มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 33 สู้กับกู่เฉิงอีก

        เซียวเฉินมองเสิ่นเล่ยด้วยสายตาเย็นชา

        “เจ้าทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้าหรือ?

        เสิ่นเล่ยมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่ความอดทนของเซียวเฉินใกล้จะหมดลง เขาไม่เคยเจอสตรีที่ยึดติดขนาดนี้มาก่อนเลย ดังนั้น จึงสะบัดมือโยนผลวิญญาณสองผลออกไป เสิ่นเล่ยยื่นมือมารับ ผลหยางยาอายุยืนสีม่วงนั่นเอง

        เซียวเฉินเอ่ย “อย่าตามข้ามาอีก เจ้าไปได้แล้ว”

        เอ่ยจบก็ไม่รอให้เสิ่นเล่ยพูด เซียวเฉินจากไปทันที

        เสิ่นเล่ยมองเงาหลังของเซียวเฉิน ในที่สุดก็ไม่ได้ไล่ตามไป เมื่อเงาร่างของเขาหายลับ นางก็จากไป

        

        ตกค่ำ สายลมแผ่วเบาพัดโชย จันทร์กระจ่างอยู่กลางฟ้า

        ภายในถ้ำอันกว้างขวางแห่งหนึ่ง เซียวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น บาดแผลบนร่างหายดีแล้วด้วยประสิทธิภาพของคัมภีร์หงสาบรรพกาลนิรวาณ ร่างของเขาในยามนี้มีพลังเสวียนปกคลุมสร้างเป็นม่านแสงคุ้มครองเขาไว้ภายใน กลืนเข้าและคายออกอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉินฟื้นฟูสภาพตนเองกลับสู่จุดสูงสุดในเวลาเพียงหนึ่งวัน

        “ได้เวลาแล้ว”

        เซียวเฉินนำผลหยางยาอายุยืนสีม่วงที่เหลืออยู่สี่ผลออกมา ดวงตาฉายแววยิ้มแย้ม

        “ผลไม้วิญญาณขั้นห้าทั้งสี่ผลนี้ น่าจะทำให้ความสามารถบรรลุเจ็ดชั้นฟ้า” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็นำผลไม้ลูกหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวแล้วกลืน ผลหยางยาอายุยืนสีม่วงหวานมาก แม้กระทั่งในปากของเขาก็มีกลิ่นหอมประหลาด เขาเร่งเร้าพลังเสวียนหล่อหลอมมันทันที

        ตูม!

        เซียวเฉินมีสีหน้าตกใจสุดขีด

        สมกับเป็นผลไม้วิญญาณขั้นห้าจริงๆ ผลเล็กนิดเดียวกลับมีพลังมากขนาดนี้

        ใบหน้าของเซียวเฉินประดับด้วยรอยยิ้ม เหลือสี่ผล หากหล่อหลอมทั้งหมด เช่นนั้นตนเองทะลวงขั้นตานฟ้าเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าก็มิใช่เป็นไปไม่ได้

        ขณะที่เซียวเฉินกำลังกระหยิ่มใจ พลังเสวียนภายในร่างก็หลุดการควบคุม รั่วไหลออกสู่ภายนอก ร่างของเซียวเฉินเปล่งแสงเสวียนเจิดจ้า ในที่สุดเขาก็รู้สึกปรับตัวไม่ได้ ทั่วร่างถูกพลังเสวียนพุ่งชนจนเจ็บปวดเป็นระยะๆ ความเจ็บปวดประเภทนี้ลึกลงไปถึงกระดูก

        เซียวเฉินขมวดคิ้ว ไม่กล้าเลินเล่อ รีบชักนำพลัง

        ค่อยๆ ควบคุมพลังเสวียนได้และกลับสู่หนทางที่ถูกต้อง

        เซียวเฉินค่อยๆ หล่อหลอมและดูดซับ ใช้พลังเสวียนทะลวงห้าชั้นฟ้า

        จากนั้น เซียวเฉินก็กินอีกผล

        พลังเสวียนทะลวงระดับต้นจนบรรลุระดับสูงสุด ผลที่สาม เซียวเฉินย่างสู่ขั้นตานฟ้าเจ็ดชั้นฟ้า

        ผลสุดท้าย ความสามารถของเซียวเฉินก็หยุดอยู่ที่เจ็ดชั้นฟ้าระดับสูงสุด ผลไม้วิญญาณขั้นห้าทั้งสี่ผลนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้เขาบรรลุขั้นเสวียนฟ้าตามที่คาดไว้ แต่ทะลวงสองขั้นติดเป็นขั้นตานฟ้าเจ็ดชั้นฟ้าระดับสูงสุดได้ เท่านี้ก็ทำให้เขาพอใจมากแล้ว

        เซียวเฉินไม่ได้จากไป ทว่าเขาเลือกอยู่ที่นี่ต่อเพื่อทำให้พลังเสถียร

        ห้าวันต่อมา เซียวเฉินไปจากถ้ำ

        เวลานี้ กิจกรรมล่าสัตว์ของสถานศึกษาชางหวงผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า เซียวเฉินยังคงพอใจกับการแสดงออกของตนเอง

        เลื่อนจากห้าชั้นฟ้าเป็นเจ็ดชั้นฟ้าระดับสูงสุดในหนึ่งเดือน เลื่อนขั้นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเร็ว

        การเลื่อนความสามารถโดยไม่มีประสบการณ์ฝึกจะได้อย่างไร เซียวเฉินจึงตัดสินใจที่จะหาสัตว์ปิศาจหลายๆ ตัวมาฝึกมือ ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย

        ฟุ่บ!

