับคมดาบ “ไอ้ปัญญาอ่อนที่ไหนบอกแกมาวะ? อ้อ แกต้องกำลังคิดว่าสามสิบน้ำพุวิญญาณไม่มากพออยู่แน่ๆ แล้วตอนนี้เล่า…”
เอ่ยไม่ทันจบ
เย่ชิงหยูเปิดขีดจำกัดแรกแห่งเทพเจ้าไร้ขีดสุด
ตูม!
แรงลมระเบิดและทวีจำนวน
พลังลมปราณพลังสู้ของเย่ชิงหยูเพิ่มขึ้นทวีคูณ
“กร๊าซซซ”
สุรเสียงแห่งมังกรดั่งระฆังเวหา ดังก้องทั่วทั้งสี่ทิศ สะเทือนถึงแก้วหู
รังสีของเขาเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งไร้ปรานี
หากบอกว่าก่อนหน้านี้รังสีเด็กหนุ่มเหมือนน้ำท่วมคลื่นทะเลแล้วล่ะก็ ตอนนี้คงกลายเป็นคลื่นสาดซัดอย่างบ้าคลั่งกับทะเลที่ร้องโหยหวนอย่างแน่นอน ไอเย็นรอบด้านกระจัดกระจายออกไปรวดเร็วอย่างที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกที่ที่มันปกคลุมจะถูกแช่แข็ง ฝุ่นควันและเศษหญ้าที่ล่องลอยกลางอากาศถูกแช่แข็งร่วงหล่นลงพื้น ราวกับอากาศก็แข็งตัวไปด้วย
หวือ!
ลมแรงแกร่งกล้าตรงเข้าบดขยี้ชูไป๋เม่ยและอีกสองคน
“เป็นไปได้อย่างไร…” ชูไป๋เม่ยเบิกตากว้าง
ชายกลางคนสองคนข้างหลังเขาก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน
พลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว?
นี่…ล้อกันเล่นใช่ไหม?
รายละเอียดปลีกย่อยอันลึกซึ้งของพรรคชั้นสูง ชั้นวรยุทธ์ประหลาดทุกอย่างไม่เป็นกลุ่มก้อน แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีวิชาน่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย วิชาที่ทำให้พลังของคนๆ หนึ่งเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าในพริบตา…หรือว่าจะเป็นวิชามารที่ผลาญพลังแห่งชีวิต เจ้า…เย่ชิงหยูมันบ้าไปแล้วหรือ?
วินาทีที่พวกเขาตะลึงลานอยู่นั้นเอง เย่ชิงหยูเริ่มจู่โจม
ร่างกายแวบหาย ก้าวสองสามก้าวก็มาถึงหน้าชูไป๋เม่ย
ฝ่ามือเงื้อขึ้นมา ดั่งอัสนีบาตกราดฟาด
ชูไป๋เม่ยตะโกนก้อง ระเบิดพลังเปลวไฟท่วมทั้งตัว
ร่างของเขาถูกกำบังไฟสีส้มแดงโอบล้อมดั่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดขึ้นจากไฟ สองขาหนักอึ้ง สองแขนยกขึ้น มือซ้ายไขว้มือขวา กิริยาลื่นไหล ดูเหมือนเชื่องช้า แต่ความจริงแล้วไวอย่างที่สุด ฝ่ามือชั้นแล้วชั้นเล่าราวกับกวนอิมพันมือ เปลวเพลิงซ้ำๆ แวบเดียวก็กลายเป็นฝ่ามือไฟทั่วอากาศธาตุ
“ฝ่ามือพันเพลิง!”
“ชูไป๋เม่ยใช้กระบวนยุทธ์เลื่องชื่อของตัวเองตั้งแต่แรกเลย!”
ทั้งสองคนใจสั่น
วรยุทธ์ของพรรคตะวันตกมหาวารีนั้นเป็นอิสระและลึกซึ้ง เช่นฝ่ามือพันเพลิงท่านี้เป็นวิชายุทธ์ที่สูงล้ำเป็นอย่างมาก ในเวลาชั่วพริบตาก็กลายเป็นฝ่ามือนับไม่ถ้วนเพิ่มจำนวนซ้อนทับ พลังเพิ่มตาม แม้ว่าจะไม่มีผลเพิ่มหลายเท่าตัวในตอนเดียว แต่สามารถสำแดงฤทธิ์พลังต่อสู้ในกายตนเองได้อย่างเหนือชั้น
ชูไป๋เม่ยได้ฉายาว่าจ้าวเปลวเพลิงก็เพราะกระบวนยุทธ์ฝ่ามือพันเพลิงนี้เอง ไม่รู้ว่าล้มยอดฝีมือที่ระดับสูงกว่าเขามาแล้วกี่คนต่อกี่คน
วินาทีที่ใช้ท่านี้ออกมา ชายกลางคนทั้งสองนอกจากจะชื่นชมแล้วยังมั่นคงขึ้นด้วย
แต่ว่า
ต่อมา
ฝ่ามือดั่งอัสนีบาตของเย่ชิงหยูประทับลงตรงกลางเปลวเพลิงนับพันนับหมื่นนั้นอย่างแม่นยำ
นั่นคือฝ่ามือที่แท้จริงหนึ่งเดียวของชูไป๋เม่ย
เย่ชิงหยูหาเจอแล้ว
ไอเย็นพวยพุ่งทันใด
เปลวไฟส้มแดงมากมายหายไปในแวบเดียว
สิ่งที่พลอยหายไปด้วยก็คือพลังร้อนลวกผิวของไฟนั้นนั่นเอง
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความเย็นเยียบไร้สิ้นสุด
