มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 6 ค่าตอบแทนจากกู่ซินเอ๋อร์

        เมิ่งฝานกำหมัดแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบไปที่ใดได้เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับกู่ซินเอ๋อร์ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ใช่แล้วล่ะ ซินเอ๋อร์ก็ออกมาฝึกฝนด้วยเช่นกันสินะ เจ้าขยันเพียงนี้ไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นพลังใดแล้ว?”

        เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู่ซินเอ๋อร์กะพริบตาถี่ๆ เอ่ยเสียงเบา

        “พี่เมิ่งฝาน ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นฝึกกายาระดับที่ห้าแล้วล่ะ เป็นอย่างไร ข้าเก่งหรือไม่!

        ฝึกกายาระดับห้า!

        เมิ่งฝานพยักหน้ารับแต่กลับทอดถอนใจอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่ากู่ซินเอ๋อร์จะอยู่ในขั้นฝึกกายาระดับที่ห้า เพราะโดยปกติแล้วนั้นกู่ซินเอ๋อร์ไม่ค่อยชอบฝึกบำเพ็ญตนเสียเท่าไหร่ ในขณะที่ตัวเขาพยายามบำเพ็ญตนอย่างหนักแต่กลับ…

        เมื่อคิดได้เช่นนี้เมิ่งฝานก็อดที่จะยิ้มเจื่อนไม่ได้ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเรียบ “เก่งมาก ซินเอ๋อร์เจ้าช่างเป็นอัจฉริยะแห่งการบำเพ็ญพลังปราณจริงๆ!

        เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มเจื่อนเมื่อได้ยินคำพูดของตนก็ทำให้กู่ซินเอ๋อร์ชะงักไปชั่วครู่ ทันใดฝ่ามือเล็กก็จับชายเสื้อของตนเอง เอ่ยเสียงเบา “ข้าขอโทษ พี่เมิ่งฝาน คือข้า…

        “ไม่เป็นไร!

        เมิ่งฝานส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะที่กำลังยื่นมือออกไปลูบศีรษะของกู่ซินเอ๋อร์เหมือนอย่างที่เคยทำในวันวาน แต่พลันหักห้ามใจไว้ เพียงเอ่ยด้วยเสียงเรียบ “ซินเอ๋อร์ยิ่งเจ้าเก่งมากขึ้นเท่าใด ข้าก็ยิ่งดีใจมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมสิว่าพวกเราเติบโตมาด้วยกัน!

        เมื่อได้ยินเมิ่งฝานกล่าวเช่นนั้น กู่ซินเอ๋อร์ก็พยักหน้ารับ ดวงตาคู่งามมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะกัดฟันแน่นกว่าเดิมคล้ายกำลังไม่พอใจบางอย่าง ไม่นานกู่ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยว่า “แต่ว่าพี่เมิ่งฝาน ท่านไม่ได้มาเล่นกับซินเอ๋อร์ตั้งเกือบสองปีแล้วนะ!

        เมิ่งฝานกระแอมออกมาทันใด รีบเอ่ยว่า “ก็เพราะข้าต้องบำเพ็ญตนอย่างไรเล่า ข้าไม่ได้มีพรสวรรค์อย่างเจ้าเสียหน่อยซินเอ๋อร์!

        กู่ซินเอ๋อร์ได้ยินแล้วฝืนยิ้มส่งไป และเอ่ยเสียงเบา “พี่เมิ่งฝานพูดเกินไปแล้ว ซินเอ๋อร์เองก็ต้องบำเพ็ญตนอย่างหนักเช่นกัน ท่านพ่อบอกไว้ไม่ว่าเป็นพรสวรรค์หรือสรรพคุณทางยาล้วนแต่เป็นเรื่องรองทั้งสิ้น ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีใจที่มุ่งมั่นในการฝึกฝน ซึ่งในเรื่องนี้ข้าก็ยังต้องการให้ท่านกับพี่สาวของข้าช่วยชี้แนะ ยามนี้ท่านพี่ข้าล้ำหน้าข้าไปไกลแล้ว อีกอย่างการประลองของหมู่บ้านก็กำลังจะมาถึง นอกจากข้าจะต้องฝึกบำเพ็ญตนแล้วก็ยังต้องไปจับอสรพิษมรกตอีกด้วย

        การประลองของหมู่บ้าน!

        เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจของเมิ่งฝานก็สั่นสะท้านทันที การประลองที่กู่ซินเอ๋อร์พูดออกมาเมื่อครู่ก็คือการประลองที่สำคัญของหมู่บ้านโดยจะจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้ง เมื่อเวลานั้นมาถึงบรรดาคนหนุ่มสาวของหมู่บ้านต่างเข้าร่วมการประลองนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

        การประลองนี้สำคัญต่อหมู่บ้านอูเจิ้นเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกก็จะได้รับรางวัลไม่น้อยถึงขนาดที่ว่าอาจจะได้รับพืชวิเศษระดับสองขึ้นไปอีกด้วย

        เมิ่งฝานนับนิ้วดูก็พบว่าก่อนการประลองจะมาถึงเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่…สำหรับเมิ่งฝานแล้ว การเป็นหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกยังนับว่าเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมไปสักหน่อย

        เขายิ้มเจื่อนอีกครั้ง หลังจากชะงักงันไปชั่วครู่เมิ่งฝานจึงเอ่ยเสียงเบา “จับอสรพิษมรกตเจ้ายังฝึกฝนวิชายุทธ์ที่บิดาเจ้าให้มาอยู่หรือ?”

        “อื้ม!

        กู่ซินเอ๋อร์พยักหน้ารับ เมิ่งฝานมองไปยังเด็กสาวตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วเล็กน้อย ผู้ที่รู้ความลับนี้มีไม่มาก และผู้ที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กอย่างเมิ่งฝานก็คือหนึ่งในนั้น

        วิชายุทธ์ที่กู่ซินเอ๋อร์ฝึกฝนในยามนี้คือวิชายุทธ์แห่งพลังปราณฉบับไม่สมบูรณ์ที่ผู้เป็นบิดาอย่างกู่หยวนตั้งใจมอบให้กับบุตรี มันเป็นวิชายุทธ์ที่ไม่สมประกอบทั้งยังมีที่มาที่ไปลึกลับถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นวิชายุทธ์ระดับใด ทว่ากู่หยวนก็ยังคงบอกให้บุตรีอย่างกู่ซินเอ๋อร์ยืนหยัดฝึกฝนมันต่อไป

        เมิ่งฝานเองทั้งไม่รู้จักและไม่เข้าใจในวิชายุทธ์ที่ลึกลับฉบับนี้ แต่ในเมื่อกู่หยวนคะยั้นคะยอให้กู่ซินเอ๋อร์ฝึกฝนย่อมแสดงว่าต้องเป็นวิชายุทธ์ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

        การฝึกฝนวิชายุทธ์เช่นว่านี้มีเงื่อนไขที่ประหลาดยิ่ง ข้อแรกคือต้องดูดซับพลังภายในจิตอสูรที่อยู่ในร่างของสัตว์อสูร ดังนั้น กู่ซินเอ๋อร์จึงต้องจับสัตว์อสูรระดับหนึ่งอย่าง ‘อสรพิษมรกต’ มาฝึกฝนอยู่ตลอด

        เมิ่งฝานลูบท้ายทอยตนเองแล้วถามออกไปว่า

        “เจ้าแน่ใจหรือว่าตนเองจะทำได้?”

        แม้ว่าสัตว์อสูรอย่างอสรพิษมรกตไม่ได้มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงนัก แต่สำหรับกู่ซินเอ๋อร์แล้วนั้นถือว่ามีระดับความยากไม่ใช่น้อย ด้วยเด็กสาวผู้นี้มีจิตใจดีมาตั้งแต่เกิด และถึงแม้ว่าจะอิงตามพลังของกู่ซินเอ๋อร์แล้วนั้นการจับอสรพิษมรกตจะไม่ใช่ปัญหา แต่บางทีเมื่อจับได้แล้วนางมักจะใจอ่อนปล่อยมันไป ดังนั้นเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เมิ่งฝานจึงมีหน้าที่จับอสรพิษมรกตเหล่านั้นมาให้นาง ทว่าภายหลังเมิ่งฝานก็เอาแต่หลบหน้ากู่ซินเอ๋อร์

        ครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งฝานกู่ซินเอ๋อร์ก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการตำหนิ “ก็…ต่อให้เป็นเพราะข้าที่ทำไม่ได้ ก็เป็นเพราะไม่มีใครช่วยข้าด้วยเช่นกัน!

        เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนั้นของเด็กสาวเมิ่งฝานยิ้มเจื่อนทันที ดูเหมือนว่าการที่เขาตีตัวออกห่างจะทำให้กู่ซินเอ๋อร์ไม่พอใจไม่น้อย

        หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เมิ่งฝานก็กัดฟันเอ่ยว่า “เอาเถิด ไว้หลังจากนี้อีกสักสิบวันก็แล้วกัน ยามนั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่อสรพิษมรกตบนเขาจะเลื้อยลงเขามาค่อนข้างมาก เมื่อถึงยามนั้นเจ้าก็รอข้าอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะช่วยเจ้าจับอสรพิษมรกตพวกนั้นเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

        เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของกู่ซินเอ๋อร์ก็ลุกวาวขึ้นทันที ความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า รีบถามออกไป “จริงหรือ?”

        เมิ่งฝานพยักหน้ารับแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเคยโกหกเจ้าหรือไรกัน?”

        หึ!

        กู่ซินเอ๋อร์ส่งเสียง ‘หึ’ ออกมา แล้วมองไปที่เมิ่งฝานพลางเอ่ยเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นก็ดี ท่านจำไว้ด้วยว่ารับปากข้าแล้ว อย่าลืมเสียเล่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้ค่าตอบแทนท่านไว้ก่อน!

        ค่าตอบแทน?

        เมิ่งฝานหัวเราะเสียงเบาแล้วมองกู่ซินเอ๋อร์อย่างจนปัญญา ด้วยไม่รู้ว่าเด็กสาวตรงหน้ากำลังคิดจะทำอะไร ทว่าไม่นานกู่ซินเอ๋อร์ก็ล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อบริเวณหน้าอกด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนจะเอาสิ่งของบางอย่างออกมาส่งให้กับเมิ่งฝาน มันคือม้วนคัมภีร์สีดำ กู่ซินเอ๋อร์ยัดมันใส่ในมือเมิ่งฝานไว้โดยไม่กล่าวอะไร

        กู่ซินเอ๋อร์หน้าแดงก่ำก่อนจะหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้เมิ่งฝานได้แต่ยืนมองแผ่นหลังอันงดงามนั้น เมื่อกู่ซินเอ๋อร์เดินออกไปไกล พลันเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นมา “พี่เมิ่งฝาน ท่านจะต้องพยายามเข้าล่ะ ข้าได้ยินเรื่องของท่านกับเหลยเทาแล้ว เจ้าคนน่ารังเกียจผู้นั้นจะต้องสู้ท่านไม่ได้ ข้าเชื่อว่าพี่เมิ่งฝานจะต้องเปล่งประกายในการประลองอย่างแน่นอน!

        รูม่านตาของเมิ่งฝานหดเล็กลงในทันใด พร้อมทั้งมองออกไปที่ไกลๆ

        เปล่งประกายเกรงว่าหมู่บ้านอูเจิ้นในยามนี้คงจะมีเพียงกู่ซินเอ๋อร์และมารดาเท่านั้นที่ประเมินค่าฝีมือของเด็กหนุ่มที่แสนจะธรรมดาผู้นี้ว่ายังคงมีความหวัง

        เมิ่งฝานส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะคลี่ม้วนคัมภีร์นั้นออก เมื่อสายตาคู่นั้นมองเห็นตัวอักษรตรงบรรทัดแรกของคัมภีร์ ร่างกายของเด็กหนุ่มก็แข็งทื่อไปในชั่วพริบตา ใบหน้าเล็กแฝงไปด้วยความตกตะลึงและเหลือเชื่อ

        ด้วยเพราะบนคัมภีร์ม้วนนั้นเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน…วิชายุทธ์ระดับกลาง มหาหัตถ์สังหาร!

 

Author Glory Forever