มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 ตอนที่ 98

        นิ้วของจิ่งฝานเย็นมาก ฝ่ามือมีปุ่มด้านบางๆ อยู่เล็กน้อย จู่ๆ อ๋าวหรานก็รู้สึกว่าการรับสัมผัสบนใบหน้าของตนดีขึ้นมาก ลายมือทุกเส้นของอีกฝ่ายราวกับว่าเขาจะรู้สึกถึงได้ทั้งหมด โดยเฉพาะสัมผัสที่เย็นน้อยๆ นี้ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มของเขารู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย และเจ้าสัมผัสภายนอกที่แสนไร้เดียงสานี่เองกลับทำให้สมองเขาโง่งมมึนงง จู่ๆ เหมือนจะไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันไหน และรู้สึกปรารถนาอย่างไร้เหตุผล

        มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมด้วยความปรารถนาจริงๆ

        จิ่งฝานพยายามควบคุมแรงเต็มที่ นวดคลึงหางตาของอ๋าวหราน เจ็บจนทำให้อ๋าวหรานอยากถอยหลัง แต่กลับถูกมืออีกข้างของเขาจับบ่าเอาไว้ นิ้วของจิ่งฝานละออกจากหางตา ทิ้งร่องรอยสีแดงก่ำที่ค่อนข้างดึงดูดสายตาเอาไว้ ในดวงตาเหมือนจะชื้นแล้ว จิ่งฝานมองแล้วรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด

        พอได้มาเจอคนผู้นี้อีกครั้ง เขาก็ราวกับว่าใช้ชีวิตมานานกว่าตัวเองเสียอีก ภายนอกเหมือนหนุ่มน้อย แต่ความเป็นผู้ใหญ่ในกระดูกนั้นปิดอย่างไรก็ไม่มิด เมื่อพบเจอเรื่องอะไรก็มักจะออกไปรับอยู่หน้าคนอื่นเสมอ เมื่อเจออันตรายหรือความเจ็บปวดก็จะไม่บอกไม่กล่าว รอยยิ้มร่าเริงภายนอกนั้นก็แฝงไปด้วยอาการโอ๋เด็กแบบผู้ใหญ่ แต่ท่าทางตรงหน้าตอนนี้ เมื่อรวมเข้ากับใบหน้านั้น กลับมีท่าทางมึนงงทำอะไรไม่ถูก สลัดคราบความสงบนิ่งไม่ไหวติงออกไปจนสิ้น

        อ๋าวหรานหอบหายใจ มือที่สั่นเทายื่นออกไปจะปัดมือของจิ่งฝานที่วางอยู่บนบ่าของตนเองออก แต่ก็ทำได้เพียงวางมือไว้บนแขนของอีกฝ่าย แค่นี้ก็รู้สึกไม่มีแรงแล้ว “เจ้า…เด็กบ้า ตอนนี้…ช่วยอยู่ห่างจากข้าสักหน่อยได้หรือไม่? ข้า…ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนจะแบ่งแยกชายหญิงไม่ออกแล้ว”

        จิ่งฝานอดไม่ไหวจึงใช้นิ้วมือคลึงหางตาเขาไปอีกสองสามที หยาดน้ำในดวงตาซึมออกมาเปียกนิ้วมือ จิ่งฝานกดสีเลือดในดวงตาลงไป พยายามเก็บจิตสังหารรอบกายอย่างเต็มที่แล้วยิ้มเหมือนเวลาปกติ “จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยเจอคนที่โดนหญ้าว่านชุนเล่นงาน รู้สึกอยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย”

        สมองที่มึนงงของอ๋าวหรานสั่นไหว ปากอ้าตาค้าง “เจ้า…เจ้าตั้งใจจะใช้ข้าทำการทดลองหรือ?!”

        จิ่งฝานยกริมฝีปากยิ้ม “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร?”