มังกรเงินพันรอบกายเย่ชิงหยู ปุยหิมะเกล็ดน้ำแข็งประหนึ่งผีเสื้อโบยบิน ฝ่ามือของเขาปกคลุมด้วยสีขาวเงิน ตอนประทับบนฝ่ามือชูไป๋เม่ย ชั้นสีขาวเงินนั้นก็เหมือนเชื้อร้ายในกระดูกลุกลามเข้าสู่มือของชูไป๋เม่ย ตอนที่เจ้าตัวยังตื่นตระหนก มันก็เข้าไปในร่างกายแล้ว…
ชูไป๋เม่ยถอยกรูดสุดชีวิต เขาต้องไปให้ห่าง
แต่มือเขากลับติดนิ่ง ไม่มีทางหลุดจากฝ่ามือของเย่ชิงหยูได้เลย
เขาอ้าปากจะร้องลั่น แต่น้ำค้างแข็งสีเงินได้ผนึกปากจมูกของเขาเอาไว้จนสนิทแล้ว ทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
พลังปราณไฟถูกกระตุ้นสุดกำลัง ใต้น้ำแข็งสีเงินสามารถเห็นไอแสงสีส้มแดงหรือก็คือเพลิงใต้ผิวที่อยากปะทุออกมา แต่ก็ไม่อาจทำลายผนึกน้ำค้างแข็งบางๆ ที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ทั้งร่างได้เลย…
พริบตาเดียว ชูไป๋เม่ยก็กลายเป็นมนุษย์หิมะ
เย่ชิงหยูละมือ
“ไป๋เม่ย…หึๆ เพราะคิ้วขาวอย่างเดียวถึงได้อัปลักษณ์นัก ข้าช่วยให้แกขาวทั้งตัวแล้วนะ คราวนี้ก็ชื่อชูไป๋ไป๋ได้แล้ว เยี่ยมเลย” เย่ชิงหยูหัวเราะ เขาพอใจกับผลลัพธ์ของฝ่ามือนี้มาก
ขีดจำกัดแรกของเทพเจ้าไร้ขีดสุดเพิ่มพลังสู้หนึ่งเท่าตัว บวกกับเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ที่โจมตีครั้งเดียวก็ล้มชูไป๋เม่ยได้ นี่คือการสำแดงเดชอันถูกต้อง
แต่สภาวะขีดจำกัดแรกนั้นคงอยู่ได้แค่เจ็ดนาทีครึ่งเท่านั้น
ต้องรีบสู้ให้เสร็จ
เย่ชิงหยูชำเลืองมองชายกลางคนสองคนที่เหลือ
ฝ่ามือคว้าอากาศว่างเปล่า กระบี่ฉ่าวชางใสกระจ่างราวกับน้ำยามหน้าใบไม้ร่วงถูกเรียกออกมาจากโลกตันเถียน ส่องแสงประกายยามร่วงลงบนมือเย่ชิงหยู
กระชากวิญญาณผ่าเวหา!
เย่ชิงหยูใช้หนึ่งในสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ ด้ามกระบี่ฉ่าวชางมีแสงประหลาดกะพริบไหว เขาเป็นดั่งผีร้ายมาโผล่ตรงหน้าชายเครายาวในบัดดล
ชายคนนี้ตกใจมาก เขาชักกระบี่ออกจากฝักด้านหลัง จะตั้งรับ…
แต่เย่ชิงหยูไม่เปิดโอกาสให้
เคร้ง!
กระบี่ยาวปะทะกัน พลังผนึกเงียบงันก็ไล่เรียงไปตามแนวกระบี่ สะเทือนเข้าร่างชายกลางคน
พลังภายในไพศาลแกร่งกล้าของเขากลายเป็นเงียบฉี่
ความเงียบแค่นี้ เพียงพอให้ถึงแก่ชีวิต
สลาตันคมกระบี่
เมื่อความเย็นระเบิดออก กระบี่ฉ่าวชางกลายเป็นเงากระบี่ในพายุท่วมฟ้า ปกคลุมร่างชายคนนี้ไว้ในใจกลาง
ก่อนหน้าที่พลังภายในหวนคืนสู่สภาพเดิม ร่างกายของเขาก็ถูกกระบี่อย่างน้อยยี่สิบกว่าเล่มไปแล้ว แม้ว่าจะมีการป้องกันตามธรรมชาติของกำลังภายใน แต่เงากระบี่นี้มิอาจฆ่าเขาแหลกลาญในพริบตาได้ เพียงแค่ทิ้งรอยแผลจากกระบี่ตื้นๆ รอยแล้วรอยเล่าบนร่าง แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะไอเย็นอันน่ากลัวกับพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าของเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ได้ล่วงเข้าร่างเขาตามบาดแผลไปแล้ว
หากชายคนนี้สามารถกำจัดพลังน้ำแข็งในระดับความแกร่งของกำลังภายในเย่ชิงหยูในตอนนี้ไปได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์กลับเป็นพลังที่เขาไม่มีทางรับมือได้ เหมือนมีเข็มเงินทิ่มเส้นปราณ ผนึกเอาไว้ พลังปราณไม่อาจทำงานได้
ชายกลางคนเครายาวที่อยู่ในสภาพนี้ ไม่ต่างกับนักยุทธ์อาณาพิภพเลยสักนิด
เย่ชิงหยูเตะอกเขา ลอยละลิ่วเหมือนเตะท่อนไม้เน่าเปื่อย
การบุกของชายหน้าขาวไร้เครามาช้าไป ช่วยชายกลางคนเครายาวไม่ทัน
“ข้าจะฆ่าแก” เขาโกรธจัด นัยน์ตามีแววอาฆาต