มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 20 ลงทะเบียนนักศึกษาใหม่

        พวกของจ้าวเถี่ยจู้จากไปได้นาน หลีกางและหวงฉีฝานต่างก็โทรมาถามคนของตนในทันที พอรู้ว่าคนเกือบร้อยคนที่ส่งมาถูกอีกฝ่ายจัดการจนไม่เหลือ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที “หรือว่าสองคนนั้นจะอยู่ในอันดับ” หวงฉีฝานพูดกับตัวเอง และตั้งแต่คืนนี้ไป ชื่อของทั้งสองคนก็เป็นที่เพ่งเล็งของพนักงานระดับสูงของเมืองฝูเจี้ยน รวมทั้งในโลกมืดอีกด้วย

        จ้าวเถี่ยจู้ไม่มีทางที่จะสนเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เป็นแน่ เมื่อกลับถึงบ้าน ซูเหยียนหนีพูดกับชายหนุ่มไม่กี่ประโยคแล้วรีบขึ้นไปนอนทันที ส่วนหลีหลิงเอ่อร์ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนที่ห้องเอง ร้อนถึงจ้าวเถี่ยจู้ที่ต้องแบกขึ้นไปส่ง

        ขณะที่เขาพาหลีหลิงเอ่อร์มาส่งที่ห้องและกำลังจะออกไปแต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงแขนเอาไว้เสียก่อน “อย่าไปนะ” เขานิ่งอึ้งอยู่สักพัก จากนั้นจึงก้มมองหลีหลิงเอ่อร์ที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูเศร้าสร้อย หรือว่าเธอกำลังฝันถึงเขา เขายิ้มพร้อมทั้งแอบยินดีอยู่ในใจ

        ชิงตี้ อย่าจากหลิงเอ่อร์ไป” แต่ประโยคที่เพิ่งออกมาจากปากของหญิงสาวทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงทันที ดูท่าคนที่หลีหลิงเอ่อร์เรียกจะไม่ใช่เขา เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ชื่อชิงตี้คือใคร ทำไมถึงใจร้ายทิ้งสาวสวยแบบหลีหลิงเอ่อร์ได้ลงคอ หลีหลิงเอ่อร์ใช้หลังมือของเขาแนบไปที่แก้ม สัมผัสนุ่มนิ่มจากอีกฝ่ายทำให้เลือดลมในร่างกายเขาสูบฉีดมากกว่าปกติ แต่เขาไม่ใช่พวกชอบฉวยโอกาส เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอแน่ เขาจึงได้แต่ทรุดนั่งลงที่พื้นข้างๆ เตียงแล้วมองดูหลีหลิงเอ่อร์อยู่แบบนั้น ไม่กล้าดึงมือออกเพราะกลัวเธอจะตื่นขึ้นมา

        เฉาจื่ออี๋ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเดินผ่านห้องของหลีหลิงเอ่อร์ เห็นจ้าวเถี่ยจู้นั่งอยู่ที่ข้างเตียงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นจึงถือรูปวาดของตนแล้วเดินเข้าห้องไป

        จ้าวเถี่ยจู้พิงด้านข้างของเตียง นอนหลับโดยที่ตายังปิดไม่สนิทดี ราวกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น

        เช้าวันต่อมา หลีหลิงเอ่อร์ตื่นนอนอย่างสะลึมสะลือ เมื่อคืนเธอหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เธอจึงเตรียมจะพลิกตัวไปอีกด้านเพื่อนอนต่อ ทันใดนั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นจ้าวเถี่ยจู้ที่อยู่ข้างเตียง เธอเตรียมอ้าปากกรี๊ดอย่างตกใจแต่มองไปเห็นมือตนที่จับมือของอีกฝ่ายเข้าเสียก่อน จากนั้นหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที

        ตื่นแล้วก็ไม่ต้องนอนต่อแล้ว รีบลุกขึ้นไปหาอะไรทานหน่อยเถอะ คออ่อนแล้วยังจะดื่มเบียร์เข้าไปอีก จริงๆ เลย” จ้าวเถี่ยจู้ที่ตื่นก่อนหญิงสาวนานแล้วเห็นอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาแต่ไม่ยอมพูดอะไร ตนจึงดึงมือออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วพูดแทน

        หลีหลิงเอ่อร์ได้ยินที่อีกฝ่ายบอกก็พยักหน้ารับ รอจนจ้าวเถี่ยจู้เดินออกจากห้องไปแล้ว เธอก็ก้มมองมือของตนที่จับมืออีกฝ่ายไว้เมื่อสักครู่ ราวกับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของอีกฝ่ายที่ยังทิ้งเอาไว้ แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ “ชิ โดนเอาเปรียบจนได้

        ตอนที่จ้าวเถี่ยจู้เดินลงมาก็เห็นเฉาจื่ออี๋กำลังทำกับข้าวอะไรสักอย่างอยู่ในครัวแล้ว เขาเดินไปหยุดที่ด้านหลังของหญิงสาวแล้วสูดหายใจเข้าไปแรงๆ “หอมจัง” ประโยคนี้ของชายหนุ่มไม่รู้ว่าหมายถึงตัวของอีกฝ่ายหรือหมายถึงอาหารกันแน่