        อ๋าวหรานยกมือตีไปที่หัวเขา น่าเสียดายที่แรงน้อยเกินไปจึงราวกับลูบหัวก็ไม่ปาน ฝ่ามือที่รุ่มร้อนนั่นทำให้จิ่งฝานสั่นสะท้าน อ๋าวหรานเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ร้อนยิ่ง หากเจ้า…หากเจ้าอยากรู้ก็ไปเด็ดมาลองดูสักสองใบ”

        จิ่งฝานมือหนึ่งจับบ่าเขาไว้ ส่วนนิ้วมือของมืออีกข้างก็แยกคอเสื้อของชุดเขาออก แล้วจึงใช้ฝ่ามือแนบไปที่คอของเขาตรงจุดที่สัมผัสได้ถึงชีพจรที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง “คอเจ้าแดงหมดแล้ว ฝ่ามือก็ร้อนมาก”

        สัมผัสนี้ทำให้อ๋าวหรานตัวสั่นอยู่สองสามที ในใจอยากจะชกเขาสักหมัดจริงๆ “อย่าง…อย่างน้อยก็เห็นใจกันบ้างสิ เจ้าเป็นหมอนะ!”

        จิ่งฝานหัวเราะหึๆ แฝงไว้ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด อ๋าวหรานได้ยินแล้วยังอดรู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาไม่ได้

        จากนั้นมือของจิ่งฝานข้างหนึ่งที่จับบ่าอ๋าวหรานไว้ก็ค่อยๆ เลื่อนลงไป ดึงเขามาโอบไว้ครึ่งๆ ในอ้อมแขนแล้วยกเขาขึ้น อ๋าวหรานยืนไม่มั่นคงเหมือนจะซบอยู่บนร่างของเขา การโอบเช่นนี้ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมาก ศีรษะของอ๋าวหรานถูกบังคับให้ซบลงไปบนไหล่ของจิ่งฝาน หายใจหอบหนัก ลมหายใจพ่นลงไปบนบ่าของจิ่งฝาน ถึงแม้มีเสื้อผ้ากั้นไว้ก็ยังรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่พ่นออกมา จิ่งฝานหมุนศีรษะภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง ติ่งหูของคนผู้นี้แดงเสียจนแทบจะหยดออกมาเป็นสายเลือดได้ จึงอดไม่ไหวยื่นมือออกไปนวดคลึง…นุ่มนิ่มมาก

        อ๋าวหรานรู้สึกได้ก็ตัวสั่นไปทั้งร่างอย่างรุนแรง จิ่งฝานอึ้งไปแล้วคลึงอีก “เจ้า…สั่นอะไรกัน”

        อ๋าวหรานสูดหายใจลึกๆ ออกแรงถีบไปที่ขาเขา พูดอย่างดุร้ายว่า “เจ้าเด็กบ้า ถ้ายังเล่นเหลวไหลอีก ระวังพี่ชายคนนี้จะคนหรือสัตว์ก็ไม่แบ่งแยกลงมือรังแกเจ้านะ!”

        จู่ๆ จิ่งฝานก็หัวเราะออกมา ในน้ำเสียงเป็นความเสนาะใสปลอดโปร่งที่น้อยครั้งนักจะมี อ๋าวหรานถูกเขาหัวเราะใส่อย่างงุนงง รู้สึกโกรธเล็กน้อย “เมื่อก่อนเหตุใดถึงไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าชอบรังแกผู้อื่น?”

        จิ่งฝานเหมือนจะคิดอยู่เป็นนาน ในน้ำเสียงแฝงด้วยความตกใจ “ข้าก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน”

        อ๋าวหรานเลิกคิ้วน้อยๆ หมายความว่าเป็นข้าเองที่ดวงซวยอย่างนั้นหรือ?

        “เฮ้ย…นี่เจ้าทำอะไร?” อ๋าวหรานตกใจที่ถูกอุ้มขึ้นมากะทันหัน 

        จิ่งฝาน “พาเจ้าไปบ่อน้ำร้อน”

        อ๋าวหรานถอนหายใจยาว

        ทั้งสองเดินไปได้ครู่หนึ่ง อ๋าวหรานก็ถึงกับหอบหายใจ ดูแล้วเหมือนจะเหนื่อยกว่าจิ่งฝานที่ออกแรงอุ้มคนอยู่เสียอีก “เจ้าบินไปได้หรือไม่? นี่ต้องเดินไปถึงเมื่อไรกัน?”

        จิ่งฝานหัวเราะเสียงเย็น ออกมาทีหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้าบินไปเองดีหรือไม่?”