        เงาร่างของเซียวเฉินหายไปจากที่เดิม

        ในหลายชั่วยามนี้ เซียวเฉินมองสัตว์ปิศาจระดับหกที่นอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มพึงใจ

        “ยังไม่เลว”

        เพียงแต่ยังไม่รู้ว่า เมื่อตนเองใช้กระบี่เบิกฟ้าเล่มนั้นประสานกับคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์สวรรค์แล้ว จะระเบิดอานุภาพออกมาเช่นไร

        เซียวเฉินนำผลึกสัตว์ออกมาแล้วหันกายจะจากไป แต่เพิ่งเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็เจอคนกลุ่มหนึ่ง เซียวเฉินไม่คิดจะตอแยหาความยุ่งยาก อีกฝ่ายก็เช่นกัน ดังนั้น ทั้งคู่จึงคิดจะหลบเลี่ยง แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายมองเห็นกันก็ชะงักฝีเท้าอยู่ตรงนั้น

        “เซียวเฉิน บังเอิญจริงๆ” กู่เฉิงรู้สึกเหนือคาด ทว่ายินดีมากกว่า

        ก่อนหน้านี้ เซียวเฉินชิงอันดับเก้าบนผังชางหวงของเขา ทำให้เขาไม่พอใจ ดังนั้น จึงฝึกฝนตนเองอย่างหนักในกิจกรรมล่าสัตว์ครั้งนี้ และความสามารถของเขาก็เลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ย่างเข้าสู่ขั้นเจ็ดชั้นฟ้าระดับกลาง เวลานี้เขามีความมั่นใจในการต่อสู้กับเซียวเฉิน เดิมทีคิดจะกลับสถานศึกษาแล้วท้าสู้เซียวเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอที่นี่ ได้มาโดยไม่เปลืองแรงจริงๆ

        อีกทั้งเขาได้ยินว่าซือถูอู่ก็มีเรื่องบาดหมางกับเซียวเฉินเช่นกัน จับเซียวเฉินไปแลกรางวัลได้พอดี

        ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

        คิดๆ ดูแล้ว ใบหน้าของกู่เฉิงก็เผยรอยยิ้ม

        แต่เซียวเฉินกลับไม่คิดจะสนใจเขา

        “ไม่บังเอิญ”

        ว่าแล้วก็หันกายจะจากไป

        กู่เฉิงที่อยู่ด้านหลังกลับมีสีหน้ากระหยิ่ม นึกว่าเซียวเฉินกลัวตนเอง จึงอดเหิมเกริมไม่ได้

        “เดิมทีข้าคิดจะไปหาเจ้า แต่หนึ่งเดือนมานี้ไม่ได้เจอเลย ยังนึกว่าเจ้าตายอยู่ที่ใดสักแห่งไปนานแล้ว ดูท่า เจ้าคงดวงแข็งจริงๆ ถูกตามฆ่ามาตั้งหนึ่งเดือนแล้ว แต่เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าดวงแข็งหรือซือถูอู่เป็นเศษสวะกันแน่ หึหึ”

        เซียวเฉินชะงักเท้า มองกู่เฉิงด้วยสายตาเย็นชา

        “กู่เฉิง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนจึงพูดกับข้าแบบนี้ ครั้งก่อนข้าอัดเจ้าจนโง่ไปแล้วใช่หรือไม่?” เซียวเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ข้าจะไปหาซือถูอู่เอง ไม่ต้องให้เจ้าพูดจาไร้สาระตรงนี้หรอก ถ้ามีเวลาว่างก็ควบคุมตนเองให้ดีๆ อย่าให้เภทภัยมันออกจากปาก แก้นิสัยแย่ๆ ของเจ้าเสีย ไม่เช่นนั้นเจ้าคงตายเพราะปากเข้าสักวัน”

        เซียวเฉินเสียดสีอย่างเต็มที่ ในเมื่อกู่เฉิงมาตบหน้าตนเองก่อน ทำไมตนเองต้องตามใจเขาด้วย?