        ไปล้างมือเถอะ” เฉาจื่ออี๋บอกพร้อมกับรอยยิ้ม

        เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถึงวันเปิดเรียนของมหาลัยฝูเจี้ยนแล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรก จ้าวเถี่ยจู้และหลีหลิงเอ่อร์จึงไปมหาลัยกันตั้งแต่เช้า

        มหาลัยฝูเจี้ยนเป็นหนึ่งในมหาลัยที่ดีที่สุดของจีน และยังเป็นมหาลัยที่มีนักศึกษาเยอะที่สุดอีกด้วย เพราะเป็นมหาลัยที่เปิดให้คนทั่วโลกเข้ามาเรียนได้ หนึ่งคณะมีนักศึกษาเรียนอยู่มากกว่าโรงเรียนอื่นทั้งโรงเรียนเสียอีก ขนาดของมหาลัยก็ใหญ่โตกินเนื้อที่หลายร้อยไร่ ดังนั้นมหาลัยจึงตั้งอยู่ในเขตนอกเมือง ขณะนี้ที่หน้ามหาลัยมีคนสองคนเพิ่งลงมาจากรถแท็กซี่ คนหนึ่งเป็นสาวสวยไว้ผมสั้นทรงเห็ดดูน่ารัก เธอสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวทำให้เห็นหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินตัวจนคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็หันมามองจนเหลียวหลัง ที่ด้านข้างของหญิงสาวมีชายวัยรุ่นที่หน้าตาออกจะธรรมดาไปสักหน่อยยืนอยู่ แววตาไม่แสดงความกระตือรือร้นแบบวัยรุ่นทั่วไป กลับแสดงแววตาที่เหมือนกับผ่านโลกมาแล้วอย่างโชกโชนแทน เขาสวมเสื้อผ้าง่ายๆ ถึงแม้จะไม่ได้ดูมอมแมมอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูดีเช่นกัน คนทั้งสองคนนี้ก็คือจ้าวเถี่ยจู้และหลีหลิงเอ่อร์นั้นเอง 

        ใหญ่โตจริงๆ” จ้าวเถี่ยจู้มองไปที่บรรดาตึกที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะพูดออกมา

        ใช่สิ มหาลัยฝูเจี้ยนเป็นมหาลัยที่มีเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเชียวนะ ได้ยินมาว่าใหญ่กว่าเมืองๆ หนึ่งเสียอีก” หลีหลิงเอ่อร์พูดอวดพร้อมทั้งหัวเราะออกมา เสียงที่ไพเราะของเธอต่างก็ทำให้คนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว คนสวยนี่ไปไหนก็ต้องมีคนมองอยู่เสมอเลย เขาคิดอยู่ในใจ น่าเสียดาย เขาเองก็ออกจะดูดีจากภายใน แต่ทำไมถึงไม่มีสาวที่ไหนเห็นเลยสักคนนะ ดูท่าคงจะไม่มีใครที่มองเข้ามาเห็นถึงจิตใจของเขาได้

        ไปเถอะ” หลีหลิงเอ่อร์ใช้มือหนึ่งลากข้อศอกเขาให้เดินต่อ ทันใดนั้นเองเขารู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่มองมาที่เขาอย่างไม่ประสงค์ดีสักเท่าไหร่ เขาได้แต่ถอนหายใจ นี่เขาตกเป็นเป้าอีกแล้วเหรอ

        เขาโดนหลีหลิงเอ่อร์ลากมาถึงตึกๆ หนึ่ง สาขาที่หญิงสาวสอบได้ก็คือสาขาภาษาต่างประเทศ และแน่นอน สาขาที่เฉินซือหลิงจัดให้เขาเข้าเรียนก็ต้องเป็นสาขานี้เหมือนกัน พวกเขามองตามป้ายจึงหาจุดลงทะเบียนของนักศึกษาใหม่ของสาขานี้เจอ

        ซูช่ันเป็นนักศึกษาปีสามของสาขาภาษาต่างประเทศ เขามามหาลัยตั้งแต่เช้าเพื่อต้อนรับบรรดานักศึกษาใหม่ เพื่องานนี้เขาถึงกับต้องเลี้ยงข้าวอาจารย์ที่สาขานี้อยู่หลายมื้อ ก็อย่างที่รู้กันว่าสาขานี้จะมีผู้หญิงมาเรียนมากเป็นอันดับสอง ไม่ใช่แค่เยอะธรรมดานะ แต่ปีนี้มีมากถึงแปดสิบคนจากหนึ่งร้อยคนเลยทีเดียว ทำให้เขาที่ถึงแม้ตอนนี้จะเรียนอยู่ปีสามแล้วแต่ยังโสดอยู่ ดีใจจนแทบอยากจะจุดพลุฉลองเลยก็ว่าได้ ให้มันดังไปถึงพวกคนมีแฟนแล้วที่ชอบว่าเขาเลยได้ยิ่งดี เขาอิจฉาพวกนั้นจนจะบ้าตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เขาจึงมาที่จุดลงทะเบียนตั้งแต่เช้า แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งมีคนมาลงทะเบียนได้แค่ไม่กี่สิบคนเอง แล้วผู้หญิงในบรรดานั้นถ้าไม่สนใจเขาก็เป็นพวกหน้าตาบ้านๆ ทำให้เขาอดรู้สึกเซ็งไม่ได้