        อ๋าวหราน “…” หากตอนนี้ข้ามีแรงละก็…ข้าจะตีหัวสุนัขเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก

        อ๋าวหรานถอนหายใจ “นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ข้าถูกเจ้าอุ้มแล้วเดินไปอย่างนี้?” พูดตามจริงแล้ว ตั้งแต่ที่มายังโลกแห่งนี้เขาก็ดวงซวยอยู่ตลอด มีฉากให้ออกอยู่หลายฉาก

        จิ่งฝานไม่ตอบคำ ในใจกลับสั่นสะท้านเล็กน้อย เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ สองครั้งแรก ตอนที่เขาอุ้มคนผู้นี้ต้องข่มแรงทั้งหมดเอาไว้อย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองแยกส่วนเขาเป็นแปดชิ้น ความแค้นและจิตสังหารนั้นราวกับจะกลืนกินเขาลงไปได้เลย เลือดลมและกำลังภายในก็พลุ่งพล่านอยู่ภายในจนทำให้เขาแทบอยากกระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ทนไว้ได้ คิดแค่ว่าต่อให้ต้องตายก็จะไม่ยอมให้เขาตายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่

        ส่วนครั้งหลังๆ ก็เหมือนจะไม่ได้เจตนาทั้งสิ้น

        อ๋าวหรานมองดูดวงจันทร์กระจ่าง เงียบไปสักพักแล้วพูดออกไปเบาๆ คำหนึ่งว่า “ขอบคุณ”

        ไม่ว่าเหตุผลของเจ้าจะเป็นอะไร…

        จิ่งฝานยังเงียบอยู่เช่นเดิม อ๋าวหรานพูดเบาๆ อีกว่า “ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง ไม่คืนคำอย่างแน่นอน”

        ถึงแม้เสียงจะเบา แต่จิ่งฝานก็ยังได้ยิน กำลังภายในในร่างกายเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

        …

        เช่นนั้นก็มาเปลี่ยนวิธีเล่นกันเถิด หวังว่าเจ้าจะพูดจริงทำจริงแล้วกัน

        ——

        อ๋าวหรานนอนหลับไปสองวันเต็ม พอตื่นขึ้นมาอีกที ตระกูลจิ่งก็ราวกับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนเต็มไปด้วยคุณหนูคุณชายอายุน้อย แต่ละคนมีลักษณะท่าทางสูงส่งไม่ธรรมดา ชิงโย้วพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูเขาว่ามีคุณชายท่านใดมาถึงอีกแล้ว หน้าตาเป็นเช่นไรบ้าง เป็นต้น แน่นอน สุดท้ายก็ยังต้องเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า ‘แต่ก็ไม่น่ามองเท่าคุณชาย’

        อ๋าวหรานรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ตอนนี้เหมือนจะเทิดทูนเขาอย่างหูหนวกตาบอดไปหน่อย

        “คุณชายรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”

        อ๋าวหรานรีบบอกว่า “ดีขึ้นเยอะแล้ว นอนหลับสบายมาก ตอนนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแล้ว”

        ชิงโย้วช่วยเขารัดผม “คุณชาย วันหน้าออกไปไหนต้องระวังไว้หน่อย จะได้ไม่บาดเจ็บกลับมาอีก”

        อ๋าวหรานรีบพยักหน้า คำพูดนี้เมื่อเช้าก็พูดไปหลายรอบแล้ว “วางใจเถิด ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว” เจ้าเด็กจิ่งเซิ้งนั่น…ดูๆ ไปแล้วน่าจะเหมือนกับที่จิ่งจื่อบอก ต้องจัดการสักหน่อย ไม่อย่างนั้นวันหน้าอาจจะสร้างปัญหาเอาได้ แต่ต้องจัดการอย่างเปิดเผย ไม่ให้เหลือจุดอ่อนทิ้งไว้ จิ่งเหวินซานเกรงว่าคงจะไม่ยอมแน่ หวังว่างานประลองยุทธ์ครั้งนี้ เจ้าเด็กนี่จะมาร่วมด้วย

        “อ๋าวหราน ตื่นหรือยัง?”

        ชิงโย้วหันหน้าไปตามเสียงไปทางหน้าประตู “เป็นคุณหนูจิ่งเซียงหรือเจ้าคะ?”

        อ๋าวหรานพยักหน้า “ตื่นแล้ว เซียงเซียง เจ้ามาได้อย่างไรกัน?”

        จิ่งเซียงสวมชุดกระโปรงยาวสีเทาอมชมพู ขับเน้นให้ดูอ่อนหวานน่ารัก “ยังมีไข้อยู่อีกหรือไม่?”