        นี่ไม่ใช่นิสัยของเซียวเฉิน

        “เซียวเฉิน ครั้งที่แล้วเจ้าชนะข้าเพราะข้าเลินเล่อ แต่คราวนี้ข้าจะอัดจนเจ้าต้องร้องขอความเมตตาจากข้า” สีหน้าของกู่เฉิงอึมครึม สายตาที่มองเซียวเฉินแฝงแววอันตราย ทว่าเซียวเฉินกลับยิ้ม

        “เช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจให้เจ้าสมปรารถนา”

        พลังเสวียนในมือของกู่เฉิงปกคลุมประหนึ่งสายฟ้า

        “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า” กู่เฉิงประชิดตัว ต่อยหมัดออก ระเบิดอากาศ สายฟ้าตัดสลับ

        แค่คิดดูก็รู้ถึงอานุภาพของหมัดนี้

        สีหน้าของเซียวเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมทีไม่มีเจตนาจะสู้กับเขา แต่กู่เฉิงกลับลงมือด้วยกระบวนท่าอำมหิต

        เมื่อครู่เซียวเฉินเพิ่งสู้กับสัตว์ปิศาจสามตัว ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็สิ้นเปลืองพลังอยู่บ้าง และตอนนี้กู่เฉิงก็มาบีบบังคับกันอีก เรื่องนี้ทำให้เซียวเฉินมีโทสะ เจ้าจะสู้ใช่ไหม ข้าจะสู้เป็นเพื่อนเจ้า!

        จะอัดจนเจ้ายอมแพ้

        เซียวเฉินไหวกายหลบ เปลวเพลิงในมือพวยพุ่งดั่งคลื่นสมุทรปั่นป่วน

        “ประทับเทพหงสา!

        กู่เฉิงหัวเราะลั่น ไม่ล่าถอยกลับรุกคืบ

        “มาได้ดี กินหมัดสายฟ้าวิ่งห้อของข้าเสีย!

        ฟ้าแลบวูบวาบ ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ กระแสไฟสีฟ้าเป็นสายๆ ดุจอสรพิษตัวเล็กๆ วิ่งสะเปะสะปะในมือของกู่เฉิง แต่อานุภาพกลับไม่ธรรมดา สีหน้าของเซียวเฉินค่อยๆ หนักใจมากขึ้น

        ตูม!

        หงสาสยายปีก แสงเพลิงท่วมนภา

        อสรพิษสายฟ้าแล่นปราด เกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ

        สองคนประจันหน้าและปะทะโดยไม่ยอมลงให้กันเลยสักนิด เสียงตูมดังสนั่นจนหูแทบหนวก

        คนทั้งสองต่างถอยหลังติดๆ กัน

        ยามนี้ ด้านหลังของเซียวเฉินมีเงาร่างหงสาปรากฏขึ้น ระหว่างสยายปีก มีอานุภาพแห่งเทพไหลเวียน ไม่มียามใดที่ไม่แสดงความสูงศักดิ์แห่งหงสา แต่ด้านหลังที่งดงามกลับซ่อนอันตรายไว้ ส่วนบนร่างของกู่เฉิงตรงข้ามมีกระแสไฟและสายฟ้าไหลเวียน มองอย่างละเอียดเห็นแปลงเป็นมังกรน้อยหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้กู่เฉิงในเวลานี้ดั่งแปลงกายเป็นเทพอัสนี เจตจำนงสู้ศึกไร้ที่สิ้นสุด

        ตอนแรกคนทั้งสองใช้กระบวนท่าไม้ตายที่แกร่งที่สุด

        ในเมื่อจะสู้ ก็ต้องสู้อย่างสำราญใจ อัดจนอีกฝ่ายยอมแพ้ทั้งปากและใจ

        “เซียวเฉิน เจ้าไม่เลวเลยจริงๆ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มสุดกำลัง ทำให้เจ้ายอมแพ้ทั้งปากและใจ” กู่เฉิงเผยรอยยิ้มนิดๆ สู้ศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่และเบิกบานใจ ทำให้เขาระเบิดเจตจำนงสู้ศึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนเซียวเฉิน เห็นเขาไม่พูดจา ทว่าความเคลื่อนไหวได้พิสูจน์ทุกอย่าง

        แสงเสวียนไหววูบ กำปั้นของเซียวเฉินกระแทกลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

        ดั่งดาวตก ดุจหินอุกกาบาต

        ส่วนกู่เฉิงก็ยังไม่เกรงกลัวดังเดิม โจมตีด้วยเงากำปั้นเป็นสายๆ เช่นกัน การปะทะของคนทั้งสองส่งเสียงดังสนั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

        สะเก็ดไฟยิงรอบด้าน กระแสไฟฉวัดเฉวียน

        ตูม!

        ในยามนี้เอง เซียวเฉินพลันโต้กลับ คว้ากำปั้นที่กู่เฉิงต่อยมา จากนั้นใบหน้าเผยรอยยิ้มประหลาด

        กู่เฉิงรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาคิดจะดึงมือออก แต่ยามนี้ก็สายเกินไปแล้ว เซียวเฉินเร่งเร้าแรงมังกรเถื่อนยุคกำเนิดโลก เหวี่ยงเขากระแทกพื้นอย่างแรง

        ปึก!

        เสียงครางหนักๆ ดังขึ้น ฝุ่นธุลีปลิวว่อน…

Author Glory Forever