        สวัสดีค่ะ ขอถามหน่อยค่ะ ที่นี่คือจุดลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ของสาขาภาษาต่างประเทศใช่ไหมคะ” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้น

            เมื่อได้ยินเสียงถามซูช่ั่นจึงเงยหน้าเซ็งๆ ของตนขึ้นมา เตรียมจะหยิบแบบฟอร์มส่งให้ และทันทีที่เขาเห็นหน้าอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกราวกับมีลำแสงพุ่งเข้าใส่เขาเข้าอย่างจัง เขาจึงใช้น้ำเสียงที่คิดว่าดูดีที่สุดตอบกลับไป “มาๆ มานั่งเขียนตรงนี้ อย่ายืนเขียนเลย อากาศมันร้อน เดี๋ยวพี่ขอแนะนำตัวก่อนละกัน พี่ชื่อซูช่ั่น เรียนอยู่ปีสามสาขาภาษาต่างประเทศ น้องเรียกว่ารุ่นพี่ก็ได้ แล้วน้องละชื่ออะไร

        สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ฉันชื่อหลีหลิงเอ่อร์ค่ะ” หลีหลิงเอ่อร์แนะนำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และรอยยิ้มนั่นเองที่ทำให้ซูช่ั่นแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น ขณะนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านข้างของหลีหลิงเอ่อร์มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย เขาเงียบอย่างพูดไม่ออก ดอกไม้ดอกนี้มีเจ้าของแล้วงั้นเหรอ

        คนๆ นี้คือพี่ชายใช่ไหม แหม ดีจังเลยมีพี่ชายมาเป็นเพื่อนด้วย” เขาถามหลีหลิงเอ่อร์ที่เขียนแบบฟอร์มเสร็จก็ส่งคืนให้เขา

        ไม่ใช่ค่ะ เป็นแฟนฉันเองค่ะ แล้วก็เป็นนักศึกษาใหม่ของสาขานี้เหมือนกันด้วยค่ะ ถ้ายังไงรบกวนรุ่นพี่เอาแบบฟอร์มให้เขาด้วยนะคะ” หลีหลิงเอ่อร์ตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม ซูช่ั่นที่ได้ฟังก็รู้สึกหัวใจแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี เขาหล่อกว่าผู้ชายตรงหน้าตั้งเยอะ หน้าตาธรรมดายังมีแฟนสวยขนาดนี้ แล้วเขาละ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนสักที 

        ซูช่ั่นส่งแบบฟอร์มให้จ้าวเถี่ยจู้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ด้านจ้าวเถี่ยจู้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่ยื่นมือออกไปรับแบบฟอร์มมาเขียน เขียนเสร็จก็ส่งคืนให้อีกฝ่าย ซูช่ั่นรับมาแล้วดูชื่อของอีกฝ่าย “จ้าวเถี่ยจู้… ขนาดชื่อยังธรรมดาเลย แต่กลับมีแฟนเป็นสาวสวยเนี่ยนะ คอยดูนะ ถ้ามีลูกก็จะตั้งชื่อลูกว่าซูเถี่ยจู้ไม่ก็ซูเถี่ยฉิว จะได้ไม่ต้องเป็นโสดเป็นแบบพ่อของมัน

        พวกเธอถือใบตอบรับนี่ไปหาอาจารย์ที่ตึก A นะ” เขาพูดจบก็ฟุบหน้าลงไปนอนบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ เหมือนเดิม

        ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” หลีหลิงเอ่อร์ยังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        ซูช่ั่นเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะด้วยใบหน้าสดใสทันทีพร้อมทั้งยกมือลูบผมอย่างเขินอาย “ยินดีๆ ถ้าอีกหน่อยน้องมีเรื่องอะไรล่ะก็ มาหาพี่ได้เลยนะ” เขาพูดจบก็เห็นหญิงสาวเดินควงชายหนุ่มออกไป

        เฮ้อ” เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

        เลิกเอาพี่เป็นโล่ได้แล้ว พี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะ” จ้าวเถี่ยจู้พูดกับหลีหลิงเอ่อร์หลังจากที่เดินออกมาจากจุดลงทะเบียนแล้ว

        ทำไมคะ พี่เถี่ยจู้ไม่อยากเป็นโล่ให้หลิงเอ่อร์เหรอ หรือว่าพี่เถี่ยจู้อยากเห็นหลิงเอ่อร์โดนคนพวกนั้นรังแก” หลีหลิงเอ่อร์พูดพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร ส่วนเขาก็ได้แต่เงียบอย่างจนปัญญา

        งั้นเดี๋ยวหลิงเอ่อร์เลี้ยงข้าวพี่เถี่ยจู้ก็ได้

        ได้

        หลิงเอ่อร์ล้อเล่นค่ะ

        …..

Author Glory Forever