        ชิงโย้วค้อมกายคารวะ “คุณชาย คุณหนูจิ่งเซียง ข้าจะไปสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้ให้นะเจ้าคะ”

        “ไปเถิด” เขาพูดจบก็มองไปทางจิ่งเซียงอีก ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีไข้แล้ว” นี่ไม่ใช่เพราะหญ้าว่านชุน แต่เป็นเพราะอ๋าวหรานไข้ขึ้นจริงๆ ใต้ดินนั้นชื้นเกินไป แล้วยังได้รับบาดเจ็บอีก ยิ่งรวมกับสมุนไพรหลายอย่างที่ผสมกันก็ยิ่งทำให้ไข้ขึ้นจนมึนงงไปหมด ตอนนั้นยังถือว่าอันตรายอยู่หลายส่วน

        จิ่งเซียงกลอกตา ทำสีหน้ารังเกียจ “ตอนที่อยู่กับพี่ข้า ตอนนั้นเจ้าก็ทำเป็นพูดฉอดๆๆ พอถึงตอนสำคัญ ไม่ใช่ว่าก็ติดกับดักเหมือนกันหรือ ถูกหญ้าซุ่ยสิ่งเล่นงานก็ช่างเถิด แต่แม้แต่หญ้าว่านชุนก็ไม่รู้จักหรือ?”

        อ๋าวหรานรู้สึกว่านางพูดมีเหตุผล ไม่มีคำพูดจะไปเถียงด้วยได้

        จิ่งเซียงถอนหายใจ “พี่ข้าก็เช่นกัน ช่วงนี้คนมากมายพลุกพล่าน จะส่งคนมาคุ้มกันไว้หน่อยก็ไม่ได้”

        เกี่ยวกับเรื่องนี้ อ๋าวหรานพยักหน้าอย่างไม่สนคุณธรรมในใจ รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องที่รังแกกลั่นแกล้งเขานี้ เขาก็แค้นฝังใจมากแล้ว

        ทั้งสองค่อนแคะจิ่งฝานไปรอบหนึ่ง แล้วจิ่งเซียงก็พาดตัวลงกับโต๊ะ ในตามีประกายแปลกประหลาด “เจ้าเด็กจิ่งเซิ้งนั่นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”

        สัญญาณเตือนในใจของอ๋าวหรานดังขึ้น สีหน้าระแวดระวังยิ่ง ถอยตัวไปด้านหลังแล้วส่ายหน้า “ไม่มี”

        จิ่งเซียงส่งเสียงดังอ้อออกมาอย่างดีใจ ประกายในตายิ่งชัดขึ้น “แล้วพี่ข้าเล่า?”

        จู่ๆ อ๋าวหรานก็นึกถึงความรู้สึกตอนที่เจ้าเด็กนั่นคลึงติ่งหูตัวเอง ทั้งร่างอดสั่นน้อยๆ ขึ้นมาไม่ได้ ยิ่งส่ายหัวรุนแรงกว่าเดิม “ไม่มีแน่นอน” กับผีน่ะสิ! เจ้าเด็กบ้านั่นเอาเขาเป็นตัวทำการทดลองด้วยซ้ำ

        จิ่งเซียงเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้1 “เหตุใดพี่ชายข้าถึงใช้ไม่ได้เช่นนี้!”

        อ๋าวหรานได้ยินก็โกรธจนต้องดึงหูนาง “เจ้ายังอยากให้พี่เจ้าใช้ได้จนถึงขนาดไหนอีก? เจ้าว่าขึ้นฟ้าไปเลยดีหรือไม่?”

        จิ่งเซียง “…”

        “เขาไม่ต้องขึ้นฟ้าหรอก” ขึ้น…เจ้าก็พอแล้ว

        อ๋าวหรานเคาะกะโหลกนาง “ต่อไปห้ามเหลวไหลอีก! ข้ากับพี่ชายเจ้าเราห่างไกลจากเรื่องนั้นมาก พี่ชายเจ้าชอบสตรี ข้าเองก็ชอบสตรี เจ้าจะมาบังคับให้เราสองคนที่เป็นชายอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข้ายินดีหรือไม่ แม้แต่ตัวพี่ชายเจ้าเอง เขาก็ไม่มีทางยินดีอย่างเด็ดขาด”

        จิ่งเซียงได้ยินก็ก้มหน้าพาดไปกับโต๊ะอย่างเศร้าสร้อย “รู้แล้วน่า หึ!”

