มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 ตอนที่ 115 ทะเลบุปผาสีเลือด

        เย่าจู่วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระเบิดควันกระจายรอบเมือง หรือเส้นทางอพยพจากคฤหาสน์จักรพรรดิไปยังแดนสนธยา

        ไม่มีใครรู้จักป่าเขาแห่งนี้ดีไปกว่าเขาผู้ซึ่งค้นพบประตูแห่งแดนสนธยาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่ถ้าไม่มีกุญแจ เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าที่ด้านหลังประตูหินซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำนั้นมีอะไรอยู่

        ตั้งแต่ที่พ่อบอกเขาว่าที่หลังประตูบานนั้นเต็มไปด้วยหลุมศพของบรรพบุรุษ เขาก็ไม่เคยไปเล่นที่นั่นอีกเลย ทำอย่างไรได้ ตอนที่เย่าจู่อายุได้ 10 ขวบภาพยนตร์เรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” และ “The Grave Digger’ s Handbook” ยังไม่เป็นที่นิยมนัก ผู้คนต่างหวาดกลัวสุสานโบราณ

        แต่ ณ ขณะนี้ เขาลืมคำเตือนในวัยเด็กไปจนหมดสิ้น วิ่งเร็วกว่าใคร เขาอาศัยช่วงเวลาที่ทะยานอยู่นั้นพันปากแผลซึ่งถูกลอบยิงไปพลางๆ ด้วย

        ไพรผู้ซึ่งแกะรอยตามเย่าจู่มา อาการบาดเจ็บที่มือส่งผลต่อการรักษาการทรงตัว เธอไม่อาจโลดแล่นไปจนแตะขีดจำกัดในการวิ่งบนเขาสูงชันระยะทาง 2,500 เมตรภายใน 6 นาทีได้อีก ในป่าที่มืดทึบ เธอเองก็ไม่กล้าใช้แสงสว่างหรือฝืนเกินขีดจำกัดความเร็วของตน

        ไพรไม่ได้รีบร้อน ทุกระยะ 30 เมตรจะมีรอยบ่างบนต้นไม้ข้างกายปรากฏให้เห็น เธอตั้งใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เสิ่นหมิงผู้ซึ่งกำลังตามมา

        แดนสนธยาอยู่ไกลกว่าที่คิด ลึกเข้าไปในป่าเขาซึ่งห่างจากหมู่บ้านเบเลอร์ถึง 12 กิโลเมตร แม้หมู่บ้านเบเลอร์จะมีนายพราน แต่พวกเขาจะไม่วิ่งเข้าไปในหุบเขาลึก รอบบริเวณเรียกได้ว่าเป็นป่าบริสุทธิ์ เถาวัลย์ใดๆ สามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปได้นับร้อยนับพันปี

        โขดหินตามทางคมกริบเหมือนใบมีด ตาน้ำลึกที่สามารถกลืนกินเนื้อคนได้โดยที่ไม่ต้องคายกระดูกแอบซ่อนอยู่ในความมืดมิด รังมดคันไฟอันน่ากลัว แม้จะอยู่บนพื้นราบ เมื่อไปโดนรังมดคันไฟขึ้นมา ชีวีคงจะเหมือนตายทั้งเป็น

        สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเช่นนี้ช่วยทำให้หมู่บ้านเบเลอร์ซ่อนแดนสนธยาอยู่ได้เกือบ 200 ปีโดยที่ไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอก นอกจากนั้น คนงานส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในการก่อสร้างตั้งแต่ต้นส่วนมากก็ถูกสังหารสิ้น

        ไพรเดินลึกเข้าไปด้วยความระมัดระวัง ความไม่สะดวกของแขนทำให้เธอไม่สามารถสับงูพิษที่เลื้อยอยู่บนยอดไม้ได้ หญิงสาวเดินไปไม่ถึงสิบนาที ส่วนบนของศีรษะของเธอก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

        2 ชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดเย่าจู่ก็มาถึงทางเข้าของแดนสนธยาด้วยความเหนื่อยหอบ ประตูหินขนาด 4 เมตรใหญ่มหึมาซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ไม่มีเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ช่างเป็นโครงการอันแสนเหน็ดเหนื่อย

        ประตูถูกสร้างขึ้นจากก้อนหินขนาดยักษ์ มันหนาพอที่จะต้านทานการถล่มของกระสุนเจาะเกราะในปัจจุบันได้ เมื่อเปิดกุญแจกลไกตัวล็อก โซ่จะดึงประตูหินขึ้น มันถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความเฉลียวฉลาดของการออกแบบผสมผสานกับพระราชปรีชาญาณของจักรพรรดิในยุคนั้น