        อ๋าวหรานลูบหัวนาง “อย่างนั้นแหละถึงจะเป็นเด็กดี”

        อ๋าวหรานยิ้มแล้วถามว่า “ได้ยินชิงโย้วบอกว่าพวกคุณหนูคุณชายล้วนมาถึงแล้ว แต่ละคนทั้งหน้าตาดีมีความสามารถ เจ้ามีคนที่ชอบบ้างหรือไม่?”

        จิ่งเซียงเบะปาก “ไม่มี แต่ละคนถ้าไม่หยิ่งผยองเกินไปก็เสแสร้งทำตัวเป็นคุณชายผู้อ่อนโยน จอมปลอมสุดๆ สู้เจ้าก็ไม่ได้”

        อ๋าวหราน “มาตรฐานสูง แต่ว่ามาตรฐานสูงถือเป็นเรื่องดี จะต้องหาคนที่เจ้าเห็นว่าดีพร้อม ห้ามลดตัวไปทำเรื่องไม่ยุติธรรมกับตัวเองเป็นอันขาด ต่อไปดูคนก็ต้องตั้งใจ ต้องแยกให้ชัดเจนว่าผู้ใดดีหรือเลว”

        จิ่งเซียงพยักหน้า “พี่ชายข้ายังไม่พูดเรื่องพวกนี้กับข้าเลย เจ้ากลับเป็นห่วงก่อนเสียแล้ว”

        อ๋าวหราน “พี่ชายเจ้า ตัวเขาเองยังจัดการตัวเองไม่ได้เลย จะมาสนใจเจ้าหรือแต่ละคนล้วนเป็นเด็กน้อยทั้งนั้น”

        จิ่งเซียงกลอกตาจนแทบจะพลิกไปอยู่หลังศีรษะแล้ว “เจ้าอายุเท่าไร?”

        อ๋าวหรานยกริมฝีปาก “ถ้าวัดจากส่วนลึกในกระดูก ก็นับเป็นคนที่ตายแล้วได้เลย”

        จิ่งเซียงตีเขาไปทีหนึ่ง “พูดจาเหลวไหล”

        “ตระกูลสวีมาหรือยัง?”

        จิ่งเซียงส่ายหน้า “ยัง เพราะว่าคนส่งเทียบเชิญไม่ใช่คนของพี่ข้า ตอนนี้ก็ไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัด ยิ่งไม่รู้ว่าตระกูลทางจะมาหรือไม่”

        อ๋าวหรานพยักหน้าอย่างกลัดกลุ้มเล็กน้อย “ลุงใหญ่เจ้าจัดงานประลองยุทธ์ขึ้นมากะทันหันทำให้ผู้คนไม่ทันได้ตั้งตัว จึงรู้สึกกังวลอยู่ตลอด”

        จิ่งเหวินซานไม่มีทางอยู่อย่างสงบแน่ หวังว่าจิ่งฝานจะสามารถรับมือกับลุงใหญ่ของเขาผู้นี้ได้ ยังมีตระกูลทาง…นิยายเรื่องนี้อย่างไรเสียก็ยังเขียนไม่เสร็จ ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องภายหลังจะหยุดชะงักไปหรือว่าพัฒนาไปเอง หากพัฒนาไปเอง จะพัฒนาไปอย่างไรกันนะ?

        “หลางฉาช่วงนี้เรียบร้อยดีหรือไม่?”

        สีหน้าของจิ่งเซียงดูตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงเล็กน้อย “เรียบร้อยมาก ทั้งยังเรียบร้อยเกินไปเสียด้วย พักอยู่แต่ในห้องรับรองของนางทั้งวัน ไม่แม้แต่จะออกมา จริงๆ นะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร อิ่นซีเหมิงยังมาหาข้าบ่อยๆ กลับเป็นหลางฉาที่เงียบไปอย่างมาก”

        อ๋าวหรานส่งเสียงดังอื้อออกมาทีหนึ่ง “ในน้ำเต้านี้มียาอะไรอยู่กันนะ2

        เชิงอรรถ

        เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้1 (恨铁不成钢)หมายถึงไม่ได้ดั่งใจหวัง

        ในน้ำเต้านี้มียาอะไรอยู่กันนะ2 (葫芦里买什么药)แปลว่าไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก

Author Jinovel