        เย่าจู่เคยพยายามใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เปิดประตูหรือมองหาทางเข้าออกอื่นๆ แต่สุดท้าย มันก็ไร้ผลหากไม่มีรถถัง ทางที่ดีเย่าจู่ควรจะไปหาชายชราเพื่อเอากุญแจมาจะดีกว่า

        เขาสูดลมหายใจเข้าและสอดกุญแจเข้าไปในรู บิดตัวล็อกหินขนาดใหญ่ จนภาพแกะสลักปะติดปะต่อกันขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของอ้ายซินเจียหลัวซื่อ เกิดเสียงคลิกขึ้นเสียงหนึ่ง ระบบล็อกแบบโบราณถูกเปิดใช้งาน ห่วงโซ่ขนาดใหญ่ดังครืดคราด มันดึงประตูหินอันหนักอึ้งขึ้น

        เหวินจิ้ง ฉันจะล้างแค้นให้เธอแล้ว…” เย่าจู่ส่องไฟฉายทางยุทธวิธีพลางเคลื่อนลึกเข้าไปยังแดนสนธยา

        หลังจากที่เย่าจู่จากไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภายในคฤหาสน์จักรพรรดิ เฝิงเฉวียนก็ติดอยู่ในหล่มของความหดหู่ ไม่สามารถปล่อยวางได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เจิ้นถิงโทร.ระดมกำลังพรานและตำรวจจากสถานีตำรวจทั้งหมดในหมู่บ้าน รวมๆ แล้ว 30 นาย ทุกนายติดอาวุธปืนแล้วรวมตัวกันที่ลานประลองของคฤหาสน์จักรพรรดิ

        ทุกท่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนแต่เป็นความประมาทของผมเอง ผมมีบุตรชายผู้ชั่วร้ายและกลายเป็นสัตว์ร้ายซึ่งเป็นภัยพิบัติต่อหมู่บ้านเบเลอร์ วันนี้ผมขอเชิญให้พวกคุณมาช่วย เพื่อจับสัตว์ร้ายมารับการพิพากษาที่จะทำลายเหล่าญาติพี่น้อง และทวงสัญลักษณ์แห่งผู้ใหญ่บ้านกลับคืนมา พิธีบวงสรวงในวันพรุ่งนี้ ผมจะสละตำแหน่งให้กับผู้ที่ทรงคุณธรรม ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจะถูกเลือกโดยเหล่าขุนนาง เดิมทีเจิ้นถิงมีแผนที่จะสละตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านของตนในวันบูชา” ฟ้าดินในปีนี้ นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเย่าจู่จึงไม่ลงมือก่อนวันบูชาฟ้าดิน

        ออกเดินทาง!” เจิ้นถิงออกคำสั่ง ผู้คุ้มกันรุ่นใหม่หลายนายพากันวิ่งออกจากหมู่บ้านเบเลอร์ไปยังภูเขาด้านหลัง พวกเขาล้วนแต่เป็นนักแม่นปืนอันยอดเยี่ยม เป็นลูกหลานของทหารชั้นยอดที่รับหน้าที่ปกป้องหมู่บ้าน

        คุณลุง ให้พวกเขาไปก็พอ คุณลุงรออยู่ในหมู่บ้านนี่แหละ” เฝิงเฉวียนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลองโน้มน้าวดูสักครั้ง

        ภัยพิบัติในบ้านลุง ลุงจะไว้ใจพึ่งพาแต่มือของคนอื่นได้อย่างไร ไม่ต้องห่วงไปหลานชาย ลุงเขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้ว หากลุงตายในวันนี้ ทุกเรื่องจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลาน หลานเพียงแต่ต้องนำพินัยกรรมฉบับนี้ไปมอบให้พ่อของหลานเพื่อรับรองความปลอดภัย” เจิ้นถิงยิ้มและตบไหล่เฝิงเฉวียน

        ผมไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณลุง ผมห่วงว่าหัวใจของคุณลุงจะไม่อาจทนเห็นศพของบุตรชายได้ ด้วยความแกร่งของเสิ่นหมิง เมื่อเขาเปิดโหมดสังหาร ไม่มีความเป็นไปได้ที่บุตรชายของคุณลุงจะรอดชีวิต” ในที่สุดเฝิงเฉวียนก็พูดตามจริง

        “วางใจเถอะ ผลลัพธ์ทั้งหมด ชายชราได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว” เจิ้นถิงพูดจบก็ออกเดินทางไปกับทีม

        เฝิงเฉวียนและพ่อบ้านไท่รั้งอยู่ที่บ้าน เฝิงเฉวียนดูแลเซี่ยวอี๋ พ่อบ้านไท่คุกเข่าลงตรงหน้าศาลเจ้าอ้ายซินเจียหลัวซื่อ ขอโทษต่อบรรพบุรุษ ที่เขาไม่อาจรักษากุญแจแดนสนธยาเอาไว้ได้

        ลอดตามถ้ำยาวไปอยู่ 5 นาที เย่าจู่ก็มาถึงตัวถ้ำซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล ดอกฝิ่นสีแดงสดบานสะพรั่ง มันเหมือนกับทะเลบุปผาสีเลือดแห่งสรวงสวรรค์

        สถานที่ปิดเช่นนี้ แต่กลับไม่มืดเลย ด้านบนของถ้ำ 5 ชั้นมีลูกแก้วตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่ ผนังหินของถ้ำฝังด้วยกระจกเหมือนกับอยู่ในกาแล็กซี ลูกแก้วสะท้อนแสงจันทร์สว่างจากภายนอกถ้ำเข้ามา แม้ว่าแดนสนธยาจะอยู่ในสถานที่อันลึกลับ แต่กลับดูเหมือนในเวลากลางวัน

        สภาพแวดล้อมของที่นี่สมกับที่ชื่อแดนสนธยา ธารน้ำจากภูเขาไหลทะลักเข้ามาจากยอดแหลม คมชัดและหอมหวาน น้ำแอ่งน้อยยังมีปลาคาร์ปอาศัยอยู่

        บ้านไม้สองชั้นสร้างขึ้นใจกลางเมืองแห่งทะเลดอกไม้ ลักษณะของเรือนบ้าน เหมือนกับเป็นที่พักอาศัยของคนงานในแดนสนธยา

        หลังจากที่เย่าจู่ราดน้ำมันเบนซินไปทั่วทะเลดอกไม้ เขาก็เดินเข้าไปในที่พักอาศัยหลังนั้น เขาแค่ต้องการทำลายแดนสนธยาอันเป็นที่รักที่สุดของบิดา แต่ไม่ต้องการฆ่าชาวบ้าน ชายหนุ่มจึงวางแผนที่จะ “เชิญ” ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ให้ออกจากแดนสนธยาไป มอบอิสรภาพให้แก่พวกเขา

        กระทั่งเย่าจู่เดินเข้ามาในที่พัก เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ตามที่ชายชราได้กล่าวไว้ แดนสนธยาน่าจะเป็นโรงผลิตและแปรรูปฝิ่นดิบ แต่เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์การผลิตเป็นแค่ห้องแล็บทดลอง ติดตั้งอุปกรณ์ระดับไฮ-เอนด์ที่สามารถพบได้ในโรงงานเคมีเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาใช้ในการแปรรูปและผลิตยาแผนปัจจุบัน

        เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพของยาแผนปัจจุบันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้สูงขึ้นมาก ทำให้ธุรกิจฝิ่นฝืดเคืองไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป สามเหลี่ยมทองคำได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ธุรกิจค้าฝิ่นของหมู่บ้านเบเลอร์อยู่ในช่วงขาลง

        เจิ้นถิงคิดหาทางออกเอาไว้แล้ว ทุกอย่างสอดคล้องกับเวลา เขาทำการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องขนส่งฝิ่นด้วยรถบรรทุกจำนวน 4 คันเป็นขับเคลื่อนสินค้าด้วยกระเป๋าเดินทางเพียงแค่ใบเดียว มูลค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนั้นยังเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย

        แต่ด้วยระดับความรู้ของคนในหมู่บ้าน หญิงชราชายเฒ่าผู้ป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต คงไม่สามารถใช้เครื่องจักรอันซับซ้อนเหล่านี้ได้ แล้วไหนจะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องสมการเคมีอันซับซ้อนเหล่านั้นอีก

        เย่าจู่รู้สึกงงงวย เขาตรวจสอบทุกห้องด้วยปืนแล้ว แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า ห้องหลายห้องถูกทิ้งว่างมาเป็นเวลานาน ตามเหตุผลที่ว่า ทุกปีผู้สูงอายุหลายคนจะถูกส่งตัวมาที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่ที่นี่จะร้าง?

        เมื่อเย่าจู่เปิดประตูห้องบานสุดท้าย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น การตกแต่งในห้องดูคุ้นตา กลิ่นหอมจางๆ เหมือนกับรสชาติในความฝัน เขาก้าวขาเข้าไปในห้องและยกนิ้วขึ้นสัมผัสที่หัวเตียง นั่นคือ…ของล้ำค่าที่เขาขโมยมาให้เหวินจิ้งตอนที่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเป็นดั่งคำมั่นสัญญาของ “สามี” เมื่อตอนที่เราต้องแยกจากกัน

        เย่าจู่?!” ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเย่าจู่ เขาหันกลับไปในขณะที่ตัวสั่นเทิ้ม สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือเหวินจิ้งในชุดผ้ากระสอบ ในมือของเธอถือไม้เท้าอยู่

        หญิงสาวที่เขาคิดร่วมหัวจมท้ายด้วยยังมีชีวิตอยู่ แม้จะผ่านมาแล้ว 9 ปี แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่

        ฉันคิด…ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว” เย่าจู่ร้องไห้จนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตา แม้แต่ในขณะที่พูด ลิ้นของเขาก็ยังสั่น

        “…” เหวินจิ้งไม่ได้พูดอะไรแม้สักคำ เธอทิ้งไม้เท้าในมือลง ก่อนจะปิดปากส่ายหัวแล้วร้องไห้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี้คือสามีของตัวเอง

        ขอโทษที่ฉันมาช้า” เย่าจู่ก้าวไปข้างหน้าและกอดเหวินจิ้งแน่น

        ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ!” เหวินจิ้งดิ้นอย่างบ้าคลั่ง เธอกัดเย่าจู่เข้า ที่ไหล่จนเลือดออก ไม่เหมือนกับการได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหนึ่งในนิยายหรือภาพยนตร์ ความเกลียดชังของเหวินจิ้งเกินคำบรรยาย เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เธอถูกบิดาของชายคนรักขังไว้ในแดนสนธยาแห่งนี้ เธอมีชีวิตอยู่เพื่อปรุงยาทุกวัน มีชีวิตอย่างไร้อิสรภาพ

        ภายในแดนสนธยา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีทางออก ไม่มีเวลา พวกเขาได้แต่ทำงานไปเรื่อยๆ ทุกวันแบบนั้น ทุกๆ ปี เหวินจิ้งจะเห็นผู้สูงอายุที่ป่วยระยะสุดท้ายของเสียชีวิต เห็นคนชราชุดใหม่ถูกส่งเข้ามา เธอต้องสอนเหล่าผู้เฒ่าคนใหม่ถึงวิธีการผลิตยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็ฝังศพพวกเขาที่ตายจากไป ประตูแดนสนธยาจะเปิดปีละครั้งเท่านั้น เธอทำงานชิ้นนี้ซ้ำๆ กันทุกปี

        เธอลืมไปแล้วว่าความรักคืออะไร สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมีเพียงแค่ความเกลียดชัง เธอต้องการระบาย แม้ว่าเธอจะเคยชอบผู้ชายตรงหน้ามากก็ตาม

        ทำไม…ทำไมถึงยอมให้ฉันเจอนายอีก…ทำไมไม่ให้ฉันตายเร็วกว่านี้? พวกเขาตายกันไปหมดแล้ว…ไม่มีใครรอดสักคน…ตายกันหมด…” เหวินจิ้งร้องไห้กระทั่งเข่าอ่อนทรุดตัวลงในอ้อมอกของเย่าจู่ พวกเขาที่เธอเอ่ยถึงก็คือเพื่อนคนงานของเธอ ผู้สูงอายุที่ถูกส่งมาที่นี่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้กระฉับกระเฉงนัก เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ชายชราคนสุดท้ายก็เพิ่งจะจากไป เธออยู่คนเดียวมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียความสามารถในการพูดไป

        ทุกอย่างจบแล้ว! ฝันร้ายจบลงแล้ว! ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ ออกไปสู่โลกภายนอก ฉันอยากแต่งงานกับเธอ! เรามาใช้ชีวิตดั่งคนปกติกันเถอะ!” เย่าจู่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นอดีตรักของตัวเองอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเปี่ยมไปด้วยความหวังสำหรับอนาคต…

        ไม่…เราทุกคนจะตกนรก พวกเราที่ทำบาปแสนสาหัส จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกปกติได้อย่างไร?” เหวินจิ้งจ้องลึกเข้าไปในแววตาอันคุ้นเคย สายตาอันพร่ามัว “เย่าจู่ ลูกของเราตายแล้ว”

        ความเศร้าโศกจะผ่านไป…” เย่าจู่กอดเหวินจิ้งและกัดฟันแน่น

        ฉันฆ่าลูกเองกับมือ…”

Author Glory Forever